ยันนั่งประธาน ก.ตร. “เศรษฐา” รับกดดันนั่งนายกฯขอ 3 เดือนทำงานพิสูจน์ตนเอง

“เศรษฐา” ยันนั่งประธาน ก.ตร.เตรียมเคาะชื่อผบ.ตร.คนใหม่ด้วยตัวเอง ยอมรับกดดันนั่งตำแหน่งนายกฯ ขอเวลา 3 เดือน ทำงานพิสูจน์ตนเอง

 

 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ว่า เป็นการพบปะพูดคุยกับรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน จึงไม่ได้มีการสั่งการใดๆ

 

 

เพียงแต่มอบแนวทางว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชน การปฎิบัติงานต้องมีประสิทธิภาพ ยึดหลักกฏหมาย ความชอบธรรม การจัดสรรงบประมาณต้องเหมาะสม และต้องให้เกียรติข้าราชการที่ปฎิบัติงานร่วมกัน ทั้งนี้เนื่องจากขณะนี้ อยู่ในช่วงฤดูกาลการแต่งตั้งโยกย้าย จึงได้กำชับว่าการแต่งตั้งโยกย้าย ต้องพิจารณาทุกอย่างต้องมีความเป็นธรรมและดูผลงานเป็นหลัก โดยยืนยันจะพยายามดูแลไม่ให้มีการทุจริตคอรัปชั่นหรือการจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อแลกกับตำแหน่ง

 

 

ส่วนโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยอมรับว่าอาจจะไม่ได้บรรจุเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล แต่ได้บรรจุเป็นนโยบายแบบกว้างๆครอบคลุมการขนส่งทางรางทั้งระบบ เนื่องจากรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ต้องพิจารณาค่าโดยสารและค่าชดเชยต่างๆให้เหมาะสมรอบคอบ ยืนยันจะเร่งทำให้ดีที่สุดโดยมุ่งหวังจะให้ใช้บัตรเพียงใบเดียวและต่อรถได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ยังตอบไม่ได้ว่าโครงการนี้จะสามารถเริ่มต้นได้ในช่วงเวลาใด

 

 

ส่วนนโยบายภาพรวมที่รัฐบาลจะแถลงต่อรัฐสภาหากมีการพาดพิง ไปยังรัฐมนตรีกระทรวงใด หรือเป็นแบบข้อมูลเชิงลึก จะมอบหมายให้รัฐมนตรี กระทรวงนั้นๆ เป็นผู้ชี้แจง

 

สำหรับนโยบายการแก้ไขปัญหาให้กับภาคเกษตรกรเนื่องจากประสบปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งจากเอลนีโญ่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลใส่ใจและตระหนักดีถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้บรรจุเรื่องของการแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล เพื่อบรรเทาผลกระทบให้แก่เกษตรกร โดยแนวทางคือเป็นการขยายตลาดและส่งเสริมการส่งออก ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกและลดต้นทุนการผลิต ดังนั้นในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกวันที่ 13 ก.ย.นี้จะมีมาตรการเกี่ยวกับภาคการเกษตรออกมา

 

 

ส่วนการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและระดับนายพล นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะเป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร ด้วยตนเอง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหาวันการประชุมที่เหมาะสมและย้ำว่ายังไม่ได้พิจารณาบุคคลใดเป็นพิเศษ โดยจะดูจากอาวุโสและผลงานเป็นหลัก

 

 

นายเศรษฐา ยังกล่าวว่า ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกาจะถือโอกาสพบปะกับผู้นำประเทศต่างๆและภาคธุรกิจโดยขณะนี้ ส่วนตัวพยายามนัดหมายกับนักธุรกิจระดับโลกเพื่อหารือกัน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อผู้นำทั้งหมด เพื่อนัดการหารือต่อไป ซึ่งมั่นใจว่าจะมีโอกาสได้หารือกับผู้นำสหรัฐอเมริกาด้วย

 

 

ทั้งนี้ยอมรับว่าการเข้ามาทำงานมีความกดดัน แต่ตนเองมีความตั้งใจจริง ที่จะดูแลประชาชน ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า การบริหารราชการอาจไม่มีความเป็นอิสระทางความคิด เพราะพรรคเพื่อไทยมีความเกี่ยวโยงกับตระกูลชินวัตรที่ถือเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ นายเศรษฐา ระบุว่า ขอเวลา 3 เดือนแล้วประชาชนจะได้รับทราบว่าตนเองมีอิสระทางความคิดหรือไม่ ยืนยัน ใครที่มีแนวคิดที่ดีต่อการบริหารราชการแผ่นดินก็พร้อมที่จะรับฟังทุกคน

 

ขอบขอบคุณข้อมูลจาก:innnews