หนุ่มรุ่นลูกเมาบุกบ้านขอเงินอดีตแฟนวัย 60 ก่อนประเคนแม่ไม้มวยไทย-เจอสู้กลับชักปืนยิงเจ็บ

ที่เกิดเหตุพบร่างนายยิ่ง (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ท้อง 1 นัด ซึ่งมีอาการเมาสุรา ยังให้การวกไปวนมาว่า อ้างทำปืนลั่นใส่ตัวเอง เจ้าหน้าที่กู้ชีพให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ

จากการสอบสวนพี่สะใภ้ของผู้บาดเจ็บ ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นนางสังเวียน (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี แฟนของผู้บาดเจ็บ และพักอยู่ห่างจากจุดพบผู้บาดเจ็บ ประมาณ 500 เมตร

ก่อนพี่สะใภ้ จะพาตำรวจเดินทางไปบ้านหลังดังกล่าว กระทั่งพบผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นนางสังเวียน ให้การยอมรับว่า ตนเองเป็นคนใช้ปืนยิงนายยิ่งจริง พร้อมนำปืนออโตเมติกขนาด .22 ที่ใช้ก่อเหตุมามอบให้กับตำรวจ เนื่องจากนายยิ่ง พยายามทำร้ายและลากตนออกจากบ้าน จึงยิงไปเพื่อป้องกันตัว

พ.ต.อ.นพดล กล่าวว่า จากการสอบปากคำนางสังเวียน พบว่าเคยคบหากับนายยิ่ง ได้ประมาณ 1 ปี ก่อนจะเลิกรากันไป เมื่อช่วงเดือน ก.ค. หลังเลิกรา นายยิ่ง ยังวนเวียนเข้ามาขอเงิน และยังแอบปีนเข้ามาในบ้านอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งวันนี้นายยิ่ง วนเข้ามาที่บ้านอีก เพื่อจะมาขอเงิน แต่ผู้ก่อเหตุไม่ให้ จนเกิดมีปากเสียงกัน กระทั่งนายยิ่ง พยายามทำร้ายร่างกายและลากนางสังเวียนออกไปนอกบ้าน นางสังเวียน จึงชักปืนออกมายิงไป 1 นัด เพื่อป้องกันตัว กระทั่งนายยิ่งเดินออกจากบ้านไปนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างและกลับไปที่ห้องพัก ก่อนออกมาที่ร้านขายของชำเพื่อมาซื้อน้ำกิน ในสภาพมีเลือดไหลออกจากบาดแผลที่ท้อง จนชาวบ้านเห็น จึงเรียกเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของผู้ก่อเหตุเอง และมีใบอนุญาตถูกต้อง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาพยายามฆ่า แต่หากนางสังเวียนผู้ก่อเหตุ ประสงค์จะแจ้งความกลับ ในข้อหาบุกรุกนั้น ก็สามารถที่จะทำได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยัน จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

ทางด้านพี่สะใภ้ของนายยิ่ง กล่าวว่า นายยิ่งทำงานเป็นพ่อค้าขายโยเกิร์ต สตรอเบอรี่ ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง โดยคบหากับนางสังเวียนมานานแล้ว แต่อยู่คนละบ้าน เนื่องจากฝ่ายหญิงมีลูกติดเป็นผู้หญิงด้วย ระหว่างคบหากัน นางสังเวียน ค่อนข้างเป็นคนขี้หึง เนื่องจากมีแฟนเด็ก และยังเคยขู่นายยิ่ง ว่าหากไปมีคนอื่นจะยิงให้ตาย ทั้งนี้นายยิ่งเองเป็นคนชอบดื่มเหล้า และเมาก็จะมาขอเงินฝ่ายหญิงเป็นประจำ แต่จะอ้างว่ายิงเพื่อป้องกันตัวนั้น ตนเองก็มองว่า ทำเกินกว่าเหตุไป.