Social :



เมียลั่นพร้อมสู้ หลังชนฝาแล้ว หลังสามีตาย ถูก 6 ตร.รุมทำร้าย คู่กรณีย่องเคารพศพ มอบเงินช่วย

26 ม.ค. 66 09:01
เมียลั่นพร้อมสู้ หลังชนฝาแล้ว หลังสามีตาย ถูก 6 ตร.รุมทำร้าย คู่กรณีย่องเคารพศพ มอบเงินช่วย

เมียลั่นพร้อมสู้ หลังชนฝาแล้ว หลังสามีตาย ถูก 6 ตร.รุมทำร้าย คู่กรณีย่องเคารพศพ มอบเงินช่วย

เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 25 ม.ค.66 ที่บ้านของ นางศุภิสรา บาริศรี อายุ 53 ปี ภรรยาของกำนันตำบลป่าปอ พี่สาวของ นายวรภบ สุขโต หรือเด่น อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 ม.6 บ้านหนองขี้เห็น ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ถูกทำร้ายร่างกายอ้างว่าเกิดขึ้นภายในบ่อนไก่ของข้าราชการครูท่านหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น และคู่กรณีเป็นข้าราชการตำรวจรุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งมีทั้งนายตำรวจยศ พ.ต.ท. ตำแหน่งรองผกก.สส. ของโรงพักแห่งหนึ่ง ตำรวจยศ ร.ต.ต. 2 นาย, ยศ ด.ต. 2 นาย รวมเป็น 6 นาย ที่ถูกแจ้งข้อหาไปก่อนหน้านี้ ก่อนจะเสียชีวิตที่ รพ.ขอนแก่น

โดยวันนี้เป็นคืนแรกของตั้งสวดอภิธรรมศพ นายเด่น ซึ่งพบว่า หมวดหนุ่ย คู่กรณีของผู้เสียชีวิต ซึ่งถูกผู้ตายนำขวดตีที่ศีรษะได้รับบาดเจ็บเย็บ 17 เข็ม นำเงินเยียวยา 50,000 บาท มามอบให้กับภรรยาของผู้เสียชีวิต โดยมี พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.โนนศิลา นายคฤทธิ์ เพ็ชรสูงเนิน ปลัดอาวุโส รักษาการนายอำเภอโนนศิลา พร้อมครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นสักขีพยานในการรับเงิน

ซึ่งทันทีที่หมวดหนุ่ย มอบเงินเยียวยาให้กับ นางทับทิม ภรรยาของผู้เสียชีวิตแล้ว ก็ได้จุดธูปเคารพศพ เพื่อขออโหสิกรรม ก่อนจะเดินทางกลับทันที โดยบอกเพียงว่าในวันนี้ที่มาเพื่อนำเงิน 50,000 บาทมาให้กับภรรยาผู้ตายเพื่อเป็นเงินเยียวยาในเบื้องต้น พร้อมทั้งมาแสดงความเสียใจและขออโหสิกรรมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น

ขณะที่ นางทับทิม ภรรยาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า หลังจากสามีเสียชีวิตก็เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างขาดหายไป เสาหลักของครอบครัวไม่อยู่แล้ว ตน แม่ และลูกสาว ก็ยังไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตต่อไปในทิศทางไหน การงานที่ทำอยู่ซึ่งทำกับสามีก็คงต้องหยุด และหางานอื่น เพื่อหาเงินดำรงชีวิตเลี้ยงดูครอบครัว ที่มีเพียงผู้หญิง 3 คน
Lif

ตนอาจจะกลับไปตั้งหลักที่ จ.เพชรบูรณ์ บ้านเกิด หรืออาจจะไปหางานทำที่ กทม. ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะทำงานอะไร คงต้องหาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจออาชีพที่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ ตอนนี้อยากได้ความเป็นธรรม อยากให้ทางคู่กรณีมารับผิดชอบชดใช้ ซึ่งตนก็ไม่ได้ตั้งธงว่าต้องเป็นเงินเท่าไหร่ ตอนนี้คุยกันในครอบครัวตั้งใจจะยังไม่เผาศพสามีจนกว่าจะได้รับความยุติธรรม และในส่วนของทางคดีก็ยังต้องการให้ตำรวจดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด และหากยังไม่มีความคืบหน้า ตนก็จะนำศพสามีไปร้องขอความเป็นธรรมที่หน้าโรงพักบ้านไผ่ต่อไป

นางทับทิม กล่าวต่อว่า ก่อนที่สามีจะเสียชีวิตนั้น คำพูดสุดท้ายที่คุยกัน สามีอยากให้มีเวลาเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาลได้นานกว่านี้ ก่อนที่จะเสียชีวิต โดยสามีบอกว่าได้ล้างหน้าแปรงฟันแล้วค่อยยังชั่ว รู้สึกสบายดี ตนก็ยังแซวสามีไปว่า โอ้วันนี้หน้าหล่อเนาะ แล้วก็มีการพูดคุยกันสนุกสนานมีความสุข พร้อมทั้งตนก็บอกจะนวดให้ ก่อนจะนวดไปด้วยคุยไปด้วยพอช่วงใกล้หมดเวลาเยี่ยมครบ 1 ชั่วโมง สามีพูดขึ้นมาว่า

“เออหมู เวลาน่าจะมีซัก 2 ชม.เนอะ” ตนก็เลยถามไปว่าจะเอาไปทำอะไรตั้ง 2 ชม. วันละชั่วโมงก็ได้คุยได้ทำภารกิจให้อยู่ ซึ่งสามีพูดมาว่าอยากอยู่กับตนนานๆ ไม่รู้เป็นไรอยากอยู่นานๆ แล้วก็ไม่ได้คุยอะไรเลย ก่อนที่ รปภ.ของโรงพยาบาลจะมาแจ้งให้ญาติผู้ป่วยทุกคนกลับ เพราะหมดเวลาเยี่ยม ก่อนที่เวลา 05.20 น.พยาบาลโทรมาว่าสามีมีภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ตนจึงรีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อขึ้นมาก็เห็นหมอปั๊มหัวใจอยู่ประมาณ 50 นาที แต่ไม่เป็นผล หลังจากคำนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีก ไม่คิดว่าคำพูดนั้นมันจะเป็นการคุยครั้งสุดท้าย ตอนนี้ถ้าถามว่ากลัวไหม ไม่กลัวแล้ว ที่ผ่านมาอาจจะกลัวเพราะต้องต่อสู้กับคนมีสี แต่ตอนนี้มันหลังชนฝาแล้วมันต้องสู้อย่างเดียว

ด้าน พ.ต.อ.สมมาตย์ ซึ่งเดินทางมาร่วมงานศพ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือส่วนตัว 5,000 บาท ให้กับภรรยาผู้เสียชีวิตด้วย พร้อมกล่าวว่า ภายหลังจาก นายเด่น เสียชีวิต การสอบสวนของตำรวจก็จะสอบปากคำ นางทับทิม เพิ่มเติมเพื่อประกอบสำนวน และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ซึ่งภายหลังจากสอบปากคำภรรยาผู้เสียชีวิตเสร็จก็จะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาตามในคลิปเสียงที่ผู้เสียชีวิตอัดคลิปไว้คือ หมวดหนุ่ยและ ดาบเม่า มาสอบปากคำ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมคือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตามขั้นตอนต่อไป

ขอบคุณที่มา    ข่าวสด

โพสต์โดย : ปลายน้ำ