Social :



เปิดนาทีรวบ อ.บาส ตุ๋นลงทุนประมูลเครื่องแบบราชการ อู้ฟู่ซื้อรถหรู เหยื่อสูญ 17 ล้าน

31 ธ.ค. 65 14:12
เปิดนาทีรวบ อ.บาส ตุ๋นลงทุนประมูลเครื่องแบบราชการ อู้ฟู่ซื้อรถหรู เหยื่อสูญ 17 ล้าน

เปิดนาทีรวบ อ.บาส ตุ๋นลงทุนประมูลเครื่องแบบราชการ อู้ฟู่ซื้อรถหรู เหยื่อสูญ 17 ล้าน

สืบนครบาลส่งท้ายปี รวบ ‘อาจารย์บาส’ หลอกร่วมลงทุนประมูลผลิตเครื่องแบบราชการ เสียหายกว่า 17 ล้าน ได้เงินเอาไปซื้อรถหรูขับ พบคดีติดตัวอื้อ


เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก


โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนจากประชาชน ซึ่งถูกอาจารย์บาส หรือหมวดตรี ใช้กลอุบายโพสต์เชิญชวนคนที่อยากหารายได้เสริมผ่านเฟซบุ๊กชื่อ “ชมรมลูกเสือสัมพันธ์” โดยอาจารย์บาส จะส่งข้อความเชิญชวนให้ร่วมลงทุน รับเหมาหรือรับจ้างทำงานตัดชุดเครื่องแบบ ของหน่วยงานราชการต่างๆ


โดยสร้างความน่าเชื่อถือลงในโลกโซเชียลกับกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นต้น โดยให้โอนเงินค่าลงทุนเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 468xxxxxxxชื่อบัญชี บริษัท ลูกเสือสัมพันธ์ จำกัด สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนกว่า 17 ล้านบาท


โดยเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น, พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.,

พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สืบสวนติดตามจับกุมตัว นายหมวดตรี วิทวัส หรือบาส ยอแสง อายุ 35 ปี ชาว อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1295/2565 ลงวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2565

โดยกล่าวหาว่า ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และปลอมเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้ว ในราชอาณาจักร

โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บริเวณ ลานจอดรถชั้น 4 ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่าน พระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น.รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนจากประชาชนว่า ถูกอาจารย์บาสหรือหมวดตรี ใช้กลอุบายโพสต์เชิญชวนคนที่อยากหารายได้เสริมผ่านเฟซบุ๊กดังกล่าว

มีลงรูปกิจกรรมกับหน่วยงานราชการเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยใช้คิวอาร์โค้ดให้ผู้เสียหายแอดเข้าไปในห้องไลน์ที่สร้างขึ้น หลังจากนั้นจะส่งข้อความเชิญชวนให้ร่วมลงทุน รับเหมาหรือรับจ้างทำงานกับส่วนราชการ โดยเป็นการตัดชุดเครื่องแบบของหน่วยงานราชการ ในการลงทุนแต่ละงานคนร้ายจะให้รายละเอียดเป็นชื่องาน จำนวนผลตอบแทนที่ผู้เสียหายจะได้รับ จากการนำเงินมาลงทุนในจำนวนเงินที่สูงประมาณร้อยละ 20 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แล้วแต่ชนิดของงานที่ประมูล

และมีวันที่จะได้ผลตอบแทน พร้อมเงินต้นในงานนั้น (เช่น งาน A มีค่าตอบแทนร้อยละ 20 ส่งงานภายในกำหนดวันที่ 12 ม.ค. รับเงินวันที่ 14 ม.ค. เท่ากับว่าหากลงทุน 10,000 บาท จะได้ผลกำไร 2,000 บาท รวมในวันที่ 14 ม.ค. จะได้เงินคืน 12,000 บาท เป็นต้น)

เมื่อผู้เสียหายตัดสินใจลงทุน จะต้องส่งชื่อบัญชีพร้อมเลขที่บัญชีธนาคารให้คนร้าย และโอนเงินค่าลงทุนเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชีดังกล่าว ชื่อบัญชี บริษัท ลูกเสือสัมพันธ์ จำกัด

จากนั้นเมื่อถึงวันที่ผู้เสียหายจะต้องได้รับเงินพร้อมค่าตอบแทนคืน กลับไม่ได้รับเงินคืนจากคนร้าย เมื่อติดต่อไปกลับไม่ได้รับคำตอบที่แน่ชัด ซ้ำยังถูกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายเงินคืน ไม่ตอบรับจากทางเพจหรือไลน์ดังกล่าว จากนั้นผ่านไปสักระยะหนึ่ง คนร้ายจะติดต่อกลับมาขอเจรจาแบ่งผ่อนชำระ เมื่อผู้เสียหายตกลงก็จะต้องรอต่อไปจนถึงวันนัดชำระคือ เมื่อถึงกำหนดคนร้ายก็จะบ่ายเบี่ยงผิดนัดชำระอีก
Lif
และก็ไม่สามารถติดต่อได้ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนวิเคราะห์ว่า น่าจะเป็นเงินที่มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเข้าพบว่ามียอดเงินที่โอนเข้าจำนวนรวมกว่า 17 ล้านบาท เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหาในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าผู้ต้องหามีประวัติ เคยถูกจับกุมมาแล้ว 4 ครั้ง คือครั้งที่ 1 เมื่อปี 2554 ถูกจับกุมในข้อหา “ ฉ้อโกง” ท้องที่ สน.ยานนาวา

ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2564 ถูกจับกุมในข้อหา “ตัวการในข้อหาฉ้อโกง, ตัวการในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ท้องที่ สภ.เมืองระยอง

ครั้งที่ 3 เมื่อปี 2564 ถูกจับกุมในข้อหา “ฉ้อโกง” ท้องที่ สภ.สาขลา จังหวัดสมุทรปราการ ครั้งที่ 4 เมื่อปี 2565 ถูกจับกุมในข้อหา “ตัวการในข้อหาฉ้อโกงประชาชน, ตัวการในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ท้องที่ สภ.เมืองระยอง

จากการตรวจสอบประวัติคดีของผู้ต้องหา ในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่า ณ ปัจจุบันผู้ต้องหายังมีหมายจับที่ยังต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี อีก 3 หมายจับ ประกอบด้วย

คดีที่ 1 คดีที่ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยมีลักษณะหรือมีการกระทำ (1) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น” ตามหมายจับศาลแขวงนนทบรี ที่ จ.406/2564 ลงวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2564 ท้องที่ สภ.บางใหญ่

คดีที่ 2 คดีที่ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” ตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 290/2564 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 ท้องที่ สน.ทุ่งครุ

คดีที่ 3 คดีที่ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.585/2564 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2564 ท้องที่ สน.ประเวศ

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การว่า ปัจจุบันตนเปิดบริษัทเป็นของตนเอง ชื่อบริษัท ลูกเสือสัมพันธ์ จำกัด รับส่งออก นำเข้า ผลิตเครื่องแต่งกายลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาต ชุดนักเรียน เป็นธุรกิจหลักของครอบครัว ในส่วนของการรับประมูลงานตัดชุดเครื่องแบบหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ตนโพสต์เชิญชวนคนที่อยากหารายได้เสริมผ่านเฟซบุ๊กตนเองรับว่า ตนกระทำจริง ในครั้งแรกตั้งใจจะให้ผลกำไรคืนแก่ผู้เสียหายตามที่ประกาศไว้

แต่เนื่องจากตนไม่สามารถยื่นประมูลงานจากหน่วยงานราชการมาทำได้ ด้วยความโลภที่มีในตัว ถ้าจะคืนเงินต้นทุนคืนให้แก่ผู้เสียหายก็เสียดายเงินทุนที่มีอยู่ในมือ จึงนำเงินที่ผู้เสียหายร่วมลงทุนดังกล่าว คงค้างในบัญชีไว้ก่อน แต่เนื่องจากตน ทนกิเลสความต้องการไม่ได้ จึงนำเงินที่มีผู้เสียหายส่งมาร่วมลงทุนดังกล่าว นำไปซื้อรถยนต์หรูยี่ห้อดังต่างๆ เช่น รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น E250, ยี่ห้อ BMW ซีรี่5 รุ่น 520 D, ยี่ห้อฟอร์ด มัสแตง GT5.0, จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ยี่ห้อ Triumph รุ่น Rocket 3 R มาใช้ในชีวิตประจำวัน

เมื่อถึงเวลากำหนดส่งเงินต้นพร้อมกำไรคือให้แก่ผู้เสียหาย ก็โพสต์เชิญชวนประชาชนอื่นที่สนใจให้เข้าร่วมลงทุนในโครงการประมูลงานใหม่ เพื่อนำเงินทุนไปจ่ายเป็นเงินต้นและกำไรให้แก่ผู้ที่ลงทุนในโครงการก่อนหน้า

แต่เนื่องจากในบางครั้งโครงการประมูลที่เปิดใหม่ไม่มีผู้สนใจร่วมลงทุนมากพอ จึงไม่สามารถนำเงินไปส่งต้นและกำไรให้ผู้ร่วมลงทุนก่อหน้าได้ เป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดี ที่ผ่านมาเริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ช่วงปี 2562 นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวหากพบคนร้ายรายนี้หลอกลวง ขอโปรดติดต่อสืบสวนนครบาล ขอแจ้งเตือนภัยว่ามิจฉาชีพมีกลโกงหลายรูปแบบ โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกง มิจฉาชีพมักใช้ความโลภเห็นแก่ผลกำไรมาเป็นจุดล่อใจให้หลงกล ควรมีสติวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม กลโกง

หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอขาย หรือชักชวนลงทุนในด้านต่างๆ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร

ขอบคุณที่มา   ข่าวสด

โพสต์โดย : ปลายน้ำ