Social :



คุยเงื่อนไข MOU มียืดหยุ่น “วิโรจน์” มองเป็นไปยากตั้ง “รัฐบาล กร๊วกๆ”

02 ส.ค. 66 07:08
คุยเงื่อนไข MOU มียืดหยุ่น “วิโรจน์” มองเป็นไปยากตั้ง “รัฐบาล กร๊วกๆ”

คุยเงื่อนไข MOU มียืดหยุ่น “วิโรจน์” มองเป็นไปยากตั้ง “รัฐบาล กร๊วกๆ”

“วิโรจน์” ขอให้ใจเย็นรอเพื่อไทยแจ้งถก 8 พรรค มองเป็นไปยากตั้ง “รัฐบาล กร๊วกๆ” 262 เสียง ชี้หากดึง “ภูมิใจไทย-ปชป.-ชทพ.” ร่วมต้องคุยเงื่อนไข MOU มียืดหยุ่น
 
 

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุมแกนนำ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่ทางพรรคเพื่อไทยระบุว่าจะมีการประชุมในวันที่ 2 ส.ค.66 แต่นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลออกมาโพสต์ข้อความว่ายังไม่รับแจ้ง ว่า เดี๋ยวก็คงจะได้รับแจ้ง เพราะเป็นการประชุมสำคัญจะไม่แจ้งได้อย่างไร ตอนนี้ขอให้ใจเย็นๆ กินหวานเย็น กินกาแฟไป คิดมาแล้วมันเครียด พร้อมขอให้เชื่อตนว่าพรรคเพื่อไทยไม่ทำอะไรบ้าๆ

 

 




เมื่อถามว่าคาดหวังในการประชุมวันพรุ่งนี้ (2ส.ค.) อย่างไรบ้าง นายวิโรจน์ ระบุว่า 8 พรรคร่วมแม้จะรวมกันได้ 312 เสียง ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับ2560 ที่สืบทอดอำนาจเผด็จการมันเป็นไปได้ยาก แต่หากลองจินตนาการดู หากพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกลแพ็คกันแน่น การจัดตั้งรัฐบาลสูตรอื่น หรือการไฮแจ็ค หรือการปล้นอำนาจประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือข่าวลือว่าจะมีการทรยศหักหลังประชาชน ตั้ง “รัฐบาล กร๊วกๆ” 262 เสียง เป็นเรื่องที่ยากกว่ามาก

 

 

“มันยากแบบเป็นไปไม่ได้เลย เพื่อไทยก้าวไกลจับกัน 290เสียง พรรคอื่นได้เท่าไร สว.ก็มาโหวตงบประมาณไม่ได้ รัฐบาล 260 เสียงจะอยู่อย่างไร คุณจะได้กระทรวงอะไร ภายใต้รัฐบาล 260เสียง การเจรจาถูกต่อรองหนักอยู่แล้ว จะได้กระทรวงที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้จริงหรือ เผลอๆเศรษฐกิจแย่กว่านี้อีก ผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่พาตังเองไปสู่มุมอับทางการเมืองแบบนั้น”


 
 

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ที่ตนคิดแบบนี้เพราะตนเป็นแฟนคลับพรรคเพื่อไทยมาก่อน การอภิปรายหรือท่าทีทางการเมืองในวันนี้ ตนมีปูชนียบุคคลนักการเมืองที่มาจากพรรคเพื่อไทยหลายคนที่เป็นแบบอย่าง เมื่อถามว่า มีการมองว่า พรรคเพื่อไทยใช้วิธีการนัดประชุมหัวหน้าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลกระชั้นชิด เป็นการมัดมือชกหรือไม่ นายวิโรจน์ ระบุว่า ทุกอย่างก็กระชั้นชิดจะไปว่าเขาก็ไม่ได้ ทุกคนทำงานแข่งกับเวลาหมด ตนถึงบอกว่าทุกวันนี้อย่างเร่งตัวเองจนเกินไป

 

 

นายวิโรจน์ ยังย้ำอีกว่า ภายใน 8 พรรคร่วมหากมีการกระทบกระทั่งกันบ้างก็ให้ลืมๆกันไป เรื่องเล็กๆก็ทำเป็นไม่มีซะ หากจุดยืนเรามั่งคง เชื่อว่าจะมีแรงหนึนของประชาชนและแรงกดดันทางการเมืองที่อยู่บนความชอบธรรมของ 8 พรรคร่วม ขอให้วางอคติต่อกัน เชื่อว่าไม่กี่สัปดาห์เราจะตั้งรัฐบาลได้




 

 

เมื่อถามว่า ตอนนี้ สว. มีการหารือกับเรื่องจะไม่โหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เพราะไปหาเสียงว่าจะแก้ไข ม.112 เช่นเดียวกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า “เห็นมั้ย คราวนี้มาเล่นนายเศรษฐาแล้ว มาเล่นพี่นิดของผมอีกแล้ว ผมถึงบอกไงว่า ปล่อยวางเถอะ คนเหล่านี้ ขีดขวางเสียงของประชาชน พออ้างเรื่องหนึ่งแล้วก็อ้างเรื่องสองไม่รู้จักจบจักสิ้น อย่างไปหวังพึ่งใคร หวังพึ่งพ่อผมดีกว่า ง่ายกว่า จุดธูปอธิฐานถึงพ่อผมเยอะๆ เดี๋ยวพ่อผมก็ช่วย”

 

 



