เปิดนาทีรวบ อ.บาส ตุ๋นลงทุนประมูลเครื่องแบบราชการ อู้ฟู่ซื้อรถหรู เหยื่อสูญ 17 ล้าน
สืบนครบาลส่งท้ายปี รวบ ‘อาจารย์บาส’ หลอกร่วมลงทุนประมูลผลิตเครื่องแบบราชการ เสียหายกว่า 17 ล้าน ได้เงินเอาไปซื้อรถหรูขับ พบคดีติดตัวอื้อ
พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สืบสวนติดตามจับกุมตัว นายหมวดตรี วิทวัส หรือบาส ยอแสง อายุ 35 ปี ชาว อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1295/2565 ลงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2565
โดยกล่าวหาว่า ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และปลอมเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้ว ในราชอาณาจักร
โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณ ลานจอดรถชั้น 4 ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่าน พระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น.รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนจากประชาชนว่า ถูกอาจารย์บาสหรือหมวดตรี ใช้กลอุบายโพสต์เชิญชวนคนที่อยากหารายได้เสริมผ่านเฟซบุ๊กดังกล่าว
มีลงรูปกิจกรรมกับหน่วยงานราชการเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยใช้คิวอาร์โค้ดให้ผู้เสียหายแอดเข้าไปในห้องไลน์ที่สร้างขึ้น หลังจากนั้นจะส่งข้อความเชิญชวนให้ร่วมลงทุน รับเหมาหรือรับจ้างทำงานกับส่วนราชการ โดยเป็นการตัดชุดเครื่องแบบของหน่วยงานราชการ ในการลงทุนแต่ละงานคนร้ายจะให้รายละเอียดเป็นชื่องาน จำนวนผลตอบแทนที่ผู้เสียหายจะได้รับ จากการนำเงินมาลงทุนในจำนวนเงินที่สูงประมาณร้อยละ 20 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แล้วแต่ชนิดของงานที่ประมูล
และมีวันที่จะได้ผลตอบแทน พร้อมเงินต้นในงานนั้น (เช่น งาน A มีค่าตอบแทนร้อยละ 20 ส่งงานภายในกำหนดวันที่ 12 ม.ค. รับเงินวันที่ 14 ม.ค. เท่ากับว่าหากลงทุน 10,000 บาท จะได้ผลกำไร 2,000 บาท รวมในวันที่ 14 ม.ค. จะได้เงินคืน 12,000 บาท เป็นต้น)
เมื่อผู้เสียหายตัดสินใจลงทุน จะต้องส่งชื่อบัญชีพร้อมเลขที่บัญชีธนาคารให้คนร้าย และโอนเงินค่าลงทุนเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชีดังกล่าว ชื่อบัญชี บริษัท ลูกเสือสัมพันธ์ จำกัด
จากนั้นเมื่อถึงวันที่ผู้เสียหายจะต้องได้รับเงินพร้อมค่าตอบแทนคืน กลับไม่ได้รับเงินคืนจากคนร้าย เมื่อติดต่อไปกลับไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด ซ้ำยังถูกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินคืน ไม่ตอบรับจากทางเพจหรือไลน์ดังกล่าว จากนั้นผ่านไปสักระยะหนึ่ง คนร้ายจะติดต่อกลับมาขอเจรจาแบ่งผ่อนชำระ เมื่อผู้เสียหายตกลงก็จะต้องรอต่อไปจนถึงวันนัดชำระคือ เมื่อถึงกำหนดคนร้ายก็จะบ่ายเบี่ยงผิดนัดชำระอีก
และก็ไม่สามารถติดต่อได้ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนวิเคราะห์ว่า น่าจะเป็นเงินที่มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเข้าพบว่ามียอดเงินที่โอนเข้าจำนวนรวมกว่า 17 ล้านบาท เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหาในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าผู้ต้องหามีประวัติ เคยถูกจับกุมมาแล้ว 4 ครั้ง คือครั้งที่ 1 เมื่อปี 2554 ถูกจับกุมในข้อหา “ ฉ้อโกง” ท้องที่ สน.ยานนาวา
ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2564 ถูกจับกุมในข้อหา “ตัวการในข้อหาฉ้อโกง, ตัวการในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ท้องที่ สภ.เมืองระยอง
