Social :



ลุงฝรั่งหัวใจเกษตร ปลูกผักทำฟาร์มออร์แกนิก ต่อยอดความสุขคืนกำไรให้ธรรมชาติ

28 ต.ค. 66 11:10
ลุงฝรั่งหัวใจเกษตร ปลูกผักทำฟาร์มออร์แกนิก ต่อยอดความสุขคืนกำไรให้ธรรมชาติ

ลุงฝรั่งหัวใจเกษตร ปลูกผักทำฟาร์มออร์แกนิก ต่อยอดความสุขคืนกำไรให้ธรรมชาติ

ลุงฝรั่งหัวใจเกษตร ปลูกผักทำฟาร์มออร์แกนิก ต่อยอดความสุขคืนกำไรให้ธรรมชาติ


ลุงฝรั่งชาวอังกฤษหัวใจเกษตร เปิดเพจ “Udon Organic Farm” ถ่ายทอดความรู้การเลี้ยงสัตว์ ปลูกผักทำฟาร์มออร์แกนิก 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นความสุขได้ต่อยอดความฝันวัยเด็ก คืนกำไรกลับสู่ระบบนิเวศให้ธรรมชาติ

เรื่องราวสุดประทับใจของนักวิชาการด้านประมงชาวอังกฤษวัย 63 ปี มีความฝันอยากเป็นเกษตรกร อยากมีพื้นที่ทำไร่ ทำสวนและเลี้ยงสัตว์ วันนี้สร้างครอบครัวกับสาวชาวไทย มีลูกด้วยกัน 2 คน อาศัยอยู่ที่ จ.อุดรธานี สร้างบ้านและเปิดฟาร์มเล็กๆ ในพื้นที่ 8 ไร่ และต่อยอดความสุขตามความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็ก ด้วยการใช้พื้นที่กว่า 100 ไร่ ทำการเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์แบบออร์แกนิก 100 เปอร์เซ็นต์ และยังไม่ลืมคืนกำไรกับคืนสู่ธรรมชาติ สร้างพื้นที่สีเขียว ปลูกป่าในพื้นที่ ใช้หลักการคืนระบบนิเวศทั้งพืชและสัตว์ ทั้งหมดเป็นที่มาของ “Udon Organic Farm” ที่พร้อมนำความสุขส่งต่อพลังบวกและองค์ความรู้ไปยังผู้ที่สนใจ


ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ “Udon Organic Farm” เลขที่ 74 ม.3 บ้านโนนคาม ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี ไปพบกับนายนิโคลัส อินเนส เทเลอร์ อายุ 63 ปี ชาวอังกฤษ นางสาวแสงมรี อินพักทัน อายุ 55 ปี ภรรยา และนางสาวเจนนิเฟอร์ อินเนส เทเลอร์ อายุ 24 ปี ลูกสาว ที่กำลังต้อนรับแขกผู้มาเยี่ยมเยือนฟาร์มแห่งนี้ ตั้งแต่การพูดคุยให้องค์ความรู้ของการทำเกษตรแบบออร์แกนิก ก่อนที่จะพาเยี่ยมชมบริเวณต่างๆ ภายในพื้นที่ 8 ไร่ของฟาร์ม และปิดท้ายด้วยการเดินชมฟาร์มขนาดใหญ่กว่า 100 ไร่ ที่ บ้านนาแอง ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ห่างออกไปอีกประมาณ 6 กม.


นายนิโคลัส กล่าวถึงที่มาของฟาร์มแห่งนี้ว่า หลังจากเรียนจบปริญญาตรี ด้านเกษตรโดยเฉพาะจากอังกฤษ พอจบมาก็เป็นอาสาสมัครจากรัฐบาลอังกฤษ มาให้ความรู้ด้านการเกษตรในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยสอนอยู่วิทยาลัยเกษตรศรีสะเกษ 3 ปี แล้วกลับไปเรียนปริญญาโท ด้านประมง ชีวิตวนเวียนเป็นอาสาอยู่ ไทย ลาว เขมร และเมียนมา อยู่นานที่สุดก็คือไทย 30 ปี ลาว 10 ปี ส่วนใหญ่เป็นที่ปรึกษาโครงการการเลี้ยงปลาพื้นบ้าน ที่เลือกมาอยู่ที่อุดรฯ เพราะที่นี่มาความหลากหลายของพันธุ์ปลา นั่นคือที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนห้วยหลวง และเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค สามารถเดินทางไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก


