เชือดแล้วชิม!! ย้อนรอยคดี 'อิสเซ ซากาวะ' ฆาตกรผู้กระหายเนื้อมนุษย์สาว ที่วิปริตจนแทบอ้วก!!!
เชือดแล้วชิม!! ย้อนรอยคดี 'อิสเซ ซากาวะ' ฆาตกรผู้กระหายเนื้อมนุษย์สาว ที่วิปริตจนแทบอ้วก!!!
อิสเซ ซางาวะ ชายชาวญี่ปุ่นผู้เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1949 (พ.ศ. 2492) เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ การคลอดก่อนกำหนด ส่งผลให้รูปร่างของเขากลายเป็นชายร่างเล็กกว่าคนทั่วไป เมื่อถึงยามเจริญวัยเต็มที่แล้วเขามีความสูงเพียง 152 เซนติเมตร แต่รูปร่างแคระแกร็นของเขาก็ทดแทนด้วยความอัจฉริยะด้านศาสตร์แห่งภาษา อิสเซสนใจด้านวรรณกรรมและภาษามาตั้งแต่เด็ก
และแล้วความสยองก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อเขาอายุได้ 23 ปี เขาเกิดหลงไหลในเสน่ห์ของสาวชาวยุโรปเข้า จนมีความคิดที่อยากจะ "กลืนกินพวกเธอเข้าไปทั้งตัวแบบสดๆ"!! อิสเซเริ่มกระทำการครั้งแรกด้วยการสะกดรอยตามครูสาวผู้สอนภาษาเยอรมันให้แก่อิสเซไปถึงอพาร์ทเมนต์ในย่านโตเกียว รอกระทั่งเธอหลับจึงปีนเข้าไป แต่เหมือนเป็นโชคดีของเธอ วันนั้นอิสเซไม่ได้พกอะไรมาเป็นอาวุธเลยนอกจากร่มคันหนึ่ง เมื่ออิสเซเข้าไปถึงห้อง ครูสาวคนนั้นได้รู้สึกตัวก่อน ครูสาวจึงอาศัยความได้เปรียบด้านร่างกายที่สูงใหญ่กว่าขัดขืนอิสเซก่อนจะส่งไปหาตำรวจ ในตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของอิสเซคืออะไร ตำรวจจึงลงข้อหาไว้เพียงล่วงละเมิดทางเพศ และเมื่อเรื่องถึงหูพ่อของอิสเซ เขากลับใช้เส้นสายจากความร่ำรวยของตนวิ่งเต้นจนลูกชายหลุดพ้นจากข้อหา ก่อนจะส่งตัวอิสเซไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อรอให้เรื่องฉาวของอิสเซนั้นเบาลง
ถึงแม้ว่าการเรียนปริญญาเอกจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความกระหายเนื้อมนุษย์สาวของอิสเซนั้นลดลงเลย อิสเซยังใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการซื้อบริการโสเภณีมากินมื้อค่ำและร่วมรักกันเกือบทุกค่ำคืน ก่อนจะปิดท้ายด้วย การเชือดแล้วชิม! แต่ยังไม่เคยประสบผลสำเร็จสักครั้ง
จนกระทั่งเขาได้พบเข้ากับ ‘เรเน่ ฮาร์ทเวลต์’ หญิงสาวชาวดัทช์ อายุ 25 ปี รูปร่างสูงโปร่ง 178 เซนติเมตร ผมบลอนด์ ไม่ต่างอะไรจากนางแบบ แถมยังมีความสดใสร่าเริงในตัว ฉลาด พูดได้ถึง 3 ภาษา แทนที่เรเน่จะรังเกียจในความเอเชียและรูปร่างแคระแกร็นของเขาเหมือนกับคนอื่นๆ เธอกลับเลือกที่จะเข้าหา พร้อมมอบความเป็นเพื่อน พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวรรณกรรมกันอย่างถูกคอ จึงไม่แปลกที่อิสเซจะเกิดหลงไหลในตัวของเรเน่อย่างจริงจัง
ซึ่งเขาได้หาวิธีใกล้ชิดกับเธอด้วยการจ้างเรเน่มาสอนภาษาเยอรมัน โดยให้ค่าแรงสูงพอตัว และเรเน่เองก็ตอบตกลง เรเน่ใช้เวลาไปไหนมาไหนกับอิสเซอยู่บ่อยครั้ง ทั้งดูคอนเสิร์ต ดูงานนิทรรศการ โดยอิสเซจะเป็นฝ่ายชวนก่อนเสมอ เพราะเรเน่เองก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้กับอิสเซมากกว่าแค่เพื่อนเลย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหลงไหลของเขาน้อยลงเลย
ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524) อิสเซได้ชวนเรเน่มากินมื้อค่ำที่ห้องพักของตน โดยอ้างว่าอยากจะให้เรเน่ช่วยแปลภาษาเยอรมันในกวีนิพนธ์ โดยเป้าหมายสำคัญของเขาสำหรับคืนนี้นั่นคือ การกินเธอแบบสดๆ!!
