Social :



บุกค้นโกดังทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดของกลางนับแสนค่ากว่า 30 ล้าน

23 ม.ค. 66 15:01
บุกค้นโกดังทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดของกลางนับแสนค่ากว่า 30 ล้าน

บุกค้นโกดังทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า ยึดของกลางนับแสนค่ากว่า 30 ล้าน

เมื่อวันที่ 23 ม.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ, พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมเครือขายบุหรี่ไฟฟ้า โดยจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 138,254 ชิ้น มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเดือน พ.ย. ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้เปิดปฎิบัติการทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยจับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลาง บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า รวมจำนวนประมาณ 327,400 ชิ้น รวมมูลค่าในท้องตลาดคิดเป็นมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ต่อมาได้ขยายผลก่อนนำกำลังตรวจค้นร้าน Seoul Hub อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น เลขที่ 49/5 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ร้าน WARP CAFÉ ที่ถนนโยธาธิการนนทบุรีสายท่าอิฐ ต.บางรักน้อย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี และจับกุมนายแบงค์ ซึ่งเป็นเครือข่ายที่รับบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยามาจำหน่ายต่อ พร้อมยึดของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้า, น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า รวมจำนวนประมาณ 2,654 ชิ้น มูลค่า 2 แสนบาท โดยนายแบงค์ให้การรับว่าของกลางทั้งหมดเป็นของนายแพท ซึ่งเช่าโกดังแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองสระบุรี เป็นที่เก็บของ จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสระบุรีเข้าทำการตรวจค้น ก่อนนำหมายค้นที่ 13/2566 ลงวันที่ 22 ม.ค. 66 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 49/2 หมู่ที่ 2 (โกดัง 2) ต.ดาวเรือง อ.เมืองสระบุรีจ.สระบุรี

MulticollaC

จากการตรวจสอบพบบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า รวมจำนวนประมาณ 364 ลัง หรือประมาณ 135,600 ชิ้น มูลค่า 30 ล้านบาท ก่อนจับกุม นายแพท (สงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 28 ปี และนายแก๊ป (สงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดูแล จากการสอบสวนนายแพทให้การรับว่าทำมานานกว่า 1 ปี ซึ่งสั่งบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามาจากประเทศมาเลเซีย โดยใช้โกดังในพื้นที่ จ.สระบุรี เป็นสถานที่เก็บ เพื่อรอกระจายสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้ารายย่อย โดยเฉพาะใน จ.นนทบุรี ถือเป็นกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่สำคัญ ซึ่งทางตำรวจไซเบอร์จะขยายผลจับกุมเครือข่ายอื่นอย่างต่อเนื่อง


อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกัน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือเคลื่อนย้ายของออกไปจากยานพาหนะ คลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่งคง ท่าเรือ รับอนุญาต หรือเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานศุลกากร”เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560” ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.2 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ขอบคุณที่มา     ข่าวเดลินิวส์

โพสต์โดย : ปลายน้ำ