“เมื่อเริ่มมีครอบครัว ตนเองแต่งงานกับภรรยามาประมาณ 30 ปี ทำงานเก็บเงินซื้อที่ดินที่ บ้านโนนคาม ไว้ 8 ไร่ ตอนแรกสร้างบ้านหลังเล็กๆ ทิ้งไว้ แต่ต้องเดินทางไปทำงานหลายที่ ยังไม่มีเวลามาดูแล กระทั้งเมื่อ 13 ปีก่อน เริ่มมีแนวคิดอยากทำตามความฝันในวัยเด็ก อยากมีพื้นที่ทำการเกษตร จึงเก็บเงินซื้อที่ดิน บ้านนาแอง อีก 100 ไร่ เมื่อเกษียณตัวเองแล้ว ก็ได้มาใช้ชีวิตตามความฝัน ปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์แบบออร์แกนิก 100 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ถือว่ามีความสุขแล้ว เพียงพอแล้ว แต่ก็ยังสนุกกับการทำงานในฟาร์มเสมอ ยังสนุกกับการแก้ปัญหา สนุกกับการให้องค์ความรู้ไปยังผู้อื่น ชีวิตเหมือนเล่นหมากรุกกับธรรมชาติ” เจ้าของฟาร์ม Udon Organic Farm กล่าว


MulticollaC

ด้าน น.ส.แสงมรี ภรรยาลุงชาวอังกฤษ กล่าวว่า พื้นเพตัวเองเป็นชาว จ.สิงห์บุรี ก่อนหน้านี้ทำงานอยู่สนามบินดอนเมือง พบรักกับสามีที่นั่น มีโอกาสตามสามีไปทำงานยังที่ต่างๆ มันก็ซึมซับความเป็นเกษตรกรมาตลอด จนกลายเป็นรักความชอบไปแล้ว พื้นที่ 8 ไร่ของฟาร์ม ใช้วิธีการแบบเกษตรผสมผสาน แบ่งพื้นที่เป็นที่อยู่อาศัย 10% ปลูกพืช 30% เลี้ยงสัตว์ 30% และขุดบ่อเลี้ยงปลา 30% ส่วนที่ดิน 100 ไร่ เราไม่ได้กำหนดหรือมีแบบแผนตายตัว สามีจะคิดและปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ เลี้ยงวัว เลี้ยงหมู เลี้ยงห่าน อยู่ในพื้นที่ที่จัดสรรไว้ เลี้ยงแบบธรรมชาติ ปล่อยให้เขาได้วิ่ง ได้ใช้ชีวิตแบบธรรมชาติจริงๆ ทุกๆ อย่างในพื้นที่ เราจะให้เขาดูแลกันเอง ตั้งพืชไร่ ต้นไม้ สัตว์ คืนระบบนิเวศให้ธรรมชาติ


"ย้อนกลับมาที่ฟาร์ม 8 ไร่ ที่นี่เริ่มจากการปลูกผักและเลี้ยงหมู ไก่ วัว เป็นรูปแบบออร์แกนิก ไม่ใช้อาหารหรือปุ๋ยที่มีสารเคมี ปลูกข้าว เราปลูกแบบไม่ไถพรวน ตอนแรกเราก็ปลูกพออยู่พอกินภายในครอบครัว เหลือเราก็เอาไปให้เพื่อน จนเพื่อนๆ บอกว่าทำขายเถอะ ให้มาเยอะแล้ว เราจึงเริ่มทำกันแบบจริงจัง สามีเป็นกำลังหลักในทำเกษตรทุกขั้นตอน เราเองก็จะมาดูแลเรื่องต้อนรับลูกค้า ทำอาหารไว้รับรองคนที่มาเยี่ยมชม ส่วนลูกสาวก็จะดูเรื่องการการตลาด ดูเรื่องการขาย เพราะเราขายแบบจัดส่งเดลิเวอรีโดยใช้บริษัทเอกชน ซึ่งจะต้องมีการออเดอร์อยู่ตลอด เราทำเพื่อความสุขของเรา และส่งต่อความสุขให้ผู้คนอื่นๆ ต่อไป" ภรรยาลุงชาวอังกฤษ กล่าว 


