แนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืน! นายกฯ พอใจหนี้ครัวเรือนไทยมีแนวโน้มลดลง

นายกฯ พอใจหนี้ครัวเรือนไทยมีแนวโน้มลดลง มุ่งร่วมมือทุกภาคส่วนรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน พร้อมส่งเสริมแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืน

 

 

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มุ่งร่วมมือกับทุกภาคส่วนรักษาเสถียรภาพระบบการเงินและเศรษฐกิจไทย และยินดีที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์แนวโน้มหนี้ครัวเรือนไทยปี66 จะชะลอตัวลงต่อเนื่อง

 

 

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์หนี้ครัวเรือนของไทยจะลดลงต่อเนื่อง โดยมาจากปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ทิศทางดอกเบี้ยของไทยที่ยังคงเป็นขาขึ้น ประชาชนรายย่อยและภาคครัวเรือนมีความระมัดระวังในการก่อหนี้ใหม่ รวมถึงสถาบันการเงินยังคงระมัดระวังความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้บางกลุ่มอย่างต่อเนื่อง, แนวทางดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือนของทางการไทย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยมีมาตรการและโครงการต่าง ๆ ทั้งการแก้ไขหนี้เดิมที่เน้นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และการดูแลการก่อหนี้ก้อนใหม่ที่ในปี66

 

 

ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องการดูแลความสามารถในการชำระคืนและไม่กระตุ้นการก่อหนี้โดยไม่จำเป็น ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้แนวโน้มหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ของไทยที่เริ่มมีทิศทางทรงตัวหรือปรับตัวลดลง โดยชะลอลงต่อเนื่องเป็นปีที่สองมาอยู่ที่กรอบประมาณ 84.0-86.5% ในปี 2566 เทียบกับตัวเลขคาดการณ์สิ้นปี 2565 ที่ 86.8% และระดับ 90.1% ในปี 2564

 

 

ซึ่งการปรับตัวลดลงจะส่งผลกระทบในเชิงบวก โดยแม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่ลดลงอาจทำให้การบริโภคชะลอตัวในระยะสั้น แต่ก็จะส่งผลดีต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน ตลอดจนการเติบโตของการบริโภคและเศรษฐกิจในระยะยาว นายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นร่วมมือกับทุกภาคส่วนรักษาเสถียรภาพระบบการเงินและเศรษฐกิจไทยอย่างจริงจัง รีให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เพื่อดูแลทุกข์ สุข ของประชาชนทุกคน ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 

 

ทั้งนี้ในส่วนของ ธปท. เร่งผลักดันการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนตามแนวทางที่รัฐบาลวางไว้ โดยได้วางแผนการดำเนินการอย่างครบวงจร ถูกหลักการ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน อาทิ ปรับโครงสร้างหนี้เสียที่มีอยู่ในปัจจุบัน, ให้ลูกหนี้เห็นทางปิดจบหนี้ที่เป็นปัญหาเรื้อรัง, ออกเกณฑ์เพื่อให้เจ้าหนี้ปล่อยสินเชื่อด้วยความรับผิดชอบ

 

ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews