อดีตตำรวจกร่างขู่ยิง ยอมรื้อที่จอดรถแล้ว คืนพื้นที่สาธารณะให้ชาวบ้าน

ล่าสุดวันที่ 3 ก.ค. 66 ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.สาธิต มิตรรัก ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้เชิญตัว ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย อดีตดาบตำรวจ พร้อมกลุ่มชาวบ้านที่มีปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่กลับรถ ร่วมพูดคุยเพื่อหาทางออก โดยเชิญ นายภัทรพงษ์ สิงหพันธ์ ผู้แทนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา นายเอก อิทธิยาภรณ์ ปลัดอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา นายวิรัตน์ พวงมณี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังตะเคียน กอ.รมน. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เข้าร่วมพูดคุยเพื่อเจรจาหาทางออก

พ.ต.อ.สาธิต เปิดเผยว่า หลังจากการเจรจาหารือเสร็จสิ้น ได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือเรื่องกรณี ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย ยิงปืนข่มขู่ชาวบ้านและเด็กนั้น ในส่วนนี้จะได้ให้เด็กชายวัย 13 มาชี้อาวุธปืนที่ใช้ในการยิง และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ลงพื้นที่เก็บหลักฐานในอาคารจอดรถ เพื่อดำเนินคดีตามหลักฐานและในส่วนที่ ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย กระทำผิด ซึ่งขณะนี้ปืนครอบครองทั้ง 2 กระบอก ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดไว้ตรวจสอบแล้ว

ในส่วนที่2 กรณีเรื่องพิพาทเรื่องที่กลับรถสาธารณะนั้น หลังพูดคุยสร้างความเข้าใจ ตัว ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย ก็ยอมรับ และยอมรื้อถอนออก คืนพื้นที่ให้ประชาชนสามารถกลับรถได้แบบสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ในวันที่ 10 กรกฎาคมนี้ จะมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้ทาง ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย เข้าใจว่า การซื้อบ้านหัวมุม มีราคาสูงกว่าบ้านปกติ จะสามารถใช้พื้นที่สาธารณะตรงส่วนนี้ได้ หรืออาจจะเป็นการโฆษณาชวนเชื่อของคนขายบ้านในสมัยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว

อ่าน สุดทน อดีตตร.ทำที่จอดรถตรงจุดกลับรถหมู่บ้าน ขู่ยิงคนท้วง แห่ขายบ้านหนี

ตนก็เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน แล้วก็เพิ่งจะทราบเรื่อง ก็ดีใจที่ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านที่ต้องทนรอการแก้ไขมาอย่างยาวนาน ในส่วนของพฤติกรรมที่ชอบกินเหล้าแล้วระราน พูดจาข่มเหงชาวบ้านนั้น ตนก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนให้อยู่ในพฤติกรรมที่เหมาะสมของข้าราชการบำนาญให้ชาวบ้านเคารพนับถือ ซึ่งตัว ร.ต.อ.ศักดิ์ชัย ก็รับฟังและจะนำไปปฏิบัติต่อไป

ขณะที่ นายเทพรถ ทองสยาม อายุ 30 ปี เป็นตัวแทนของชาวบ้าน กล่าวขอบคุณผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา ที่เข้ามาเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านมานานกว่า 7 ปี และขอขอบคุณสื่อมวลชนทุก ๆ ช่อง ที่ช่วยกันนำเสนอ จนเรื่องนี้มีผู้ใหญ่รับทราบและเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาให้พวกตน พวกตนรู้สึกดีใจมาก ที่ปัญหานี้ได้จบลงเสียที เพราะคู่กรณียอมรื้อและคืนพื้นที่กลับรถให้ชาวบ้าน 100 เปอร์เซ็นต์

ขอบคุณที่มา   ข่าวเดลินิวส์