Social :



ให้ออกแล้ว 5ตร.อุ้มรีดชาวจีน เตรียมส่งฝากขัง-ค้านประกัน

22 มี.ค. 66 15:03
ให้ออกแล้ว 5ตร.อุ้มรีดชาวจีน เตรียมส่งฝากขัง-ค้านประกัน

ให้ออกแล้ว 5ตร.อุ้มรีดชาวจีน เตรียมส่งฝากขัง-ค้านประกัน

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี 5 ตำรวจตม. อุ้มรีดชาวจีนและล่ามสาว ว่า ภายหลังเมื่อเวลา 23.45 น. คืนวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ต้นสังกัดของตำรวจทั้ง 4 นาย ได้นำตัวผู้ต้องหา 3 คนคือ พ.ต.ต.สรวิศ (สงวนนามสกุล) สารวัตร ,ร.ต.อ.สุริยะ (สงวนนามสกุล) รองสารวัตร, ด.ต.พีระศักดิ์ (สงวนนามสกุล) สังกัดกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 มาที่ สน.ดินแดงเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำ ส่วนพ.ต.ต.จิรภัทร (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับอีกรายหลบหนีไปได้

โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ร่วมกับพล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 ร่วมสอบปากคำด้วย ทั้งนี้มีรายงานว่าหลังจากผู้ต้องหาทั้ง 3 คนถูกควบคุมตัวมาสอบสวนทุกคนปฏิเสธให้การในชั้นสอบสวน และร้องขอทนายตามสิทธิ ซึ่งพนักงานสอบสวนเตรียมนำตัวส่งฟ้องฝากขังต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางต่อไป

ล่าสุดวันนี้(22มี.ค.) พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีหนังสือคำสั่ง กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ที่ 31 /2566 ให้ พ.ต.ต.สรวิศ (สงวนนามสกุล) สารวัตร กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , พ.ต.ต.จิรภัทร (สงวนนามสกุล) สารวัตร กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, ร.ต.ท.ประวิต (สงวนนามสกุล) รองสารวัตร กองกำกับกรสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, ร.ต.ท.สุริยะ (สงวนนามสกุล) รองสารวัตร กองกำกับการสืบสวน (สายงานสืบสวน)กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และด.ต.พีระศักดิ์ (สงวนนามสกุล) ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการสืบสวนกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้ออกจากราชการไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลสอบสวนพิจารณาทางวินัย

หลังมีคำสั่งที่ 30/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการ สอบสวน พ.ต.ต.สรวิศ พร้อมพวกรวม 5 นาย เนื่องจากข้าราชการตำรวจดังกล่าวถูกตั้งกรรมการสอบสวน หรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาหรือถูกฟ้องคดีอาญาในเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ หรือเกี่ยวกับความประพฤติหรือพฤติการณ์ อันไม่น่าไว้วางใจ หากให้ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในหน้าที่ราชการต่อไป อาจเกิดความเสียหายแก่ราชการโดยส่วนรวม อันเป็นเหตุให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ตาม กฎ ก.ตร.

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก พ.ต.ต.สรวิศ พร้อมพวกรวม 5 นาย ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อนุมัติออกหมายจับข้าราชการตำรวจดังกล่าวต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้ใดผู้หนึ่ง
Lif
หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือ จำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกชมขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปตามหมายจับ

อนึ่ง ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามคำสั่งนี้ มีสิทธิอุทธรณ์ต่อ ก.ตร. ได้ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 141 ภายใน 30 วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่งและหากประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์นี้ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครองหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนไปยังศาลปกครองภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์หรือภายใน 90 วัน นับแต่วันพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องขอทราบผลการวินิจฉัยอุทธรณ์

ต่อมาพล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) เปิดเผยถึงความคืบหน้าว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงประมาณตี 3 แต่ผู้ต้องหามีอาการเคร่งเครียด จึงต้องนำตัวผู้ต้องหาไปพักก่อน และจะสอบปากคำต่อในช่วงเช้าวันนี้ เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 นายยังคงให้การภาคเสธ โดยรับว่าอยู่ในชุดที่ไปจับกุมชาวจีน แต่ไม่ได้เรียกรับทรัพย์ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาจะอ้างได้ แต่การดำเนินการต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน และคำให้การของผู้ต้องหาก็มีบางประเด็นที่เป็นประโยชน์

ทั้งนี้ยังมีประเด็นที่ต้องสอบปากคำอีกหลายประเด็น หากสอบปากคำแล้วเสร็จ ก็จะนำตัวไปฝากขังต่อศาล พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานรู้ช่องทางการกลบเกลื่อนร่องรอยพยานหลักฐานเป็นอย่างดี จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่พนักงานสอบสวนต้องยื่นคัดค้านประกันตัว แต่เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสามารถควบคุมตัวได้ถึงวันพรุ่งนี้ (23 มีนาคม)

อย่างไรก็ตามเมื่อคืนที่ผ่านมามีตำรวจนายที่ 5 ซึ่งยังไม่ถูกออกหมายจับ คือ ร.ต.ท.ป เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ยังคงให้การภาคเสธ ซึ่งได้มีการแจ้งข้อหาร่วมกันกักขังและหน่วงเหนี่ยว ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ตามพฤติการณ์เช่นเดียวกับตำรวจ 3 นายก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ยังรอเอกสารบางอย่างจากชุดสืบสวน เพื่อใช้ในการสอบสวนบางประเด็น ซึ่งหากสอบสวนแล้วเสร็จก็จะนำตัวไปขอหมายขังต่อศาลเช่นกัน

ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 1 ราย คือ พันตำรวจตรีจิรภัทร บุญนำ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ขณะนี้ได้ประสานผู้บังคับบัญชาของตำรวจนายดังกล่าวช่วยประสานให้เข้ามอบตัว แต่ยังไม่มีการติดต่อประสานเข้ามา

ขณะที่ฝ่ายผู้เสียหายชาวจีน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนของตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประสานขอข้อมูล พยานหลักฐานต่างๆ และจะประสานให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความและให้ปากคำของตำรวจ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการกรรโชกทรัพย์ ซึ่งหากพยานหลักฐานไปถึง ก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในทุกข้อหา

ขอบคุณที่มา  ข่าวสด

โพสต์โดย : ปลายน้ำ