Social :



ค้น 15 จุดยึดรถหรู ‘ชนินทร์’ ไล่เช็กบิลบิ๊กสตาร์ค เรียกทายาทสี-พวกสอบปากคำพยาน

08 ก.ค. 66 08:07
ค้น 15 จุดยึดรถหรู ‘ชนินทร์’ ไล่เช็กบิลบิ๊กสตาร์ค เรียกทายาทสี-พวกสอบปากคำพยาน

ค้น 15 จุดยึดรถหรู ‘ชนินทร์’ ไล่เช็กบิลบิ๊กสตาร์ค เรียกทายาทสี-พวกสอบปากคำพยาน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ น.ส.พิทยาภรณ์ ชูรัตน์ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงความคืบหน้า กรณีคดีพิเศษที่ 57/2566 หรือคดีมหากาพย์โกงหุ้น ภายหลังจากเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา อธิบดีดีเอสไอพร้อมคณะพนักงานสอบสวน กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ร่วมกันเข้าตรวจค้นบ้านพักและสถานที่ของผู้บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนนำไปประกอบสำนวนคดีนั้น

โดย น.ส.พิทยาภรณ์ กล่าวว่า สำหรับการไล่เวลา (ไทม์ไลน์) การสอบสวนคดีโกงหุ้นสตาร์ค เริ่มต้นรับเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาวันที่ 3 ก.ค. ออกหมายเรียกผู้ต้องหา “นายชนินทร์ เย็นสุดใจ” จากนั้นวันที่ 5 ก.ค. ออกหมายจับนายชนินทร์ โดยมี ก.ล.ต. เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ และเมื่อวันที่ 6 ก.ค. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาลอาญารวม 15 จุด เพื่อค้นหาพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน รวมถึงเพื่อพบและยึดสิ่งของซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย โดยเป็นการเข้าตรวจค้นบริษัทจำนวน 5 จุด

น.ส.พิทยาภรณ์ กล่าวต่อว่า ได้แก่ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ,บริษัท ทีมเอ โฮลดิ้ง จำกัด , บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จอินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด ,บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และบริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่พบการทำธุรกรรมในทางบัญชีและการเงินที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก และเข้าตรวจค้นบ้านซึ่งเป็นที่พักอาศัยและที่มีชื่อของผู้ต้องสงสัยและผู้ที่มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ครอบครองรวม 10 จุด

รองโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงผลการตรวจค้นว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้พบและยึดสิ่งของที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานในการสอบสวนทั้งเอกสารการทำธุรกรรมต่าง ๆ ในบริษัท สตาร์คฯ และบริษัทในเครือ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดเก็บไว้ในรูปแบบไฟล์คอมพิวเตอร์ และเอกสารหลักฐานพยานวัตถุอื่น ๆ ซึ่งเป็นพยานหลักฐานที่จะประกอบการสอบสวนและพิสูจน์ถึงพฤติการณ์อันมีลักษณะทุจริต รวมถึงขยายผลไปถึงบุคคลอื่นที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด รวมทั้งได้พบและยึดเงินสด อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ

น.ส.พิทยาภรณ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของรายการทรัพย์สินของนายชนินทร์ เย็นสุดใจ ที่ดีเอสไอได้มีการอายัดนั้นเป็นการอายัดทางทะเบียนรถยนต์หรู 4 คัน ได้แก่ BMW 630i Gran Turismo RHD ทะเบียน 1 กญ 0289 กรุงเทพมหานคร / MINI COOPER S Cabrio RHD สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 ขศ 0042 กรุงเทพมหานคร / MERCEDES BENZ AMG GLA 35 4MATIC สีเทา ทะเบียน 2 ขร 1162 กรุงเทพมหานคร และ ROLLS-ROYCE DAWN สีดำ ทะเบียน 8
MulticollaC
กร 0011 กรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตามขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังบุคคลที่ครอบครองในปัจจุบันว่าขอให้ส่งมอบมาที่ดีเอสไอโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินได้ ส่วนถ้าประชาชนรายใดรู้เบาะแสของรถทั้ง 4 คัน สามารถแจ้งผ่านเว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ แจ้งผ่านสายด่วนของดีเอสไอ เบอร์ 1202