หลังจากอาหารมื้อค่ำจบลง เรเน่ได้เริ่มการแปล กวีนิพนธ์โดยการอ่านให้อิสเซฟัง ส่วนอิสเซนั้นก็ตั้งเครื่องบันทึกเสียงไว้หมายจะเก็บเสียงเรเน่ไว้ฟัง ถึงแม้ว่าหลังจากนี้เธอจะตายไปแล้วก็ตาม อิสเซใช้จังหวะที่เรเน่กำลังสนใจการแปลภาษาอยู่นั้น ลอบยิงเธอจากด้านหลังด้วยปืนไรเฟิล โดยเล็งให้กระสุนเจาะลำคอขาวเนียนของเธอจนเสียชีวิตคาที่
จากนั้นเขาจึงได้เริ่มเปลื้องผ้าเรเน่ออกเพื่อทำการชำแหละ พร้อมกับร่วมรักกับร่างไร้วิญญาณของเรเน่อย่างสุขสม เมื่อเสร็จกิจเขาจึงได้เริ่มลงมือเชือดต่อ ด้วยการใช้มีดปอกสายไฟเฉือนจมูกของเรเน่มากิน พร้อมเปิดเสียงบันทึกของเรเน่คลอเบาๆ ระหว่างการแล่เนื้อจากศพของเธออย่างได้อรรถรส โดยเนื้อบางส่วนของเธอถูกนำไปทำ “เนื้อผัดมัสตาด” หลังกินผัดมัสตาดเสร็จแล้ว อิสเซใช้กางเกงในของเรเน่ต่างผ้าเช็ดปาก เต้านมทั้งสองข้างถูกนำไปอบต่างขนมปัง แต่อิสเซพบว่ามันเหนียวจนเคี้ยวยากกว่าส่วนใด ก่อนจะพบว่าเขาชอบเนื้อที่ต้นขาที่สุด ปิดท้ายคืนนี้ด้วยการใช้ร่างที่เหลือของเรเน่นำไปกอดไว้ในยามนอนไม่ต่างจากหมอนข้าง เช้าวันต่อมาร่างของเรเน่ตกเป็นอาหารของอิสเซอีกครั้ง โดยคราวนี้เขาลองกินเนื้อส่วนทวารหนัก แต่มันกลับเหม็นปฏิกูลเกินจะทนกินได้ ต่อให้นำไปทอดแล้วก็ตามจนต้องทิ้งถังขยะไป
หลายวันต่อมาศพของเรเน่เริ่มเน่าและส่งกลิ่นเหม็น เขาจึงเริ่มคิดจะทำลายศพทิ้งซะ โดยใช้ขวานสับร่างของเรเน่ออกเป็นท่อนๆ แล้วยัดใส่กระเป๋าเดินทางใบยักษ์ แต่ในระหว่างที่กำลังเอาท่อนศพใส่กระเป๋าทีละชิ้น อิสเซได้เกิดอารมณ์ขึ้นมาอีก จึงใช้มือของเรเน่แทนเครื่องสำเร็จความใคร่ เมื่อถึงจุดสุดยอดก็เกิดความหิวขึ้นมาอีกจึงหั่นศพเรเน่เพิ่มเพื่อกิน ปิดท้ายด้วยการใช้ขวานสับคอเรเน่ให้ขาดก่อนจะจิกผมเธอเพื่อหิ้วศีรษะให้ขึ้นมาสบตา อิสเซเก็บเนื้อบางส่วนจากศพของเรเน่แช่ตู้เย็นเพื่อกินในโอกาสถัดไป
แต่แล้วเขาก็ถูกจับแบบคาหนังคาเขาในระหว่างที่เขากำลังจะเอาศพเรเน่ในกระเป๋าเดินทางใบยักษ์ไปทิ้งที่ทะเลสาบบัวส์ เดอ บูโลญจน์ โดยมีคนแถวนั้นรู้สึกผิดสังเกตที่เห็นชายเอเชียตัวเล็กกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เกินตัวจึงแจ้งตำรวจให้ตามจับ ตำรวจบุกเข้าห้องพักของอิสเซเพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมก็ต้องพบกับก้อนเนื้อและเครื่องในล้างสะอาดรอประกอบอาหารมื้อต่อไป และแทบจะลมจับเมื่อเปิดตู้เย็นไปก็พบกับศีรษะของเรเน่ที่เปลือกตายังปิดไม่สนิท จมูกหาย ริมฝีปากทั้งบนและล่างถูกเฉือนออกไป เผยให้เห็นฟันสีขาวที่ปิดไม่สนิทคล้ายกับกำลังจะเซย์ฮัลโหลทักทายแก่เจ้าหน้าที่ ทำเอาทั้งตำรวจและนักข่าวผลัดกันออกไปอ้วกอย่างไม่หยุด กว่าจะเก็บหลักฐานหมดก็แสนจะทุลักทุเล
ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:thaiza.com
โพสต์โดย : monnyboy