เมื่อถามย้ำว่า นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. ออกมาระบุว่าคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีมีเพียง2คนคือ นายอนุทิน
Lif
ชาญวีรกูล หังหน้าพรรคภูมิใจไทย และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น นายวิโรจน์ ถอนหายใจ ก่อนจะตอบว่า ตนไม่เชื่อว่าเพื่อไทยจะทำแบบนั้น

 

 

สมมติว่าพรรคเพื่อไทยให้ภูมิใจไทยเป็นอกนนำจัดตั้งรัฐบาลและดคฃเอารวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐมาร่วม โดยสบโอกาสอ้างว่าจำใจต้องร่วม ตนคิดว่าอย่างไรก็โดนด่าอยู่ดี ประชาชนดูออกว่ามีการเตรียมการและไหลไปรวมกันภายหลัง สุดท้ายพรรคเพื่อไทยก็จะไม่ได้นายกรัฐมนตรี กระทรวงสำคัญก็จะไม่ได้ และยังโดนประชาชนด่าหนักกว่าเดิม

 

 

“ถ้าทำแบบนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แล้วดึง2ลุงมาร่วมให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า แต่ผมเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยไม่ทำ ไม่เช่นนั้นจะเท่ากับว่าทิ้งคนเสื้อแดงที่เป็นเพื่อนแท้ เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ให้กับคุณมานับ10ปีเชียวนะ ไม่มีใครรักพรรคเพื่อไทยเหนียวแน่นเท่ากับคนเสื้อแดงอีกแล้ว ยากมากคุณเฉือนเพื่อนคุณเพื่อเข้าสู่อำนาจ จะอ้างว่าเพื่อชาติอะไรก็แล้วแต่ ผมว่าฟังไม่ขึ้นอยู่แล้ว”

 

 

เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยดึงเอาพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนา มาร่วมรัฐบาลแต่ไม่มีพรรค2ลุง พรรคก้าวไกลจะร่วมได้หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ก็ต้องมาพูดคุยกัน เงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ซึ่งเราก็ต้องยอมรับอย่างใน MOUยังต้องตัดบางเรื่องออกไปเลย มันก็ต้องยืดหยุ่นกัน

 

 

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ไม่หรอก แต่หากพรรคเพื่อไทยเอา2ลุงมาร่วมรัฐบาล เราก็ต้องถามให้ชัดว่าจะอธิบายประชาชนอย่างไร “ไม่ใช่ลุงมาฉันจะไป ลุงมาฉันก็จะอยู่ไล่ลุง” เมื่อถามว่าหากไม่มีพรรคลุงก้าวไกลพร้อมโหวตให้และไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่

 

 

นายวิโรจน์ ตอบว่า เป็นหลักการที่จะบอกว่า ปิดสวิตซ์ สว.แต่การปิดสวิตซ์ สว.เป็นการเชิญชวน สส. ที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลมาโหวตไม่ให้ สว.เข้ามาแทรกแซงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งกระแสที่เกิดขึ้นคือยอมให้ สว.แทรกแซง ยอมจำนนต่อ สว. แบบนี้เรียกว่า ปิดสวิตซ์พรรคก้าวไกล

 

 

ส่วนวันที่ 4 ส.ค. ที่จะถึงนี้ จะได้นายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคณะเจรจา แต่ถ้าไม่ได้ก็สู้ต่อ ทำไมต้องได้เอาวันนี้พรุ่งนี้ ตนคืดว่าไม่ได้สำคัญอะไร และเรื่องที่มโนกันว่ารัฐบาลรักษาการสิ้นสภาพ คือถ้าจะสิ้นสภาพหรือสิ้นหวังก็สิ้นหวังจากรัฐบาลเดิม รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่พาประเทศชาติไปถึงจุดต่ำสุด

 
 

เพราะฉะนั้นการรักษาการ ใช้อำนาจจำกัดงบประมาณใหม่ก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องให้รัฐบาบที่สร้างความสิ้นหวังมาผ่านงบประมาณอะไรอีก ซึ่งหากมีความจำเป็นก็ใช้งบกลางที่ขอจาก กกต.ได้ไม่น่ามีปัญหาอะไร

 

“ทำแบบผมสิ ยักไหล่ รอได้ เราเองก็ทำงาน” และในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุม สส.พรรคก้าวไกล ก็คงมีการหารือกันถึงประเด็นที่จะมีการปิดสวิตซ์ก้าวไกล ซึ่งตนก็ขอร้อง การวิเคราะห์อะไรต่างๆก็เป็นสิทธิของประชาชน แต่ก็ยังไม่มีมูลความจริงอะไร ที่เราต้องไปต่อว่าพรรคเพื่อไทย เราเองก็ต้องปกป้องพรรคเพื่อไทยด้วย หลายคนครั้นเนื้อครั้นตัวอยากจะด่ามาก ก็ขอให้เก็บไว้ก่อนก็ได้ รอให้มีมูลก่อนแล้วด่าก็ยังไม่สาย หลายคนออกตัวล้อฟรี” นายวิโรจน์ กล่าว

 

 

นายวิโรจน์ ระบุ ว่า 14 ล้านเสียงของก้าวไกล กับ 11 ล้านเสียงของเพื่อไทย ก็มีอุดมการณ์ที่ใกล้เคียงกันมากๆ การที่พรรคเพื่อไทยอยู่ดีๆจะไปเลือกพรรคภูมิใจไทย ก็ต้องถามว่า ภูมิใจไทยมีอุดมการณ์ใกล้เคียงกับพรรคเพื่อไทยจริงๆหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าอุดมการณ์พรรคเพื่อไทยใกล้เคียงกับพรรคก้าวไกล

 

 

 ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews

โพสต์โดย : monnyboy