Social :



พร้อมยอมรับยังไม่ตัดสินใจ “พิธา” ให้กำลังใจครม.ขอทำนโยบายยึดสัจจะไม่ยุ่งปม “ทักษิณ”

03 ก.ย. 66 10:09
พร้อมยอมรับยังไม่ตัดสินใจ “พิธา” ให้กำลังใจครม.ขอทำนโยบายยึดสัจจะไม่ยุ่งปม “ทักษิณ”

พร้อมยอมรับยังไม่ตัดสินใจ “พิธา” ให้กำลังใจครม.ขอทำนโยบายยึดสัจจะไม่ยุ่งปม “ทักษิณ”

“พิธา” ฝาก “เศรษฐา-ครม.ใหม่” รักษาสัจจะที่เคยหาเสียงไว้ รับผิดชอบคำพูด รอดูแถลงนโยบาย ห่วงวิกฤตศรัทธา พร้อมยอมรับยังไม่ตัดสินใจ “ผู้นำฝ่ายค้าน” ไม่ยุ่งปม “ทักษิณ”
 

 
 

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ ระหว่างการลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ระยอง ถึงคณะรัฐมนตรีภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้ว ว่า คงตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ซึ่งคงจะเป็นหลัก ตนคงไม่ได้ดูเป็นตัวบุคคล แต่ดูวิธีในการเข้าสู่อำนาจ รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับศรัทธาของพี่น้องประชาชนในการเตรียมมาเป็น ครม. ในการแก้ปัญหา

 



 

ทั้งนี้ สิ่งที่อยากฝากไว้ ก็อยากจะให้รักษาสัจจะตามที่หาเสียงกับพี่น้องประชาชนไว้ เพราะหลายนโยบาย ตั้งใจที่จะทำให้เกิดขึ้นจริงๆ ถ้าการแถลงนโยบายประมาณวันที่ 8-9 ก.ย.นี้ ก็คงจะเห็นว่าหลายเรื่องที่เคยหาเสียงไว้และที่มีดิจิทัลฟรุตปริ้นท์ เสนอนโยบายอย่างไรบ้าง ก็ต้องทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้

 

 


เพราะไม่อย่างนั้น วิกฤติศรัทธาจะเกิดขึ้น ศรัทธาเกี่ยวกับการเมือง ศรัทธาเกี่ยวกับรัฐสภา ศรัทธาเกี่ยวกับการทำงานการเมืองของพี่น้องประชาชน ที่คิดว่าจะไปเลือกทำไม จะมีดีเบตกันไปทำไม เพราะไม่รู้ว่าที่พูดไปไม่เกิดขึ้นจริง ตรงนี้คือสิ่งที่สำคัญ ความรับผิดชอบในคำพูด

 

 

ส่วนฝ่ายค้านก็จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ที่มีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา เข้มข้น และยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งแน่นอน ทั้งนี้ ในฐานะฝ่ายค้านจะให้ฝ่ายรัฐบาลทำงานกี่เดือนถึงจะรุกแบบเข้มข้น นายพิธา กล่าวว่า ขณะนี้ช้ามาตั้ง 3 เดือน ตั้งแต่การเลือกตั้ง 14 พ.ค. อย่างที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เคยพูดไว้ว่า ไม่มีเวลาฮันนีมูนกันต้องรีบทำงานอย่างเต็มที่

 

 




นอกจากนี้ สัญญาประชาคมที่แต่ละพรรคการเมืองทำร่วมกันไว้แล้ว ไม่น่าจะเป็นข้ออ้างได้ว่า เป็นพรรคร่วมแล้วทำไม่ได้ พร้อมเปรียบเทียบตอนที่พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล ได้นำ MOUมาเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เลือกพรรคแต่เลือกภารกิจ ดังนั้น น่าจะคุยกันได้แล้วว่า จะทำอะไร ไม่ทำอะไร ไม่อย่างนั้น จะใช้เป็นข้ออ้างในทุกครั้งไปว่า พรรคร่วมทำไม่ได้

 

 

