Social :



10 ปริศนาลึกลับของโลก

20 พ.ค. 59 00:58
10 ปริศนาลึกลับของโลก

10 ปริศนาลึกลับของโลก

บน โลกของเราจะมีเรื่องลึกลับและปริศนาที่เรายังหาคำตอบไม่ได้อีกมากมาย สำหรับปริศนาของโลกตอนนี้จะเน้น ปรากฏการณ์ลึกลับที่หาคำตอบไม่ได้ครับ โดยเอาที่หาและแปลมาได้มี 10 อันดับด้วยกัน(แน่นอนมันไม่มีกะโหลกแก้วผลึกหรอกนะ ก็ปรากฏการณ์ลึกลับนี้น่า)

อันดับ 10 Angel Hair

 

“เส้นผมนางฟ้า” เป็น ปรากฏการณ์ที่หายากและไม่สามารถอธิบายได้ มันมีลักษณะเป็นเส้นคล้ายเส้นไหมและตกลงมาจากท้องฟ้า แต่ถ้าเอื้อมมือไปสัมผัสละก็ มันจะอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกแต่จะพบบ่อยในแถบอเมริกาเหนือ, นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย, และ ยุโรปตะวันตก ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่าเกิดจากอะไร หรือแม้กระทั่งมันทำมาจากอะไร เป็นที่คาดการณ์ว่ามันอาจจะมาจากแมงมุม หรือจากแมลงชักใยชนิดอื่นๆ หรือแม้กระทั่งยูเอฟโอ เนื่องจากมันมักจะเกี่ยวข้องกับการพบเห็นยูเอฟโอ เนื่องจากความบอบบางของมัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ เพราะว่ามันมักจะได้รับการปนเปื้อนจากไอเสียรถยนต์และการสัมผัสของมนุษย์ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงผลทางเคมีได้

อันดับ 9 Bélmez Faces 
 


เป็นปรากฏการณ์ประหลาดโดยมีปรากฏใบหน้าของคนที่ปรากฏอย่างชัดเจนในบ้าน Bélmez de la Moraleda บ้านส่วนตัวแห่งหนึ่งที่ตั้งในถนนหมายเลข 5 , เจยัน, ในประเทศสเปน โดยเริ่มต้นใน 23 สิงหาคม ปี 1971 เมื่อ María Gómez Cámara อ้าง ว่ามีการพบหน้ามนุษย์ประหลาดเกิดขึ้นโดยธรรมชาติในชั้นครัวของเธอที่ผนัง ซีเมนต์สามีและลูกของเธอจึงทำลายใบหน้านั้นด้วยขวานและฉาบปูนซีเมนต์ใหม่ แต่ปรากฏว่าใบหน้าใหม่ก็เกิดขึ้นอีก โดยส่วนใหญ่มักปรากฏบนคอนกรีตของบ้านอย่างต่อเนื่องและบางครั้งก็หายไปเมื่อ เวลาผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง อีกทั้งใบหน้าเหล่านี้จะปรากฏตัวเป็นระยะไม่สม่ำเสมอ หน้าแต่ละหน้าจะไม่เหมือนกัน รูปร่างแตกต่างกัน มีทั้งชายและหญิง และการแสดงออกต่างกันออกไป 
ปัจจุบัน บ้านหลังนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ยอดนิยมในการถ่ายรูปและหลายสื่อไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ท้อง ถิ่น,ประชาชน, นักท่องเที่ยวที่ต่างเข้ามาแวะเวียนกันเพื่อดูปรากฏการณ์ที่ว่านี้ หลายคนเชื่อว่าใบหน้าเหล่านี้ไม่ใช้ฝีมือของมนุษย์ และเชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์ Thoughtographic (ความสามารถในการใช้พลังจิตฉายภาพลงบนกระดาษหรือรูปถ่าย) ที่เกิดจากพลังจิตของเจ้าของบ้านโดยไม่รู้ตัว
แต่ นักวิทยาศาสตร์ยังกังขาปรากฏการณ์นี้ อาจเป็นการปรากฏการณ์ลึกลับหลอกๆ ซึ่งพวกเขาสันนิษฐานว่าเกิดจากการล้างปูนซีเมนต์ และมีวิเคราะห์มวล,โมเลกุล ตัวอย่างซีเมนต์ในบ้านหลังนั้นและพบว่ามันเป็นเรื่องหลอกลวง แต่กระนั้นในเวลาต่อมาหลายคนไม่เชื่อ และนักวิทยาศาสตร์บางคนโดนฟ้องอีกต่างหาก ทำให้การไขปริศนาปรากฏการณ์นี้กลายเป็นเรื่องต้องห้าม เนื่องจากมันได้สร้างรายได้และกำไรเป็นกอบเป็นกำในเมืองแห่งนี้

