เสี่ยรถหรูไม่ยอมเป่าโบกแท็กซี่หนี ตร.เผยรอผลเลือดก่อนฟันข้อหาหนัก

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถยนต์ของกลางในคดี รวม 3 คัน ถูกจอดเก็บรักษาไว้ที่ศูนย์เก็บรถอุบัติเหตุ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ จากการตรวจสอบสภาพความเสีย พบรถยนต์เบนท์ลีย์ เสียหายที่ไฟหน้าฝั่งขวาช่วงฝากระโปรงพังยับ สปอยเลอร์กันชนหน้าหลุด และพบถุงลมแอร์แบ็คทำงานปกติทั้งฝั่งคนขับและคนนั่งข้าง นอกจากนี้ ภายในรถมีขวดไวน์ตกอยู่ 1 ขวด บริเวณเบาะผู้โดยสารตอนท้าย ส่วนรถยนต์ปาเจโร่ สีดำ ด้านฝากระโปรงหน้ายุบหายไปครึ่งคัน กระจกหน้าแตกยับเยิน ส่วนรถดับเพลิง บริเวณช่วงฝากระโปรงและกันชนหน้ารถพังยับเยิน

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพูดคุยกับผู้เสียหายคู่กรณีของรถยนต์เบนท์ลีย์ นายอิทธิพล ประสงทรัพย์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยมัสยิดฮารูณ เล่าว่า ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุมีรถคันหนึ่งวิ่งตามมา เขาตบซ้ายออกมาแล้วรูดซ้าย เหมือนเขาจะหักเข้ามาเลนขวาเพื่อจะมาปาดหน้าเราอีกทีหนึ่งแต่ไม่พ้น ไปชนกับรถยนต์มิตซูบิชิก่อน ซึ่งในรถคันนั้นมีคนเจ็บหลายคนน่าจะประมาณ 6 คน ทั้งนี้ รถและอุปกรณ์ดับเพลิงได้รับความเสียหายทั้งหมด เบื้องต้นทางผู้ใหญ่ของมูลนิธิได้เป็นคนไปพูดคุย แต่ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรมากว่าจะชดใช้อย่างไร ในที่เกิดเหตุเขาไม่ได้ลงมาช่วย ยืนอยู่ริมฟุตปาธ ทีมอาสาดับเพลิงเห็นว่าเขาจะหนีเลยไปตามมา ตนคิดว่าเขาอาจจะเมา ทั้งนี้ ขอฝากว่าถ้าเจอรถพยาบาล รถดับเพลิง อย่าตามจี้ท้ายอย่าปาดหน้าเลย เพราะต้องรีบไปช่วยคน โดยเฉพาะเมื่อคืนมีผู้ติดค้าง และตนเป็นทีมภายในอาคาร จะต้องรีบไปช่วยคน ถ้าให้ทางได้ควรให้ทางกับรถพยาบาลและรถดับเพลิง

ด้าน นายอานนท์ ศรีสุวรรณากุล อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยหน่วยฐานพระยาตาก กล่าวว่า เบื้องต้นรถดับเพลิงคันที่จะไปที่เกิดเหตุไฟไหม้ขับอยู่บนทางด่วน แล้วมีรถเก๋งแซงซ้ายขึ้นมาแล้วตบเข้าขวาไปโดนรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร รถจึงพลิกคว่ำไปกระแทกกับแท่งแบริเออร์ และโดนรถอาสาดับเพลิง หลังจากเกิดเหตุสังเกตอาการของคนขับรถเก๋งมีอาการมึนเมาและได้เดินลงจากทางด่วนไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อจะหนี แต่มีอาสาที่รู้เหตุการณ์ได้ขับรถตามรถแท็กซี่ไป จากนั้นก็ไปที่ สน. เขาพยายามเดินบ่ายเบี่ยงเข้าห้องน้ำ แล้วเดินหลีกเลี่ยงออกหลังห้องน้ำเพื่อจะหนีอีกรอบหนึ่ง เมื่อถึงร้อยเวรแล้วเขาบอกว่าจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับรถดับเพลิงและรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร

ด้าน พ.ต.ท.พิเชษฐ์ เปิดเผยว่า ทางผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ ยอมรับผิดและยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายให้กับคู่กรณีทั้งหมด ทั้งนี้ ได้ทำบันทึกประจำวันไว้และส่งตัวผู้ขับขี่ไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นการตรวจที่ได้มาตรฐาน อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมีทางฝั่งรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร บาดเจ็บทุกคน หนักสุดแขนหักอยู่ระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนการเจราจาไกล่เกลี่ยมีทนายของฝั่งรถยนต์มิตซูบิชิได้ติดต่อเข้ามาแล้ว ซึ่งขณะนี้ต้องรอให้ผู้บาดเจ็บรักษาอาการให้หายดีก่อน และจะต้องรอผลตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ยืนยันจากโรงพยาบาลตำรวจอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ก.พ. 66 ขณะนี้จึงยังไม่ได้แจ้งข้อหา เนื่องจากต้องรอผลตรวจยืนยันจากแพทย์และรอฝั่งผู้เสียหายรักษาอาการบาดเจ็บ ก่อนพิจารณาแจ้งข้อหาต่อไป.