Social :



จ่อร้องตร.ระงับเหตุช้า คนร้ายยิงสามีดับต่อหน้าลูกบนโรงพัก

17 ธ.ค. 65 18:12
จ่อร้องตร.ระงับเหตุช้า คนร้ายยิงสามีดับต่อหน้าลูกบนโรงพัก

จ่อร้องตร.ระงับเหตุช้า คนร้ายยิงสามีดับต่อหน้าลูกบนโรงพัก

จากกรณี ตำรวจจับกุม นายพีรสิน กุลชุติสิน อายุ 27 ปี ลูกเจ้าของโรงงานซื้อขายพริกรายใหญ่ ที่ก่อเหตุใช้ปืน 9 มม. ยิง นายคมสัน อินทร์ฤทธิ์ หรือ ม่อน อายุ 32 ปี เสียชีวิตบนโรงพัก สน.หลักสอง เหตุจากเรื่องทะเลาะวิวาทกันบนท้องถนน แล้วเจ้าหน้าที่เรียกมาเคลียร์กันที่โรงพัก ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น


เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. นางนุชนารถ พุทธคุณ อายุ 58 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต พร้อม น.ส.ปภาดา นิสสัยสุข อายุ 32 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เดินทางมารับร่างของ นายคมสัน ไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา โดย น.ส.ปภาดา เปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น เกิดจากเพียงแค่การทะเลาะวิวาทกันบนท้องถนน แต่กลับกลายมาเป็นความสูญเสียถึงชีวิต จุดเริ่มตนของเรื่องนี้ เกิดจากช่วงเย็น ของวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา บริเวณหน้าปากซอยเพชรเกษม 92/2 (เขตบางแค กทม.) โดยเริ่มจากคู่กรณีต้องการจะกลับรถ แต่ไม่ได้อยู่ในช่องทางสำหรับกลับรถ ตามที่รถคันอื่นทำ สามีของตนซึ่งขับรถมาในทางตรงจึงไม่ให้ทาง สร้างความไม่พอใจให้กับคู่กรณี เมื่อคู่กรณีกลับมาได้ จึงขับรถตามตนมา พร้อมกับเปิดไฟสูง จากนั้นคู่กรณีขับรถออกเลนซ้ายเพื่อแซงขึ้นข้างหน้า ยอมรับว่าตอนนั้นสามีตนก็โมโห จึงมีการขับรถปาดกันไปกันมา สามีตนจึงนำขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่ดื่มแล้วซึ่งอยู่ในรถขว้างออกไปที่รถของคู่กรณี เพื่อจะให้คู่กรณีหยุดรถ เพื่อจะพูดคุยเจรจากัน 


พอคู่กรณีหยุดรถและสามีตนก็ไปจอดขนาบข้าง คู่กรณีลดกระจกลงมาพร้อมกับการถ่ายคลิปและโต้เถียงด้วยถ้อยคำ เขวี้ยงข้าวของไปมาจนโดนหน้าสามีตน ทำให้สามีตนโมโหจึงเข้าไปต่อยคู่กรณี 1-2 ครั้งเท่านั้น ส่วนคู่กรณีก็ต่อยส่วนคืนมา ซึ่งตนไม่คิดว่าจะเป็นคดี เพราะคิดว่าเป็นการทะเลาะกันระหว่างลูกผู้ชาย
Lif
จากนั้นหลานชายของตนได้ลงไปห้าม ไม่ได้ลงไปรุมทำร้ายตามที่คู่กรณีกล่าวอ้าง จากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป ซึ่งในขณะเกิดเหตุมีพยานเห็นว่าคู่กรณีมีปืน ส่วนเรื่องการใช้สนับมือต่อยคู่กรณีนั้น ตนยืนยันว่าสามีของตนไม่ได้ใช้ ถ้ามีจริง แผลที่ใบหน้าของคู่กรณีคงไม่ใช่แค่รอยฟกช้ำ


น.ส.ปภาดา กล่าวต่อ กรณีการเจรจา ที่ สน.หลักสอง ซึ่งเป็นการนัดเจรจาครั้งแรก โดยคู่กรณีมีการเรียกเงิน 9 ล้านจริง ซึ่งตนเป็นแม่บ้าน หาเช้ากินค่ำจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายในจำนวนมากมายขนาดนั้น ซึ่งเหตุการณ์ตอนนั้นไม่ได้รุนแรง แต่แฟนสาวของคู่กรณีได้กล่าวว่า ไม่คิดจะขอโทษบ้างเหรอ สามีตนที่นั่งหันหน้ามาทางพนักงานสอบสวนจึงเอี้ยวตัวไปขอโทษคู่กรณีที่ยื่นอยู่ด้านหลัง ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้รุนแรง ตามที่อยู่กรณีอ้าง จึงอาจจะเป็นชนวนเหตุที่ผู้ก่อเหตุไม่พอใจไปเอาปืนมายิงสามีตน ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าคู่กรณีจงใจที่จะก่อเหตุ เนื่องจากมีการพกปืนมาด้วย รวมถึงลักษณะการจอดรถจอดที่หน้าประตู สน.พอดี และเมื่อก่อเหตุแล้ว ก็จึงวิ่งขึ้นรถและหลบหนีไป และมีคนสังเกตเห็นว่า ภรรยาผู้ก่อเหตุมีการใส่เอียร์ปลั๊ก ที่คนซ้อมยิงปืนมักจะใส่กันที่หู จึงตั้อสังเกตว่า ถ้าไม่ได้เตรียมการ หรือมีส่วนรู้เห็น จะมีการใส่เอียร์ปลั๊กมาก่อนเพื่ออะไร

ทั้งนี้ ตนมองว่าเหตุที่เกิดขึ้นมันรุนแรงเกินไป จากเหตุทะเลาะวิวาท กลายมาเป็นเหตุยิงกันตาย และผู้ก่อเหตุยิงถึง 8 นัด ในพื้นที่บนโรงพัก สถานีตำรวจเป็นที่พึ่งพาของประชาชน แต่กลับถูกยิงตายบนโรงพัก ถ้าหากตอนนั้น ตำรวจมีการระงับเหตุอย่างรวดเร็ว สามีคงไม่ตาย หลังจากนี้ อาจจะมีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาเกิดเหตุด้วย เนื่องจากมองว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ท้ายที่สุดตนอยากถามคนก่อเหตุว่า จิตใจทำด้วยอะไร ตอนที่ยิงสามีของตน ตนและลูกก็นั่งอยู่ตรงนั้น ลูกเห็นพ่อเขาถูกยิง ล้มลงไปต่อหน้าต่อตา ส่วนสามีอยากบอกว่า ให้กลับไปอยู่บ้านด้วยกัน ตนและลูกรออยู่

ขอบคุณที่มา     ข่าวเดลินิวส์

โพสต์โดย : ปลายน้ำ