อันดับ 8 Simulacrum in Eagle Nebula (Simulacrum)

 

ปรากฏการณ์ดังกล่าวถูกเรียกว่า “เทวทูตแห่งอากาศ” คือปรากฏการณ์ที่มนุษย์มองเห็นภาพบุคคล สัญลักษณ์ทางศาสนาจากเมฆ หรือ แล้วแต่จะจินตนาการตีความ ส่วนภาพด้านบนเป็นภาพที่ถูกถ่ายเมื่อปี 1995 กล้องฮับเบิลจับภาพ Eagle Nebula (Nebula คือกลุ่มเมฆหมอกของฝุ่น แก๊ส และพลาสมาในอวกาศที่เป็นต้นกำเนิดของดวงดาว) และแพร่ภาพออกอากาศทางสถานี CNNประชาชน จำนวนมากที่เห็นภาพดังกล่าว ต่างโทรศัพท์มาบอกทางสถานีว่า พวกเขาเห็นภาพของมนุษย์ เทพเจ้า พระเยซูฯลฯ และนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้

อันดับ 7The taos hum
“เสียงฮัมลึกลับ” เป็นเสียงต่ำแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐอเมริกา(ในปี ค.ศ.1977), อังกฤษ และยุโรปเหนือ ที่มักได้ยินเสียงฮัมต่ำๆ คล้ายๆ เครื่องยนต์ดีเซลแปลกๆ(เช่นเครื่องใช้ในครัวเรือน,เสียงจราจรเป็นต้น) โดย เจ้าเสียงที่ว่านี้ดังติดต่อกันตลอดเวลาแต่บางทีก็เว้นจังหวะเป็นระยะแบบ สม่ำเสมอกันและเสียงนี้จะเข้มข้นตอนกลางคืนทำให้ผู้ได้ยินเป็นประสาทตามๆ กัน โดยเสียงที่ว่านี้จะต้องตั้งใจฟังในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเท่านั้น เช่นทะเลทรายในนิวเม็กซิโก, เกาะฮาวาย โดยไม่มีใครรู้ว่าต้นเสียงมาจากไหน.
ใน ปี 1977 มีการตรวจสอบโดยตรงจากวิทยาศาสตร์จากสถาบันที่มีชื่อเสียงในประเทศอเมริกา โดยทำการสำรวจและวัดคลื่นความถี่ของเสียงปริศนาในท้องที่และรอบๆ เมือง Taos นิวเม็กซิโก(โดยปกติเสียงนี้พบยากต้องใช้ไมโครเฟนพิเศษช่วย) พบว่าเสียงฮัมเบาๆ นี้มีความถี่ของเสียงประมาณ 30-80 Hz แต่เหลือเชื่อตรงที่ใช่ทุกคนจะได้ยิน มีบางคนที่ได้ยินเสียงนี่เท่านั้น โดยจากสถิตพบคนในเมือง Taos ได้ยินเสียงนี้เพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ก็ส่วนสาเหตุไม่พบว่าเสียงปริศนานี้เกิดจากอะไร บ้างก็สันนิษฐานว่า เป็นหูอื้อ, เสียงลม, คลื่นมหาสมุทร ไม่ก็ยูเอฟโอ ฯลฯ 

อันดับ 6 Disappearing Lake
 

ในเดือนพฤษภาคม 2007 ทะเลสาบภูเขาน้ำแข็ง เขต “มากายาเนส” ในปาตาโกเนีย ทางใต้ตอนใต้ของเทือกเขาแอนดีส ประเทศชิลี เกิดอันตรธานหายไปอย่างลึกลับ อย่างน่าพิศวงทั้งๆ ที่ ขนาดทะเลสาปมีถึง 5 เอเคอร์ หรือในราวๆ สนามฟุตบอล 10 สนาม โดยเจ้าหน้าที่อุทยานอธิบายว่าพวกเขาเห็นทะเลสาปยังเป็นปกติอยู่ในช่วงสอง เดือนที่ผ่านมา และจู่ๆ มันก็หายไปพริบตา กลายเป็นแอ่งขรุขระขนาดใหญ่ น้ำเหือดแห้งไปหมด มีเพียงก้อนน้ำแข็งจำนวนมากนอนก้นอยู่ จากเดิมที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ปริศนานี้ทำให้นักธรณีวิทยางงงวยและอยากทราบคำตอบมากว่าเกิดอะไรขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคน ตั้งทฤษฎีหลายทฤษฏีว่าแผ่นดินแยกตัว และกลืนน้ำในทะเลสาบลงไปแต่กระนั้นจากการตรวจสอบไม่มีรายงานว่ามีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในพื้นที่นี้แต่อย่างใด 


อันดับ 5 dancing mania
 

“โรค ชอบเต้น” เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในแผ่นดินยุโรประหว่างศตวรรษที่ 14 และ 18 โดยจะเกิดขึ้นกับกลุ่มคนชายและหญิงที่จู่ๆ เต้นท่าพิลึกโดยไม่ทราบสาเหตุ และจะเต้นรำผ่านถนนหรือในเมืองใหญ่ๆ นอกจากนี้ยังมีฟองที่ปาก และจะหยุดไปเองหากร่างกายอ่อนล้าเพลียและรับไม่ไหว
การระบาดของโรคชอบเต้นนี้เกิดครั้งแรกในอาเค่น(เป็นเมืองที่อยู่ด้านตะวันตกสุดของประเทศเยอรมนี ติดกับพรมแดนประ เทศเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม), เยอรมัน เมื่อ 24 มิถุนายน 1374 ประชาชนที่เดินถนนจู่ๆ ก็แผดร้อง, จิตหลอน และเต้นรำทั้งยังดิ้นและบิดตัว จนกระทั้งหมดแรงแม้กระทั้งจะยืน และแล้วโรคชอบเต้นก็กระจายไปอย่างรวดเร็วไปทั้วยุโรป ทั้งเนเธอร์แลนด์, โคโลญ, เมต้า และตามเส้นทางแสวงบุญ ทำให้มีข้อสันนิษฐานว่าโรคนี้เป็นโรคประสาทประเภทโรคอุปทานหมู่มากกว่า และมีการเชื่อมโยงไปความบ้าคลั่งศาสนาของคนยุโรป นอกจากนี้ยังสันนิษฐานอาจจะเกิดจากการกินข้าวไรที่มีเชื้อคลาวิเซพส์ เพอร์พูเรีย(Claviceps purpurea) ซึ่งเป็นเชื้อราขนาดเล็กที่มีพิษ ซึ่งเป็นยาหลอนประสาทชนิดรุนแรง แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบที่แท้จริงได้??

