Social :



สองผัวเมียสุดช้ำจำนำรถกระบะ 6 หมื่น กลับถูกนายหน้าส่งนายทุนขายต่อ

03 มี.ค. 66 14:03
สองผัวเมียสุดช้ำจำนำรถกระบะ 6 หมื่น กลับถูกนายหน้าส่งนายทุนขายต่อ

สองผัวเมียสุดช้ำจำนำรถกระบะ 6 หมื่น กลับถูกนายหน้าส่งนายทุนขายต่อ

เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ชมรมทนายความจิตอาสา ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายสมคิด ทองคำ อายุ 46 ปี อาชีพพ่อครัว พร้อมด้วย นางหนูกาล ทองคำ อายุ 43 ปี อาชีพเเม่ครัว สองสามีภรรยา นำหลักฐานสลิปการโอนเงินให้กับนายหน้ารับจำนำรถ เดินทางเข้าพบนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา เพื่อร้องเรียนกรณีนำรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ฆฐ 9346 กรุงเทพมหาคร ไปจำนำไว้กับนายแชมป์ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นนายหน้ารับจำนำรถ ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. 65 เป็นจำนวนเงิน 60,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 10% ต่อเดือน และต้องเสียค่าจอดรถทุกเดือน เดือนละ 2,000 บาท รวมยอดเงินที่ต้องจ่ายทั้งหมดเดือนละ 8,000 บาท


โดยครั้งแรกจะได้รับเงินจากการจำนำรถจำนวน 52,000 บาท หักค่าดอกเบี้ยล่วงหน้า 6,000 บาท และหักค่าจอดรถอีกจำนวน 2,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายนำรถกระบะไปจำนำไว้เป็นเวลา 2 เดือน ที่ผ่านมาจ่ายดอกเบี้ยตรงตามกำหนดทุกครั้ง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 66 ได้มีการนำเสนอข่าวจากสื่อหลายสำนัก กรณีมีผู้เสียหายเกี่ยวกับการจำนำรถแล้วถูกนายทุนเชิดเอารถไปขายประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนายหน้า ที่รับจำนำรถคันดังกล่าวคือนายแชมป์ เป็นนายหน้าคนเดียวกันกับที่รับจำนำรถของตน หลังดูข่าวจบจึงรีบประสานนายแชมป์ เพื่อขอดูรถว่ายังอยู่หรือเปล่า แต่ก็ถูกนายแชมป์ ปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่ 9 ก.พ. 66 นายเเชมป์ ได้นัดให้ไปเจอกัน หลังจากพูดคุยกันสักพักนายแชมป์ ก็เอ่ยปากรับสารภาพโดยอ้างว่า รถกระบะที่รับจำนำไว้ถูกนายทุนนำไปขายให้กับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เเละปฏิเสธความรับผิดชอบโดยอ้างอีกว่าไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับการนำรถไปขายในครั้งนี้


ต่อมาจึงเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.รชต ทองเสน รอง สว.สอบสวน สน.สุทธิสาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีทำได้เพียงแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น และให้ตนกับนายเเชมป์ หาทางไกล่เกลี่ยและหาข้อยุติเรื่องดังกล่าวกันเอง โดยให้เวลาเจรจากันนานถึง 3 เดือน
MulticollaC
ตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือนแล้ว กลับไม่มีวี่แววที่นายหน้ารับจำนำรถหรือนายทุนจะชดเชยค่าเสียเเต่อย่างใด อีกทั้งรถกระบะที่เอาไปจำนำก็ยังติดค้างค่าไฟเเนนซ์อีกประมาณ 6 เเสนบาท ตอนนี้เดือดร้อนมาก ต้องเสียรถไป 1 คัน เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์


“พฤติกรรมของนายแชมป์และนายทุน คิดว่าน่าจะทำกันเป็นขบวนการ เพราะลักษณะการรับจำนำรถเหมือนกับเคสของน้องที่ออกข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ถูกนายแชมป์และนายทุนนำไปขายส่งต่อให้กับประเทศเพื่อนบ้านเหมือนกัน ตอนนี้เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเข้าร้องเรียนกับทนายโป้งให้ช่วยในเรื่องของการดำเนินคดีและยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด” นายสมคิด กล่าว

ทางด้านทนายโป้ง กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบบันทึกประจำวัน ทราบว่าเขาไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด คิดว่าพนักงานสอบสวนอาจจะเข้าใจหรือสื่อสารคาดเคลื่อนกับผู้เสียหาย ซึ่งตนได้นัดหมายกับพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เจ้าของคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความ เนื่องจากผู้เสียหายนำรถไปจำนำกับนายทุน เมื่อถึงเวลาที่จะไปไถ่ถอนนำรถออกมา กลับถูกนายทุนนำรถไปขายแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดประมวลกฎหมายอาญาข้อหายักยอก


จากการตรวจสอบพบว่า ผู้เสียหายทั้งสองรายได้นำรถไปจำนำไว้กับนายแชมป์ ซึ่งเป็นนายหน้ารับจำนำรถ โดยก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้ว 2 ครั้ง มีผู้เสียหาย 2 ราย ถ้าท่านใดที่รู้ตัวว่าถูกนายหน้าคนนี้หลอกให้รีบไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อหายักยอกได้เลย อย่าลงแค่บันทึกประจำวัน และขอฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนในพื้นที่ให้ช่วยรับฟังความทุกข์ ความเดือดร้อนของประชาชนที่เข้าแจ้งความด้วย บางครั้งประชาชนเขาอาจจะสื่อสารกับตำรวจไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะเขาไม่ได้เรียนกฎหมาย อยากให้ตำรวจนั่งฟังชาวบ้านเขาหน่อยว่าความทุกข์ของเขาคืออะไร และขอให้ช่วยดำเนินคดีกับมิจฉาชีพที่เข้ามาหลอกลวงทำให้เสียทรัพย์ด้วย ไม่ใช่เเค่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น ขอให้ตำรวจทำตามขั้นตอน เช่น รับคดี แจ้งความ แจ้งข้อกล่าวหา ออกหมายเรียก แต่ถ้าหากผู้ต้องหายังไม่มาพบพนักงานสอบสวนอีก ก็ขออนุมัติออกหมายจับได้ทันที

ขอฝากเตือนไปถึงเจ้าของรถทุกคนที่อยากจะแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน ไม่ว่าจะเอาไปจำนำหรือเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่ ควรที่จะหาบริษัทที่เป็นนิติบุคคล หรือ สถาบันทางการเงินที่น่าเชื่อถือ ควรตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ การที่เอารถไปจำนำกันเองมีความเสี่ยงสูง หากผิดพลาดและเกิดความเสียหายก็ต้องเสียเวลาแจ้งความดำเนินคดีกันทำให้เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา

ขอบคุณที่มา      ข่าวเดลินิวส์

โพสต์โดย : ปลายน้ำ