Social :



จี้ รร. ไม่รับเด็ก 23 คนปมไร้สัญชาติ ทำผิด ‘ก.ม.ระเบียบ ศธ.-ขัดมติ ครม.’

21 มี.ค. 66 16:03
จี้ รร. ไม่รับเด็ก 23 คนปมไร้สัญชาติ ทำผิด ‘ก.ม.ระเบียบ ศธ.-ขัดมติ ครม.’

จี้ รร. ไม่รับเด็ก 23 คนปมไร้สัญชาติ ทำผิด ‘ก.ม.ระเบียบ ศธ.-ขัดมติ ครม.’

จากกรณีนักเรียนจำนวน 23 ราย ซึ่งเป็นเด็กที่เกิดในประเทศไทยจากพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านนุโพ ถูกปฏิเสธไม่รับเข้าเรียนต่อชั้นอนุบาล 1-2 ที่ โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก โดยโรงเรียนอ้างว่าการปฏิเสธไม่รับเด็กเข้าเรียนของโรงเรียนเป็นไปตามประกาศสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ซึ่งทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ได้ออกประกาศเรื่องมาตรการเกี่ยวกับการรับนักเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ลงวันที่ 13 ม.ค. 66 สั่งห้ามมิให้โรงเรียนภายใต้สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 รับบุคคลดังต่อไปนี้เข้าเป็นนักเรียน คือ 1. ผู้หนีภัยจากการสู้รบที่พักอาศัยและมีชื่ออยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว หรือศูนย์อพยพ 2. คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ถูกกฎหมาย และ 3. บุคคลที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศเดินทางไปกลับบริเวณชายแดน

เพจดังร้อง รร.ไม่ให้เด็ก 23 คนเข้าเรียน อ้างขัดประกาศเพราะไร้สัญชาติ เป็นภาระครู 

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 21 มี.ค. นายสุรพงษ์ กองจันทึก อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ และผู้ทรงคุณวุฒิในคณะทำงานเพื่อพิจารณาปรับปรุงหนังสือ กล่าวว่า การกระทำไม่รับเด็กเข้าเรียนในโรงเรียน และประกาศของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 เป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายระเบียบกระทรวงศึกษาว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. 2548 ซึ่งให้สถานศึกษาทุกแห่งมีหน้าที่ในการรับเด็กทุกคนที่อยู่ในวัยการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับ เข้าเรียนในสถานศึกษา การจัดการศึกษาภาคบังคับขั้นพื้นฐาน เป็นไปตามประกาศหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 28/2559 เรื่อง ให้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย เพื่อลดความเหลื่ยมล้ำ สร้างโอกาสทางการศึกษาและความเป็นธรรมทางสังคม ซึ่งประกาศ คสช. ฉบับนี้ยังมีผลบังคับอยู่ในปัจจุบันเพราะไม่มีการประกาศยกเลิก

นอกจากนี้ยังขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 5 ก.ค. 2548 ที่ขยายโอกาสทางการศึกษา เป็นเปิดกว้างให้ทุกคนที่อาศัยในประเทศ รวมทั้งบุคคลที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย สามารถเข้าเรียนได้ โดยไม่จำกัดระดับ ประเภท
MulticollaC
หรือพื้นที่การศึกษา รวมทั้งจัดสรรงบประมาณอุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายรายหัวให้แก่สถานศึกษา ซึ่งจัดการศึกษาเด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษาถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ในอัตราเดียวกับค่าใช้จ่ายรายหัวที่จัดสรรให้แก่เด็กไทย

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่ปี 2548 ประเทศไทย โดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้ดูแลสิทธิทางการศึกษาและจัดเงินอุดหนุนรายหัวแก่เด็กทุกคนในประเทศไทยเป็นอย่างดี ตามหลักการศึกษาเพื่อปวงชน หรือ Education for all จนได้รับการชื่นชมจากนานาประเทศและสหประชาชาติ ซึ่งแต่เดิมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2และโรงเรียนในพื้นที่ชายแดนก็ดำเนินการรับเด็กทุกคนเข้าเรียนเป็นปกติตลอดมา แต่การออกประกาศและไม่รับเด็กเข้าเรียนอาจเป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ ทั้งละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งมีความผิดทางทางอาญาและทางวินัยอีกด้วย

“ขอให้กระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในฐานะผู้บังคับบัญชาและกำกับดูแล กำชับให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 และโรงเรียนที่ไม่รับเด็กเข้าเรียน ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและนโยบายของรัฐอย่างถูกต้องต่อไป” นายสุรพงษ์ กล่าว

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า การให้ความรู้กับครูในพื้นที่โรงเรียนต่างๆ ในการรับเด็กนักเรียน ที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน เป็นเรื่องสำคัญ โดยที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายที่ให้เด็กนักเรียนในสถานศึกษา มีสถานะทางทะเบียนที่ถูกต้อง และได้รับการรับรองการเป็นบุคคล คือ มีบัตรประจำตัว ที่ออกโดยสำนักทะเบียน หากเด็กนักเรียนมีสัญชาติไทย ก็จะได้รับบัตรประจำตัวประชาชน แบบคนไทย แต่หากไม่มีสัญชาติไทย ก็จะได้รับบัตรแบบบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือ ไม่มีสัญชาติไทย โดยเฉพาะกลุ่มเลขตัว G ที่ทางกระทรวงศึกษาธิการออกให้ชั่วคราว จำเป็นต้องดำเนินการปรับเปลี่ยนแก้ไขให้เป็นเลข 13 หลัก ตามระบบทะเบียนราษฏร ของกระทรวงมหาดไทย

ขอบคุณที่มา     ข่าวเดลินิวส์

โพสต์โดย : ปลายน้ำ