Lif
อันดับ 4 Raining Blobs
  


ชาวเมือง Oakville กรุง วอชิงตัน ต้องประหลาดใจ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 1994 เกิดฝนตกห่าใหญ่ แต่แทนที่จะเป็นฝนธรรมดา ชาวเมืองกลับเห็นลักษณะหยดน้ำฝนแตกต่างกันออกไปทุกครั้ง มันมีลักษณะเหมือนวุ้นเหมือนกาวนับไม่ถ้วนกำลังตกลงมาจากฟากฟ้า หลังจากนั้นเกือบทุกคนในเมืองมีอาการป่วยเหมือนไข้หวัดขึ้นมาอย่างไม่ทราบ สาเหตุและเป็นนานถึง 7 วัน ถึง 3 เดือน หลังจากสัมผัสและกินฝนวุ้นกาวนี้เข้าไป จึงมีการเอาตัวอย่างหยดน้ำฝนเพื่อตรวจสอบ ก็พบเรื่องตะลึงเพราะในหยดน้ำฝนมีเซลล์เม็ดเลือดขาวของมนุษย์ กรมอนามัยของวอชิงตันวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าสาเหตุที่ฝนตกมาเป็นกาววุ้นนั้น มีแบคทีเรียอย่างหนึ่งที่พบในระบบย่อยอาหารของมนุษย์ด้วย แต่จนบัดนี้ยังไม่มีผู้ใดสามารถอธิบายการเกิดฝนลักษณะนี้ได้เลยว่ามันเกิด จากอะไรกันแน่??

อันดับ 3 The Monkey Man of Delhi

 

ใน เดือนพฤษภาคม ปี 2001 มีรายงานประหลาดที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงอินเดียที่เมืองเดลี จู่ๆ ก็มีลิงที่รูปร่างประหลาดจู่โจมคนในกลางดึก ลิงรูปร่างประหลาดนี้มีลักษณะ รูปลักษณะที่แตกต่างกันออกไป แทบไม่เหมือนกันเลยสักคน บ้างมาเป็นฝูงมีทั้งของแท้ของเทียม บางคนเห็นมันแต่งชุดขาวๆ พันผ้าพันแผลเหมือนมัมมี่ อีกคนบอกว่ามันแต่งชุดดำ คนโน้นบอกว่ามันทาลำตัวด้วยสีน้ำเงิน คนโน้นก็บอกว่ามีขนรุงรังสีน้ำตาล ส่วนศีรษะนั้น บางคนบอกว่าเหมือนลิง บางก็ว่าสวมเกราะอีกที่หนึ่ง คนหนึ่งบอกว่ามันมีดวงไฟสีฟ้ากับสีแดงวูบๆ วาบๆ และดวงตามีสีแดงบ้าง สีเขียวบ้าง แต่ที่ตรงกันทุกรายคือมันมีกรงเล็บเป็นโลหะสีแวววาว บางรายสรุปน่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือหุ่นยนต์บังคับ ส่วนความสูงมันก็ก็มีหลายแบบ มีตั้งแต่ 137 ซ.ม. ไปจนถึง 183 ซ.ม. (สงสัย จะเป็นพ่อลูกมั้ง) ทั้งยังกระโดดสูงได้ เหาะได้ หายตัวได้ด้วย และพวกมันหยุดอาละวาดลงเมื่อมีเหตุฆ่ากันตายและมันก็ไม่กลับมาอีกเลย มีผู้รู้หลายคนออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับลิงดาลีนี้ว่าน่าจะเป็นปรากฏการณ์ ภาพลวงตาหมู่ (MASS DELUSION)บ้าง ก็ว่าเป็นคนบ้าที่หาทางออกจากความเก็บกดด้วยการแสดงอำนาจเหนือผู้อื่นส่วน นายแพทย์คนหนึ่งก็พยายามอธิบายว่าอาจเกิดขึ้นเพราะความตื่นตระหนกตื่นตูมโดย ไม่พิจารณาให้ถ่องแท้ก่อนและอาจเป็นต้นเหตุข่าวลือผิดๆ ถูกๆ นี้ได้เช่นถ้าเราโยนถุงมือลงหน้าต่างแล้วร้องออกมาว่ามือลิงๆ ผลคือชาวบ้านตกใจกันโดยทั่วนอกจากนี้ยังมีอีกกระแสว่ามนุษย์ลิงเป็นเรื่องกุ ขึ้นโดยฝีมือสปายฝ่ายปากีสถานที่ต้องการทำลายความมั่งคงและความน่าเชื่อถือ ของรัฐบาลอินเดียหรือบางข่าวบอกว่าเป็นฝีมือของแก๊งกวนเมืองที่ลองฝีมือของ ตำรวจเดลีหรือไม่ก็เป็นสายลับปากีสถานที่พยายามก่อกวนอินเดีย ฯลฯ จนบัดนี้ก็ไม่ได้คำตอบแต่อย่างใดเลย??

