บุกฟ้าแลบ! จับ ‘ผอ.กองคลัง-เจ้าหน้าที่อบต.’ ร่วมยักยอกเงินหลวง 5 จว. เสียหายกว่า 84 ล.

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า ตำรวจ บก.ปปป. ได้รับประสานงานจากสำนักงาน ป.ป.ท. หลังตรวจสอบพบความผิดปกติเบิกจ่ายเงินของ อปท. หลายพื้นที่ทั่วประเทศ ที่มีการโอนเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง โดยผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และบัญชี ที่มีอำนาจหน้าที่สามารถเข้าถึงรหัสการเบิกถอนเงินจากธนาคารได้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการจับกุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชีของเทศบาลตำบลลาดยาว จ.นครสวรรค์ ที่ยักยอกเงินหลวงไปถึง 215 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 15 ล้านบาท และเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีของ อบต.วังโพรง จ.พิษณุโลก ที่ยักยอกเงินไป 132 ครั้ง เป็นเงินกว่า 44 ล้านบาท

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า กระทั่งเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลาง และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ป.ป.ท. และ ปปง. ได้เปิดปฏิบัติการเพิ่มเติมอีกใน 5 จังหวัด ที่พบความผิดในลักษณะเดียวกัน โดยเข้าจับกุมเจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชำนาญการ อบต.นิลเพชร จ.นครปฐม ยักยอกเงิน 23 ครั้ง เป็นเงินกว่า 8 ล้านบาท, ผู้ช่วยเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี อบต.หนองหัวโพ จ.สระบุรี ยักยอกเงิน 84 ครั้ง เป็นเงินเกือบ 5 ล้านบาท, ผู้ช่วยนักพัฒนาชุมชน ปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี อบต.ห้วยยายจิ๋ว จ.ชัยภูมิ ยักยอกเงิน 60 ครั้ง เกือบ 6 ล้านบาท, นักวิชาการเงินและบัญชี อบต.โคกหล่าม จ.ศรีสะเกษ ยักยอกเงินไป 8 ครั้ง กว่า 5 แสนบาท และ ผอ.กองคลัง อบต.นาเขลียง จ.นครศรีธรรมราช ยักยอกเงิน 59 ครั้งกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งพบว่าโอนเงินไปให้กับภรรยา และลูกจ้าง จึงต้องถูกดำเนินคดีฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดด้วย

“สำหรับการตรวจจับในครั้งนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบความเสียหายกว่า 84 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่ายังมีอีกหลายหน่วยงานที่ลักลอบก่อเหตุแบบนี้อยู่ หลังจากนี้จะร่วมสืบสวนจับกุมต่อไป โดยต้องขอความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทย ในฐานะเจ้าของบัญชีที่ใช้เบิกจ่ายเงินของทางราชการ จนนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว” ผบช.ก. กล่าว

ด้าน พ.ต.ท.ศิริพงษ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติการใช้เงินของผู้ต้องหา ก็พบด้วยว่าส่วนใหญ่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเล่นพนันออนไลน์ตั้งแต่ปี 2564 รวมทั้งเงินเดือนของผู้ต้องหาก็ไม่มีความสอดคล้องกับจำนวนเงินในบัญชี ขณะที่การสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหาเมื่อได้รหัสผ่านการควบคุมบัญชีมาแล้ว ก็จะปิดการแจ้งเตือนการตัดเงินออก ทำให้ผู้ที่ดูแลตรวจสอบในระดับที่สูงกว่าไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีเงินไหลออกจากบัญชี และบางคนได้มอบรหัสผ่านให้กับคนที่ดูแลบัญชีด้วยความไว้ใจ บางคนเป็นญาติกันเอง และไม่ยอมทำตามระบบที่วางไว้ ทำให้เกิดความเสียหาย

นายกฤษณ์ กล่าวว่า การตรวจจับครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจพบความผิดปกติในระบบการเบิกจ่ายผ่านบัญชีธนาคาร ซึ่งระบบการเบิกจ่ายของ อบต. แต่ละแห่งจะต้องมีผู้เกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 คน และต้องรายงานบัญชีที่โอนเงินไปด้วย แต่ส่วนใหญ่ที่พบนั้น ผู้ที่จะต้องร่วมตรวจสอบการโอนเงิน กลับมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เพียงคนเดียว สามารถทำธุรกรรมเองได้ จนกลายเป็นช่องว่างให้เกิดการทุจริตแบบนี้.

ขอบคุณที่มา    ข่าวเดลินิวส์