สงฆ์ฉาว vs สำนักพุทธฯ

ต้องยอมรับนะครับว่า นาทีนี้วงการผ้าเหลือง ฉาวไม่แผ่วจริงๆ เพราะสารพัดสารเพ เรื่องฉาวที่เกริ่นมาข้างต้น พอหมดเรื่องโน้น เรื่องนี้โผล่ ไม่นับรวม “พระฉันบวบ ถวายบัว ตอกเสาเข็ม” ที่พากันติดเทรนด์ทวิตเตอร์

เกิดอะไรขึ้นกับวงการสงฆ์ยุคนี้ นับวันยิ่งเสื่อม ยิ่งถดถอย ขนาดพระยังกิเลสหนา ตัดทางโลกไม่ได้ ประสาอะไรกับชาวพุทธอย่างเรา หากจำกันได้หลายสัปดาห์ก่อน “นายอัคคี” เคยกระตุกให้ฉุกคิดว่า “สตรี” กับ “สตังค์” ทำให้สบงพระดังๆ กระเด็นกระดอนไปแล้วหลายองค์ แต่ไม่วาย…ผ่านไปไม่ทันขวบปี ก็มีเรื่องฉาวใหม่โผล่ขึ้นมาอีก และก็เข้าอีหรอบเดิม ทุกครั้งที่วงการสงฆ์มีปัญหา ทางออกของเรื่องคือ “สึกแล้วจบ”.

จริงอย่างที่ แพรรี่ ไพรวัลย์ อดีตพระนักเทศน์คนดังบอกไว้…ปัญหาทุกวันนี้เหมือนที่โบราณเขาว่า “หัวโล้นอยากรำ หัวดำอยากเทศน์” มันก็เลยผิดที่ผิดทาง ในเมื่ออยากเสพกามคุณแบบชาวบ้าน แต่ไม่อยากลาสิกขา มันก็เลยเป็นอย่างที่เห็น มิต่างอะไรกับ “บวชแต่กาย..แต่ใจไม่บวช” ปล่อยกิเลสครอบงำ พาให้พระที่ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ พลอยถูก “ตีตรา” เหมายกเข่ง…จนเกิดความเหนื่อยหน่ายเสื่อมศรัทธาจากชาวพุทธ

พูดมากไปเดี๋ยวก็ว่าบาป…ใช่ว่าทุกวันนี้จะมีแต่สงฆ์ราคะกล้า พระดีๆ ที่ครองธรรม ทุ่มเทเพื่อศาสนายังมีอยู่มาก ไม่อยากให้หมดหวังสิ้นศรัทธาซะทั้งหมด เพราะอันที่จริง “ศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่คนต่างหากที่ทำให้ศาสนาเสื่อม” อยู่ที่ว่าจะจัดการ “พระนอกรีต” อย่างไร

ส่วนตัวนายอัคคีขอปรบมือดังๆ ให้ “เสี่ยแฮงค์” นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เห็นความสำคัญปัญหา สั่งกลางที่ประชุมคณะผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ส่วนกลางและภูมิภาค ปรับรูปแบบทำงานเชิงรุก พร้อมตั้งศูนย์ปฏิบัติการสอดส่องพระนอกรีตที่ปฏิบัติตนไม่เหมาะสม

ตีกรอบ 1-3 เดือน เห็นผลชัดเจน ส่วนตัวก็หวังว่าอานิสงส์ผลบุญครั้งนี้ จะส่งให้การเลือกตั้งครั้งหน้าของ “เสี่ยแฮงค์” ราบรื่น ได้กลับมาทำหน้าที่ดั่งเดิมสมดังตั้งใจ

แต่ที่ไม่เข้าใจและอยากย้อนถามหน่วยงานเกี่ยวข้องว่า ใจคอท่านจะอยู่เฉยแบบนี้ ไม่สะทก สะท้าน สะเทือนจิตใจกันบ้างหรือ…???

พระนอกรีตที่ทำตัวไม่ต่างจากเหลือบไรเกาะกินพุทธศาสนา หากสายบังคับบัญชายังนิ่งเป็นทอง…ช้าเป็นเรือเกลือ คงไม่ต่างอะไรกับ “เสือกระดาษ”

หากไม่อยากถูกค่อนขอด “สู้ไม่มีเสียดีกว่า” ก็แนะนำว่าควรขยับเขยื้อนนำปัญหาบ้างก็ดี .

นายอัคคี