อันดับ 2.Globster
 

กล็อบสเตอร์ (Globster) เป็นมวลอินทรีย์ลึกลับที่มี่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมักจะตั้งมันว่า “กล็อบสเตอร์” (Globster) เอาไว้ก่อน มันมักปรากฏตัวออกมาโดยการเกยตื้นตามชายทะเลหรือมหาสมุทร โดยลักษณะของมันจะเป็นก้อนๆ ไม่มีตา, ไม่มีหัว และโครงสร้างของกระดูกไม่ชัดเจน(แต่บางคนบอกว่ามีตา,มีหัวและโครงหมด) จุดเด่นมีขน” และ “มีเส้นใย” หนังเหนียวมากจนเฉือนแทบไม่เข้า และเมื่อนำเนื้อเยื่อไปตรวจสอบพบว่ามันประกอบด้วยคอลาเจนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่โตมากๆ น้ำหนักเป็นตัน และส่งกลิ่นเหม็นเน่า บางชิ้นพบว่ามีรอยการกัดกินของปลาฉลามขนาดใหญ่ หรือรอยฉีดขาดจากการต่อสู้กับปลาหมึกยักษ์ จากการวิเคราะห์เนื้อเยื่อนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถตอบได้ว่ามันเป็นสัตว์ อะไร มีคนให้สันนิษฐานว่าเปลวปลาหมึกยักษ์นั้นอาจเป็นปลาหมึกยักษ์ และมันเปลวของปลาวาฬนั้น ปรากฏว่ามันไม่ใช้ปลาหมึก และกระนั้นเคยมีคนทดลองมันโดยเปรียบเทียบเนื้อเยื่อของปลาหมึกและเนื้อเยื่อ ของเปลวปลาวาฬ พบว่าการเรียงตัวของคอลลาเจนนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงสำหรับกรณีกล็อบสเตอร์ที่ดังๆ ก็เช่น St. Augustine Monster (1896), Dunk Island Carcass (1948), Melbourne-Hobart Carcass (1958), Tasmanian Globster (1960), New Zealand Globster (1968), Tasmanian Globster 2 (1970) เป็นต้น