“การเลื่อนหมายเรียกผู้ต้องหาของนายชนินทร์ ที่แจ้งมายังดีเอสไอนั้น ระบุเพียงว่าติดภารกิจ แต่ยังไม่มีการระบุวันเวลาที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด และขณะนี้ทราบเบื้องต้นว่านายชนินทร์ หลบหนีหมายจับของศาลอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ทางดีเอสไอจึงขอฝากถึงนายชนินทร์ ให้กลับมาที่ประเทศไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และยังสามารถใช้สิทธิผู้ต้องหาตามกฎหมายได้ อาทิ การเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เป็นต้น ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าพนักงานสอบสวน กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน เตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องหาแก่เลขานุการของนายชนินทร์ (น.ส.ยสบวร อำมฤต) เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน” รองโฆษกดีเอสไอ กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีการอายัดทรัพย์ของนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ทายาทสียี่ห้อทีโอเอ และในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสตาร์คหรือไม่ เนื่องจาก ก.ล.ต. ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อบุคคล 10 รายกับดีเอสไอ ซึ่ง 1 ในนั้นมีนายวนรัชต์รวมอยู่ด้วยนั้น รองโฆษกดีเอสไอ ระบุว่า ทราบจากพนักงานสอบสวนว่า เบื้องต้นได้มีการออกหมายเรียกตามรายชื่อบุคคลและนิติบุคคลทั้ง 10 รายในฐานะพยานเรียบร้อยแล้ว ส่วนกำหนดนัดหมายวันเวลา จำเป็นต้องขอสงวนการเปิดเผยเนื่องจากความปลอดภัยของพยาน

รองโฆษกดีเอสไอ ระบุท้ายว่า คณะพนักงานสอบสวน ยืนยันว่ามีการเร่งติดตามรายการทรัพย์สินที่เหลือ เพื่อดำเนินการอายัดให้เป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหายให้มากที่สุด จึงขอให้สังคมและผู้เสียหายไว้วางใจว่าดีเอสไอไม่ได้นิ่งเฉย เพราะเวลาที่ยังไม่ถึง 1 เดือน จะสามารถแจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหา และทำการอายัดทรัพย์บางส่วน ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทุกชิ้น ก่อนนำมาพิจารณาประกอบการแจ้งข้อกล่าวหาแก่บุคคลอื่น ๆ ที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการโกงหุ้นสตาร์ค

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คณะพนักงานสอบสวน กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการสรุปสำนวนคดีมหากาพย์โกงหุ้นสตาร์คภายในเวลา 3 เดือน คาดว่าจะแล้วเสร็จ นำส่งพนักงานอัยการสั่งฟ้องได้ในห้วงเดือน ก.ย.นี้แน่

ด้านนายธวัชชัย ทิพย์โสภณ รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ ก.ล.ต. ระบุถึงการกล่าวโทษผู้กระทำผิดกรณี 10 ราย ที่มีพฤติการณ์ตบแต่งบัญชีและเปิดเผยข้อมูลเสนอขายตราสารหนี้ รวมถึงประเด็นการส่งเรื่องให้กับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พร้อมสั่งอายัดทรัพย์ผู้กระทำผิดชุดแรกและห้ามออกนอกราชอาณาจักรชั่วคราว 15 วัน ว่า หลังจากนี้ ก.ล.ต. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะขยายผลผู้กระทำผิดอื่น ๆ เพิ่มเติม พร้อมกับไล่ตรวจสอบการเผยแพร่ข่าวและสร้างราคาหุ้นให้สูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาว่ามีการซื้อขายผิดปกติหรือไม่

นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องของการตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงไม่ดำเนินการใด ๆ กับผู้สอบบัญชีนั้น ก.ล.ต.ชี้แจงว่า ไม่ได้มีอำนาจในการถอดใบอนุญาตผู้สอบบัญชี เพราะอยู่ภายใต้การดูแลของสภาวิชาชีพบัญชี แต่หากตรวจสอบพบว่าผู้สอบบัญชีมีความผิด จะถูกดำเนินการตามขั้นตอนอย่างแน่นอน แต่ในขณะนี้การตรวจสอบหลักฐานยังไปไม่ถึ

นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้กรณีที่มีการสั่งอายัดทรัพย์ผู้ถูกกล่าวโทษที่เป็นบริษัท ซึ่งยังประกอบธุรกิจอยู่และอาจกระทำกับการดำเนินกิจการ รวมถึงการจ่ายเงินเดือนพนักงานนั้น จะมีคณะทำงานที่ถูกตั้งขึ้นมาในกรณี “สตาร์ค” มาช่วยดูแลว่าเงินส่วนไหนที่นำออกมาโดยไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อทุจริต หรือยักย้าย ถ่ายเทผลประโยชน์ก็จะค่อย ๆ ปลดล็อกการเงินให้กับบริษัทเหล่านั้น เพื่อให้ใช้ดำเนินงานและจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงาน.

ขอบคุณที่มา     ข่าวเดลินิวส์

โพสต์โดย : ปลายน้ำ