การขัดผิวด้วยมะขาม ซึ่งจะเป็นการนำเอามะขามสุกที่มีรสชาติเปรี้ยวมาใช้บดกับน้ำเล็กน้อยให้กลายเป็นเนื้อครีม กลายเป็น การขัดผิวด้วยมะขามเปียก ที่ได้รับความนิยมมาช้านานตั้งแต่ในสมัยโบราณ การขัดผิวด้วยวิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่จะทำให้ผิวขาวใส และมีความเนียนนุ่มมากยิ่งขึ้น
ด้วยวิตามินที่อยู่ในมะขามสดไร้สารเคมี ที่รับรองว่าปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ สาว ๆ คนไหนที่อยากมีผิวหน้าและผิวกายขาวใส ลองมาดูตำรับการใช้มะขามเปียกขัดผิวอย่างถูกวิธี เพิ่มความสวยอย่างมีออร่ากันดีกว่าค่ะ
คุณสมบัติของมะขามเปียกที่ช่วยขัดผิวให้ขาวใส
สาเหตุที่มะขามเปียกได้รับความนิยมในการใช้เป็นตัวช่วยขัดผิวมาช้านาน เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ภายในจึงบรรจุอยู่ด้วยสารที่เป็นกรดอินทรีย์ธรรมชาติที่มีความปลอดภัย เช่น กรดซิตริค กรดมาลิค และกรดทาร์ทาร์ริค ซึ่งเมื่อนำมาขัดผิวแล้ว จะช่วยกัดเอาเนื้อเยื่อที่เป็นคราบไคลด้านบนของผิวให้หลุดลอก แถมยังช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกาย ทำให้ผิวแลดูสดชื่นมีชีวิตชีวาอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมี AHA (Alpha Hydroxy Acids) เป็นสารสกัดพิเศษ ที่จะซึมลึกเข้าไปบำรุงผิวชั้นใน ใครที่ขัดผิวด้วยมะขามเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้ผิวขาวใสได้แบบไม่ต้องพึ่งครีมเคมีอันตรายกันเลยค่ะ
สูตรขัดผิวด้วยมะขามเปียก
สูตรขัดผิวด้วยมะขามเปียกมีหลากหลายตำรับที่สามารถนำมาประยุกต์เข้าด้วยกันได้ ซึ่งนิยมผสมกันระหว่างส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ เช่น มะขามเปียกกับนมสด, มะขามเปียกกับโยเกิร์ต, มะขามเปียกกับน้ำผึ้ง หรือมะขามเปียกกับน้ำตาลทรายแดง เป็นต้น ซึ่งการผสมในแต่ละสูตรก็จะช่วยเพิ่มสรรพคุณที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับสภาพผิวของเราที่จะนำไปใช้ว่าต้องการคุณสมบัติไหนเป็นหลักในการดูแลผิว
ดังนั้น จึงไม่มีสูตรตำรับตายตัว แต่ในโบราณนิยมใช้มะขามเปียกผสมน้ำเปล่าเล็กน้อย ขัดผิวกันไปเลยแบบไม่ผสมส่วนประกอบอื่นๆ การขัดผิวด้วยมะขามควรทำเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ เพื่อให้ผิวได้รับการซ่อมแซมและเข้าสู่ช่วงพัก อีกทั้งการขัดผิวหน้าด้วยมะขามเปียกก็ควรกรองเอากากใยจากมะขามออกไปก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหน้าเกิดรอยข่วนเป็นแผลขึ้นมา
การขัดผิวด้วยมะขามเปียก จัดได้ว่าเป็นเครื่องประทินผิวที่ได้รับความนิยม มีความปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่ดี สาวๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดูแลตัวเอง ที่การันตีได้เลยว่าจะได้ผิวสวยใสอย่างที่ต้องการภายในไม่กี่สัปดาห์แน่นอนเลยทีเดียวค่ะ
ที่มา pixabay.com