ส่วน น.ส.เจนนิเฟอร์ หรือน้องเจน กล่าวว่า ตัวเองถูกเลี้ยงดูกับการเกษตรมาตั้งแต่เด็ก อยากได้อะไรก็ทำงานในฟาร์มเป็นการแลกเปลี่ยน จบมัธยมก็ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยมหิดล เรียนวิศวกรรมชีวการแพทย์ 2 ปี และไปต่อที่สกอตแลนด์อีก 2 ปี สุดท้ายก็กลับมาอยู่ที่บ้าน มาต่อยอดองค์ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา ผสมผสานกับองค์ความรู้ของคุณพ่อ ช่วงแรกเราจะนำพืชผักในฟาร์มจัดจำหน่ายเป็นชุด มีชุดผักรวม ชุดผักรวมหมู ชุดผักรวมไก่ เราจัดจำหน่ายด้วยออเดอร์ผ่านช่องทางโซเชียล รวมทั้งมีออเดอร์จากร้านอาหารในเมือง แบ่งการขายเป็นแบบ 50-50 เพื่อรักษาฐานลูกค้าทั้งหมด


“ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียสำคัญมาก เราจึงต้องพัฒนาตามเทคโนโลยีให้ทัน ไม่จำเป็นต้องเป็นการขายเหมือนเดิม ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง ต่อมาเราได้โพสต์กิจกรรมภายในฟาร์ม ก็มีลูกค้าที่สนใจ ติดต่อขอเข้ามาดูงานที่ฟาร์ม เราก็เริ่มเปิดรับผู้คนเข้ามาที่นี่ ปรับเปลี่ยนจากที่เคยให้มาฟรี เราก็เพิ่มกิจกรรมให้มากขึ้น มีการให้องค์รู้ นำวัตถุดิบในฟาร์มมาทำอาหารต้อนรับผู้ที่มาเยือน เป็นลูตการท่องเที่ยวด้านเกษตรออร์แกนิก เริ่มทำเป็นระบบได้ประมาณ 1 ปี เริ่มมีคนสนใจเข้ามาพอสมควร” ลูกสาวของเจ้าของฟาร์ม กล่าว 


น้องเจน กล่าวด้วยว่า ที่สุดแล้วครอบครัวก็ได้มีการวางแผนร่วมกัน ไม่ได้อยากหวังเงินหรือกำไรให้มากนัก ให้ทุกอย่างมันดูแลหมุนเวียนอยู่ในฟาร์ม ปัจจุบันปลูกข้าวหอมมะลิ ปลูกผักหลากหลายชนิด เลี้ยงวัวนม 2 ตัว วัวเนื้อ 46 ตัว ไก่เนื้อ 100 ตัว ไก่ไข่ 20 ตัว หมู 20 ตัว และ ห่าน 24 ตัว เริ่มแรกอาจจะยากหน่อย ใครที่มาดูก็บอกว่ามันจะสำเร็จหรือ ทำไมไม่ทำแบบนั้น แบบนี้ แต่พ่อก็ลองผิดลองถูก ใช้ความเป็นระบบนิเวศคืนสู่ธรรมชาติ ให้พวกเขาดูแลกันเอง ให้พวกเขามีความสุข ตอนนี้พื้นที่ทั้ง 8 ไร่ 100 ไร่ เป็นพืชที่สีเขียว ทำให้ธรรมชาติกลับคืนมาให้มากที่สุด หากสนใจก็เข้าไปที่เพจ “Udon Organic Farm” หรือช่องทางโซเชียลทุกช่องทาง.

ขอบคุณที่มา thairath

โพสต์โดย : ต้นน้ำ