ดังนั้น แน่นอนว่าการพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ ตนเข้าใจ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจร่วมรัฐบาลกัน ก็ต้องดูก่อนว่านโยบายจะอย่างไร ขอให้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาสัจจะเป็นที่ตั้ง ถ้าเอา 2 อย่าง เป็นที่ตั้ง คิดว่ารัฐบาลจะทำงานได้อย่างดี ขอเป็นกำลังใจให้รัฐบาลรักษาสัจจะให้ได้ ยึดประชาชนที่ตั้ง

Lif



 

ส่วนจะมีการนัดพูดคุยกันในพรรคฝ่ายค้านกับพรรคประชาธิปัตย์และแบ่งงานอย่างไร หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนทำงานนอกสภาเป็นส่วนใหญ่ ก็ให้คำปรึกษากับเพื่อน สส. ทั้งเรื่องการอภิปราย การทำงาน หรืองบประมาณที่จะเข้า ทั้งนี้ สมัยนี้พรรคก้าวไกลได้ สส. มากขึ้น ก็จะได้สัดส่วนกรรมาธิการที่เยอะขึ้น ตนก็จะทำงานแบบนี้จนกว่าที่จะได้รับสิทธิ์คืนมา ประชาชนคอยอยู่ก็จะแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้ได้และกลับไปทำงานโดยเร็ว เพื่อจะเข้าไปสู่สภาอีกครั้ง

 

 

สำหรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านจะมีการวางเป้าหมายไว้อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106 ระบุว่า ต้องเป็นหัวหน้าพรรคเสียงที่มีมากที่สุดของฝ่ายค้าน แต่ปัญหา คือ ตนสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ ดังนั้น ก็เป็นปัญหาที่ไม่สามารถรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านได้ ส่วนตัวก็ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งนี้

 

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นมติพรรคหรือเป็นไปตามรัฐธรรมนูญบังคับให้จะต้องรับ ก็อาจจะต้องรออีกทีหนึ่ง ดังนั้น จึงยังไม่รีบตัดสินใจ เพราะยังมีเวลาอีกหลายเดือน กว่าที่ตนจะได้กลับไป ส่วนพรรคอื่นก็ขอไม่พาดพิง แต่เท่าที่ติดตาม ก็น่าจะติดเงื่อนไขว่าหัวหน้าพรรคแต่ละพรรคเป็น สส. ในสภาหรือไม่ ซึ่งก็คงเป็นเรื่องของพรรรคอื่น

 

 

ถ้าอ่านตามรัฐธรรมนูญ ก็ชัดเจนว่าต้องเป็นพรรคที่มี สส. อันดับหนึ่ง และหัวหน้าพรรคต้องเป็น สส. ซึ่งถ้าตนไม่ได้เป็นอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไหลไปที่พรรคอื่น เท่าที่อ่าน และหากอ่านวรรคสุดท้ายก็จะเห็นว่าตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านจะสิ้นสุดลง เมื่อเงื่อนไขในพารากราฟแรกเปลี่ยนไป หมายความว่า หากตนกลับไป ก็ต้องไหลมาที่ตนที่เป็นพรรคอันดับหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ

 

 

ส่วนตัวก็คิดว่า ยังตั้งใจทำงานเป็น สส.คนหนึ่ง ก็ยังทำงานได้ ไม่ได้ยึดติดกับส่วนตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องของกฎหมาย หรือเป็นมติของเพื่อน สส. และของพรรคมา ตนก็ต้องเคารพ และตอนนี้ก็ยังมีเวลาตัดสินใจอีกนาน

 

 

ทั้งนี้ ก็อยากให้ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่1 ตั้งใจทำงานในตำแหน่งรองประธานสภาฯ ในช่วงเวลาที่ตนยังไม่ได้กลับเข้าไป อาจจะ4-6เดือน ซึ่งตนคิดว่ายังมีเวลาพอที่จะให้ นายปดิพัทธ์ ได้ทำหน้าที่รองประธานสภา อย่างที่เขาหวังไว้ พร้อมย้ำว่า ยังมีเวลาอยู่และยังรอได้

 

 

นอกจากนี้ นายพิธา ยังกล่าวถึงกรณีมีพระบรมราชโองการพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษ แก่นักโทษเด็ดขาด ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่ต้องโทษอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพว่า “เป็นสิทธิ์ของนายทักษิณที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ แค่นั้น

 

 ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews

โพสต์โดย : monnyboy