ครม.ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 20 สตางค์/ลิตร ดึงเงินเข้ารัฐ
มีผล 9 พ.ย.นี้
นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและเบนซิน 20 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 25 59 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันก็ได้ปรับลดเงินนำส่งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง 20 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันหน้าสถานีบริการน้ำมันไม่เปลี่ยนแปลง ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบ แต่จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น 18 ล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 6,500 ล้านบาทต่อปี เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
สำหรับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินและดีเซลใหม่ มีดังนี้
- ภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้นเป็น 6.50 บาทต่อลิตร จากเดิม 6.30 บาทต่อลิตร
- แก๊สโซฮอล์ E10 เพิ่มขึ้นเป็น 5.85 บาทต่อลิตร จากเดิมที่ 5.67 บาทต่อลิตร
- แก๊สโซฮอล์ E20 เพิ่มขึ้นเป็น 
- แก๊สโซฮอล์ E85 เพิ่มขึ้นเป็น 0.975 บาทต่อลิตร จากเดิม 0.945 บาทต่อลิตร
- และดีเซล เพิ่มขึ้นเป็น 5.85 บาทต่อลิตร จาก 5.65 บาท/ลิตร
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่าการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ทั้งดีเซลและเบนซินเพิ่ม ไม่ได้ส่งผลทำให้ประชาชนมีภาระเพิ่มขึ้น เพราะราคาน้ำมันขายปลีกไม่ปรับขึ้น นอกจากนี้ จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลง ค่าการตลาดที่สูง ผู้ค้าน้ำมันจึงสามารถปรับลดราคาน้ำมันให้กับประชาชนทุกประเภท ทั้งเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล 20 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น อี 85 ราคาคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า แนวโน้มราคาจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น ต้องติดตามการประชุมองค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้ แม้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ จะเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่ยังให้น้ำหนักกับการประชุมโอเปกมากกว่า เพราะหากประเทศสมาชิกไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องกำลังการผลิตน้ำมัน อาจส่งผลให้เกิดภาวะความต้องการล้นตลาด โดยคาดการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2559 จะเคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
topicza.com