อันดับ 1 Bridgewater Triangle


หากสามเหลี่ยมเบอร์บิวด้าเป็นพิศวงแห่งท้องทะเลละก็ สาม เหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์ก็ถือว่าเป็นพิศวงทางพื้นดินเหมือนกัน สามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์นั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ที่พิศวงแห่งหนึ่งของโลก มีพื้นที่ประมาณ 200 ตารางไมล์(520 กิโลเมตร) อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ รัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นสามเหลี่ยมที่ลากเมือง Abington, Rehoboth และ Freetown มาบรรจบกันจนเป็นรูปสามเหลี่ยม และภายในสามเหลี่ยมนี้มีเหตุการณ์และปรากฏการณ์ลึกลับมากมายไม่ว่าจะเป็นการพบจานบิน, Black Helicopter(เฮลิคอปเตอร์สีดำลึกลับ), ลูกไฟ, บิ๊กฟุต, งูยักษ์, เงาประหลาด, การชำแหละวัวในท้องทุ่ง" (Cattle Mutilation Phenomena) ฯลฯ
สถานที่สำคัญที่มักเกิดเหตุการณ์ประหลาดในสามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์ มีหลายจุด ที่สำคัญก็เช่น Hockomock Swamp เป็นบึงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางสามเหลี่ยมบริดจ์วอเตอร์ถูก เรียกว่า “บึงของปีศาจ” โดยสมัยก่อนนั้นเป็นที่ฝังศพของอินเดียแดง และอินเดียแดงได้สาปแช่งเอาไว้หลังจากโดนคนขาวเข้ายึดครอง จนกลายสถานที่คนไม่กล้าเข้ามา เพราะมีเสียงเล่าลือว่าผีดุและมีบิ๊กฟุตปรากฏตัวอยู่ อีกสถานที่สำคัญอีกที่ก็ Dighton Rock เป็นหินจารึกอักษรประหลาดที่พบในเขตรอบๆ สามเหลี่ยม และสถานที่ที่พบเหตุการณ์แปลกประหลาดเยอะที่สุดคือ Freetown-Fall River State Forest เป็นป่าที่หลายคนอ้างว่าพบเหตุการณ์ประหลาดมาก อันเนื่องสาเหตุมาจากคำสาปแช่งของเผ่าพื้นเมืองเมื่อ 350ปีก่อน มีการพบสัตว์ร้ายประหลาด และ การชำแหละวัวในท้องทุ่งในท้องที่นี้
และนี้คือรายงานส่วนหนึ่งของการเกิดสิ่งเหนือธรรมชาติในพื้นที่แห่งนี้ 
– มีการพบยูเอฟโอครั้งแรกในพื้นที่แห่งนี้เมื่อปี 1760 ในลักษณะทรงกลมเหมือนลูกไฟหลังจากนั้นก็มีการพบยูเอฟโอต่อเนื่องแม้เวลาจะ ผ่านไปนานถึง 300 ปีแล้วก็ตา
– มีการพบบิ๊กฟุตหรือครึ่งคนครึ่งลิงหลายครั้งต้องจุดบึงของปีศาจหลายครั้ง
– มีรายงานการพบนกยักษ์หรือไดโนเสาร์บินได้อย่างเทโรแดกทิลที่มีความยาวประมาณ 8-12 ฟุตในจุดบึ่งปีศาจ
– มีการพบงูยักษ์ เต่ายักษ์ในหลายๆ จุด 
- ในปี 1976 มีการพบสุนัขปีศาจขนาดใหญ่ ดวงตาสีแดงและมันฆ่าม้าเล็ก มีพยานบอกว่าพวกเขาพยายามยิงมันด้วยปืนแต่มันไม่เป็นผล
- มีปรากฏการณ์ประหลาดจำพวกไฟลึกลับบ่อยครั้งในพื้นที่ลุ่มหรือหนอง 
-นักโบราณคดีขุดพบสุสานลึกลับใน Hockomockบูชา ยันต์สัตว์และอาจรวมถึงมนุษย์ด้วย ในปี 1980 มีรายงานว่าหลายพื้นที่มีสัตว์ถูกฆ่าด้วยฝีมือมนุษย์จำนวนมาก และไม่ทราบว่าเป็นฝีมือของใคร
-มีรายงานการพบและได้ยินเสียง Black Helicopter ยาน พาหนะลึกลับ อาวุธยุทธโธปกรณ์หรือเครื่องบินที่มีความลึกลับและไม่ปรากฏที่มา บริษัทผู้สร้างหรือแม้กระทั่งจุดมุ่งหมายและเป้าหมายในการสร้างขึ้นมาด้วย จุดประสงค์อะไร ครั้งแรก ใน Rehoboth เมื่อ 25 มิถุนายน 2002 จนถึงปัจจุบันยังพบเนื่องๆ
-และมีการพบผีที่เป็นดวงวิญญาณตามสุสาน และผีในรูปร่างคนที่โบกรถและหายไปเมื่อได้ขึ้นรถที่จอดรับ


ขอขอบคุณข้อมูล writer.dek-d.com
โพสต์โดย : nampuengeiei9760