กรณีปัญหา : กรณีงานจ้างซึ่งต้องการผลสำเร็จของงานทั้งหมดในคราวเดียวกัน ระเบียบพัสดุกำหนดให้คิดค่าปรับเป็นรายวัน เป็นจำนวนเงินตายตัวในอัตราร้อยละ 0.01-0.10 การที่ในสัญญาจ้างกำหนดค่าปรับกำหนดค่าปรับไว้ ร้อยละ 0.20 จะมีผลเช่นไร
ศาลปกครองสูงสุดได้วางหลักในเรื่องนี้ไว้น่าสนใจ ในคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ 1308/2558
1. การตกลงค่าปรับที่ 0.20 ชอบด้วยระเบียบพัสดุหรือไม่???
ประเด็นนี้ ศาลปกครองสูงสุดวางหลักไว้ว่า งานตามสัญญาดังกล่าวถือเป็นงานจ้างซึ่งต้องการผลสำเร็จของงานทั้งหมดในคราวเดียวกันผู้ว่าจ้างจึงเห็นควรใช้ดุลพินิจในการกำหนดค่าปรับเป็นรายวัน เป็นจำนวนเงินตายตัวในอัตราร้อยละ 0.01 – 0.10 ของราคาจ้างตามข้อ 134 วรรคหนึ่ง ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ . ศ . 2535 การที่ผู้ว่าจ้างกำหนดค่าปรับในอัตราร้อยละ 0.20 ตามสัญญาข้างต้นจึงไม่เป็นไปตามระเบียบดังกล่าว
2. เมื่อกำหนดค่าปรับไม่เป็นไปตามระเบียบพัสดุ จะมีผลถึงความสมบูรณ์หรือไม่?
ประเด็นนี้ ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่าสัญญาสมบูรณ์ เนื่องจาก
1) ผู้รับจ้างได้รับทราบเงื่อนไขเกี่ยวกับอัตราค่าปรับและรายละเอียดต่างๆ
2) สัญญาดังกล่าวไม่ได้มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย หรือเป็นการพ้นวิสัย หรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตามมาตรา 150 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อันจะทำให้ข้อสัญญาดังกล่าวไม่สมบูรณ์ตกเป็นโมฆะ ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงหลักแห่งการแสดงเจตนาในการทำสัญญาและการเกิดขึ้นของสัญญาแล้ว การกำหนดค่าปรับแม้ไม่เป็นไปตามระเบียบพัสดุ ก็ย่อมมีผลสมบูรณ์และใช้บังคับตามเงื่อนไขในสัญญาได้ ดังนั้น ผู้รับจ้างจึงต้องผูกพันและปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญา
3. สุดท้ายเมื่อผู้รับจ้างส่งมอบงานล่าช้า ผู้ว่าจ้างจะคิดค่าปรับได้ในจำนวนเท่าใด???
ประเด็นนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้วางหลักไว้ว่า
ส่วนเรื่องการหักค่าปรับจากเงินค่าจ้างนั้น เมื่อพิจารณาถึงระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ . ศ . 2535 ข้อ 134 วรรคหนึ่ง ซึ่งได้กำหนดให้การจ้างซึ่งต้องการผลสำเร็จของงานทั้งหมดพร้อมกัน ให้กำหนดค่าปรับเป็นรายวันเป็นจำนวนตายตัวในอัตราร้อยละ 0.01-0.10 ของราคางานจ้าง อันแสดงให้เห็นว่าทางราชการประสงค์จะได้ค่าปรับอันเกิดจากเหตุล่าช้าเพียงไม่เกินร้อยละ 0.10 ของวงเงินค่าจ้างเท่านั้น ดังนั้น เมื่อพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของผู้ว่าจ้างซึ่งได้รับประโยชน์จากการใช้หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ สงขลา ที่ได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังไม่ปรากฏว่าความล่าช้าข้างต้นของรับจ้างจะสร้างความเสียหายประการอื่นแก่ผู้ว่าจ้าง กรณีจึงมีเหตุสมควรลดค่าปรับลงตามส่วน โดยให้ปรับเพียงร้อยละ 0.10 ของวงเงินค่าจ้าง
สรุป แม้หน่วยงานจะกำหนดค่าปรับไว้สูงกว่าที่ระเบียบพัสดุกำหนดและไม่ทำให้ค่าปรับเป็นโมฆะก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วศาลก็ใช้ดุลพินิจลดค่าปรับให้เท่ากับที่ระเบียบพัสดุกำหนดไว้ได้
เรียบเรียงโดย : คุณวิษณุ คงเล็ก