ครั้งที่ 3 เมื่อปี 2564 ถูกจับกุมในข้อหา “ฉ้อโกง” ท้องที่ สภ.สาขลา จังหวัดสมุทรปราการ ครั้งที่ 4 เมื่อปี 2565 ถูกจับกุมในข้อหา “ตัวการในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ท้องที่ สภ.เมืองระยอง
จากการตรวจสอบประวัติคดีของผู้ต้องหา ในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า ณ ปัจจุบันผู้ต้องหายังมีหมายจับที่ยังต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี อีก 3 หมายจับ ประกอบด้วย
คดีที่ 1 คดีที่ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยมีลักษณะหรือมีการกระทำ (1) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น” ตามหมายจับศาลแขวงนนทบรี ที่ จ.406/2564 ลงวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2564 ท้องที่ สภ.บางใหญ่
คดีที่ 2 คดีที่ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” ตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 290/2564 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 ท้องที่ สน.ทุ่งครุ
คดีที่ 3 คดีที่ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.585/2564 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 ท้องที่ สน.ประเวศ
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การว่า ปัจจุบันตนเปิดบริษัทเป็นของตนเอง ชื่อบริษัท ลูกเสือสัมพันธ์ จำกัด รับส่งออก นำเข้า ผลิตเครื่องแต่งกายลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาต ชุดนักเรียน เป็นธุรกิจหลักของครอบครัว ในส่วนของการรับประมูลงานตัดชุดเครื่องแบบหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ตนโพสต์เชิญชวนคนที่อยากหารายได้เสริมผ่านเฟซบุ๊กตนเองรับว่า ตนกระทำจริง ในครั้งแรกตั้งใจจะให้ผลกำไรคืนแก่ผู้เสียหายตามที่ประกาศไว้
แต่เนื่องจากตนไม่สามารถยื่นประมูลงานจากหน่วยงานราชการมาทำได้ ด้วยความโลภที่มีในตัว ถ้าจะคืนเงินต้นทุนคืนให้แก่ผู้เสียหายก็เสียดายเงินทุนที่มีอยู่ในมือ จึงนำเงินที่ผู้เสียหายร่วมลงทุนดังกล่าว คงค้างในบัญชีไว้ก่อน แต่เนื่องจากตน ทนกิเลสความต้องการไม่ได้ จึงนำเงินที่มีผู้เสียหายส่งมาร่วมลงทุนดังกล่าว นำไปซื้อรถยนต์หรูยี่ห้อดังต่างๆ เช่น รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น E250, ยี่ห้อ BMW ซีรี่5 รุ่น 520 D, ยี่ห้อฟอร์ด มัสแตง GT5.0, จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ยี่ห้อ Triumph รุ่น Rocket 3 R มาใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อถึงเวลากำหนดส่งเงินต้นพร้อมกำไรคือให้แก่ผู้เสียหาย ก็โพสต์เชิญชวนประชาชนอื่นที่สนใจให้เข้าร่วมลงทุนในโครงการประมูลงานใหม่ เพื่อนำเงินทุนไปจ่ายเป็นเงินต้นและกำไรให้แก่ผู้ที่ลงทุนในโครงการก่อนหน้า
แต่เนื่องจากในบางครั้งโครงการประมูลที่เปิดใหม่ไม่มีผู้สนใจร่วมลงทุนมากพอ จึงไม่สามารถนำเงินไปส่งต้นและกำไรให้ผู้ร่วมลงทุนก่อหน้าได้ เป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดี ที่ผ่านมาเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ช่วงปี 2562 นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวหากพบคนร้ายรายนี้หลอกลวง ขอโปรดติดต่อสืบสวนนครบาล ขอแจ้งเตือนภัยว่ามิจฉาชีพมีกลโกงหลายรูปแบบ โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกง มิจฉาชีพมักใช้ความโลภเห็นแก่ผลกำไรมาเป็นจุดล่อใจให้หลงกล ควรมีสติวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม กลโกง
หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอขาย หรือชักชวนลงทุนในด้านต่างๆ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร