Social :



ตามรอยเส้นทางประวัติศาสตร์แบบสุขใจ เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ

02 ต.ค. 59 23:10
ตามรอยเส้นทางประวัติศาสตร์แบบสุขใจ เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ

ตามรอยเส้นทางประวัติศาสตร์แบบสุขใจ เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ

วันหยุดนี้หากใครกำลังวางแผนท่องเที่ยวหรือยังคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ลองไปเที่ยว จ.สมุทรปราการ กันเถอะ โดยทริปนี้เราจะไปตามรอยแคมเปญน้องใหม่ของ อบจ.สมุทรปราการ นั่นก็คือ “สมุทรปราการ พลาดได้ไง … ใกล้แค่นี้” ซึ่งเป็นแคมเปญชู 10 เส้นทางเมืองปากน้ำ

สำหรับทริปที่เราจะพาไปท่องเที่ยวในครั้งนี้เป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ ณ พระสมุทรเจดีย์ ป้อมพระจุลจอมเกล้า และบ้านสาขลา ซึ่งขอบอกว่าเส้นทางนี้เราจะได้เรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และเรียนรู้วิถีชุมชนโบราณได้อย่างเข้าถึงมากที่สุด



โดยสถานที่แรกที่เราได้ไปเยือนนั้นคือ พระสมุทรเจดีย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสมุทรปราการ โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งป้อมสำคัญขึ้น 6 ป้อม และทรงเห็นเกาะหาดทรายอยู่ท้ายป้อมผีเสื้อสมุทรเป็นเกาะกลางน้ำเหมาะแก่การที่จะประดิษฐานพระเจดีย์เป็นอนุสาวรีย์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดสร้างขึ้น โดยพระราชทานนามพระมหาเจดีย์นี้ว่า พระสมุทรเจดีย์ และก่อสร้างแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 3

ปัจจุบันองค์พระเจดีย์มีการบูรณปฏิสังขรณ์เป็นแบบลอมฟาง สวมรูปพระเจดีย์องค์เดิมสร้างพระวิหารใหญ่หันหน้าสู่ทะเล สร้างศาลาที่ประทับทางทิศเหนือ สร้างหอเทียนคู่หนึ่ง และหอระฆังคู่หนึ่งทางทิศใต้ ฯลฯ ภายในพระสมุทรเจดีย์มีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 12 พระองค์ และเป็นที่ประดิษฐานพระปฏิมากรไชยวัฒน์ และพระห้ามสมุทร เรียกได้ว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองและเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวสมุทรปราการที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดเด็ดขาด

จากนั้นเราก็เดินทางมุ่งหน้าไปยัง ป้อมพระจุลจอมเกล้า ต.แหลมฟ้าผ่า โดยป้อมพระจุลฯ เป็นป้อมที่ทันสมัยและมีบทบาทสำคัญยิ่งในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งเป็นที่ทำการยิงต่อสู้กับอริราชศรัตรูมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ ร.ศ.112 เป็นป้อมที่จารึกอยู่ในความทรงจำของคนไทยและประวัติศาสตร์ของชาติไทยมายาวนาน


ภายในป้อมพระจุลฯ มีสิ่งที่น่าสนใจคือ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติความเป็นมาของป้อมพระจุลฯ และเหตุการณ์ฝนสมัย ร.ศ.112

นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง ซึ่งเป็นเรือรบที่ปลดประจำการ จัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลปัจจุบัน เนื่องในวโรกาสที่ทรงพระชนม์มายุครบ6 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2545 ประกอบด้วยอาคารนิทรรศการจัดแสดงภาพความเสียหายจากการรบและภาพการพัฒนากองทัพเรือ และยังมีการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์อาวุธยุทโธปกรณ์กลางแจ้งและวิวัฒนาการกองทัพเรือ


นักท่องเที่ยวท่านใดสนใจอยากมาสัมผัสความสวยงามและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยก็สามารถแวะมาได้ที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 4756109, 02 4756259 , 024758845 และ 02 4756357

Lif
ดินชมความสวยงามของป้อมพระจุลฯ กันแล้ว ก็ได้เวลาเติมพลังมื้อกลางวันกันที่ สโมสรท้ายเรือหลวงแม่กลอง ร้านอาหารอร่อยบรรยากาศดีที่ตั้งอยู่ภายในป้อมพระจุลฯ

ร้านนี้มีดีตรงที่เลือกใช้วัตถุดิบที่สะอาดและอาหารทะเลที่สดใหม่ รสชาติดี และที่สำคัญราคาสบายกระเป๋าอีกด้วย สำหรับเมนูที่เราได้ลิ้มลองในมื้อนี้คือ ปลากะพงราดน้ำปลา ต้มยำกุ้ง กุ้งกระเบื้อง ปูไข่หลน ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ ส้มตำปูไข่ดอง กุ้งแชบ๊วยผัดซอสมะขาม ฯลฯ และยังมีเมนูอร่อยๆ อีกมากมาย

ใครอยากลิ้มลองความอร่อยของอาหารเคล้าบรรยากาศริมน้ำแบบนี้ก็สามารถแวะมากันได้ที่สโมสรท้ายเรือหลวงแม่กลอง โดยสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08 1889 2115 , 08 1936 3045 และ 02 4756076

หลังจากอิ่มอร่อยไปกับมื้อกลางวันกันแล้ว เราก็เดินทางกันต่อเพื่อไปยัง หมู่บ้านสาขลา ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีอายุยืนนานมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น เดิมทีชาวบ้านมีอาชีพทำนาเกลือกันทุกบ้าน ต่อมาจึงมีอาชีพหลากหลายมากขึ้น อาทิ ประมง เลี้ยงหอย เลี้ยงกุ้ง หาปู เป็นต้น อันเป็นที่มาของสินค้าโอท็อปเลิศรสขึ้นชื่ออย่าง กุ้งเหยียด ปูราเกียร์ติ กุ้งแห้ง และอื่นๆ อีกมากมาย

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวหลักของหมู่บ้านคือ วัดสาขลา ซึ่งมีพระปรางค์เอนเป็นแลนด์มาร์คของวัดนี้ ภายในโบสถ์เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโต พระพุทธรูปเก่าแก่ปางมารวิชัย เป็นที่ศรัทธานับถือของชาวบ้านสาขลา


นอกจากนี้ที่วัดสาขลายังมีจุดท่องเที่ยวให้เดินเยี่ยมชมอย่างเพลิดเพลิน อาทิ ห้องประดิษฐานองค์รูปเหมือนของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของไทย พิพิธภัณฑ์เทพศรีสาขลาที่ประดิษฐานองค์พระตรีมูรติ องค์พระพิฆเนศ และองค์อื่นๆ อีกมากมาย

ห้องแสดงพระพุทธรูปที่ขุดพบภายในวัดซึ่งมีภาพถ่ายแสดงเรื่องราวการขุดพบด้วย ถือได้ว่าเป็นวัดที่รวบรวมประวัติศาสตร์บ้านสาขลาให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้กันอย่างเต็มอิ่มและจุใจกันสุดๆ

ก่อนเดินทางกลับเราก็แวะไปชมกรรมวิธีการทำกุ้งเหยียด สินค้าขึ้นชื่อบ้านสาขลา ที่มีรสชาติอร่อย หวาน กลมกล่อม มีวิธีการทำแบบโบราณ ซึ่งกุ้งเหยียดของบ้านสาขลาเป็นที่รุ้จักและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และจัดเป็นของฝากต้องห้ามพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดสมุทรปราการ

เรียกได้ว่าเที่ยวสมุทรปราการครั้งนี้ เราได้เต็มอิ่มไปกับประวัติศาสตร์เมืองปากน้ำกันอย่างจุใจ แถมยังได้เห็นวิถีชีวิตชุมชนแบบดั้งเดิมกันอย่างน่าประทับใจ

ถ้าวันหยุดนี้ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนก็ลองมาตามรอยเส้นทางสายประวัติศาสตร์กันดูนะ แล้วจะรู้ว่า จ.สมุทรปราการ ที่ใกล้แสนใกล้ขนาดนี้ จะไม่ทำให้คุณพลาดความสุขไปแม้แต่นิดเดียวเลย


ที่มา www.triptravelgang.com

โพสต์โดย : nampuengeiei9760