Social :



เที่ยวขุนช่างเคี่ยน กับ 16 ข้อควรรู้ ยอดดอยแห่งดอกนางพญาเสือโคร่ง

20 ก.พ. 60 22:02
เที่ยวขุนช่างเคี่ยน กับ 16 ข้อควรรู้ ยอดดอยแห่งดอกนางพญาเสือโคร่ง

เที่ยวขุนช่างเคี่ยน กับ 16 ข้อควรรู้ ยอดดอยแห่งดอกนางพญาเสือโคร่ง

   ขุนช่างเคี่ยน  กับข้อควรรู้การไปเที่ยวสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ดินแดนแห่งดอกนางพญาเสือโคร่ง หนึ่งในเส้นทางดอกไม้สีชมพูของเชียงใหม่ ปลายฤดูหนาวนี้ต้องไปสัมผัส   

           ถ้าถามหาสถานที่ชมซากุระเมืองไทยหรือดอกนางพญาเสือโคร่ง เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึง  "ขุนช่างเคี่ยน"  เป็นชื่อแรก ๆ เพราะที่นี่เป็นแหล่งปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งที่เยอะมากอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย และยังเป็นยอดดอยที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม ยิ่งถ้าได้ไปเที่ยวชมช่วงหน้าหนาว ดอยทั้งดอยก็จะสวยงามโรแมนติกสุด ๆ และเพราะความสวยงามของขุนช่างเคี่ยนนี่เองที่ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยต้องการไปเที่ยวชม  

          วันนี้เราจึงได้รวบรวมข้อน่ารู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับดอยขุนช่างเคี่ยนมาฝากกันค่ะ เผื่อใครยังไม่เคยไป ไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน จะได้เก็บไปเป็นข้อมูลสำหรับการเดินทางไปเที่ยวขุนช่างเคี่ยนในช่วงหน้าหนาวนี้กัน :) 

          1.   ขุนช่างเคี่ยน มีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่ในตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง และตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่  

          2.   ขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่บนยอดดอยสูงประมาณ 1,200-1,300 เมตร 



          3. สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน แบ่งออกเป็น Site A และ Site B โดยจุดที่นักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมมากที่สุดจะอยู่บริเวณ Site A

          4. ต้องทำความเข้าใจกันสักนิดว่าขุนช่างเคี่ยนไม่ใช่สถานที่ที่จัดทำขึ้นเพื่อการท่องเที่ยว แต่ที่นี่เป็นศูนย์วิจัยเกี่ยวกับพืชเมืองหนาวของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพราะฉะนั้นจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป

          5. จริง ๆ แล้วขุนช่างเคี่ยนเป็นสถานที่วิจัยและปลูกกาแฟอาราบิก้า แต่ได้มีการนำต้นนางพญาเสือโคร่งมาปลูกทำรั้ว พอถึงฤดูกาลที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบาน จึงทำให้ที่นี่กลายเป็นยอดดอยที่สวยงาม 



          6. นักท่องเที่ยวที่สนใจขึ้นไปเที่ยวชมขุนช่างเคี่ยน หากเป็นช่วงฤดูกาลปกติ (ดอกนางพญาเสือโคร่งยังไม่บาน) ก็จะมีเพียงไร่กาแฟให้ได้ชื่นชม แต่ก็คุ้มค่าต่อการขึ้นไปเที่ยว เพราะกาแฟอาราบิก้าที่นี่รสชาติหอมอร่อย มีร้านกาแฟเล็ก ๆ ไว้รอต้อนรับ ธรรมชาติของป่าเขายังอุดมสมบูรณ์ และอากาศยังเย็นสบายอีกด้วย 

          7. สำหรับใครที่ต้องการไปเที่ยวขุนช่างเคี่ยน เพื่อชมดอกนางพญาเสือโคร่งหรือดอกซากุระเมืองไทย จะต้องขึ้นไปเที่ยวชมช่วงเดือนมกราคม ซึ่งดอกไม้จะบานช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และจะบานเพียงแค่ 1 อาทิตย์เท่านั้น ต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด

          8. ขุนช่างเคี่ยน อยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวดัง ๆ ของเชียงใหม่ อย่างดอยสุเทพ, พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์, หมู่บ้านม้งดอยปุย, หมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน ฯลฯ



          9. ขุนช่างเคี่ยน มีที่พักไหม ? มีค่ะ... แต่ ! จะเปิดให้เข้าพักเฉพาะช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานเท่านั้น โดยจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคม บ้านพักนี้เป็นบ้านพักที่ทำไว้ให้นักศึกษาที่ขึ้นไปฝึกงานได้พักผ่อน เพราะฉะนั้นถ้ามีนักศึกษาพักอยู่ ทางสถานีก็จะไม่เปิดให้เข้าพัก ต้องโทรศัพท์สอบถามก่อนการเดินทาง 

         
MulticollaC
10. แล้วลานกางเต็นท์ขุนช่างเคี่ยนล่ะ ? ภายในสถานีไม่มีลานกางเต็นท์ไว้รองรับนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจะต้องมากางเต็นท์ในพื้นที่ของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 4 กิโลเมตร หากนำเต็นท์ไปเองเสียค่าบริการ 30 บาท หากเช่าเต็นท์ของอุทยานเต็นท์ละ 405 บาท พักได้ 3 คน ในบริเวณนี้มีห้องน้ำ 



          11. นอกจากนี้ยังมีโฮมสเตย์ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ขุนช่างเคี่ยน ให้ได้พักผ่อนและสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเขาอีกด้วย โดยโฮมสเตย์จะตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน (ห่างจากสถานีไปไม่เกิน 1 กิโลเมตร) และหมู่บ้านม้งดอยปุย 

          12. บนขุนช่างเคี่ยน ไม่มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ มีเพียงร้านกาแฟเล็ก ๆ เท่านั้น แต่ก็จะมีร้านค้าเล็ก ๆ ของชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน และร้านค้าของชาวบ้านที่อยู่บนเส้นทางมาที่นี่ ซึ่งไม่ได้มีสินค้าที่หลากหลายเหมือนร้านค้าในเมือง เพราะฉะนั้นถ้าจะขึ้นไปนอนค้างคืนข้างบนควรเตรียมตัวให้พร้อม 

          13. การเดินทางขึ้นไปยังขุนช่างเคี่ยน นักท่องเที่ยวสามารถขับรถขึ้นไปเองได้ (รถยนต์ก็ขึ้นได้) แต่ควรจะต้องชำนาญทั้งเส้นทางและการขับรถ เพราะถนนยังแคบและชัน ถ้าไม่มั่นใจให้เช่าเหมารถแดงขึ้นไปจะดีกว่า



          14. หากมั่นใจว่าจะขับรถขึ้นไปเอง จากตัวเมืองเชียงใหม่ให้ใช้เส้นทางถนนห้วยแก้ว ขึ้นดอยสุเทพ ผ่านพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ แล้วไปเลี้ยวตรงแยกขวา ที่สามแยกไปหมู่บ้านม้งดอยปุย เมื่อเลี้ยวไปยังเส้นทางขุนช่างเคี่ยน ต้องระมัดระวังในการขับขี่ เพราะถนนค่อนข้างแคบ ขับไปเรื่อย ๆ จะเห็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย แล้วขับไปอีกประมาณ 3-4 กิโลเมตร จะถึงสถานี 

          15. ถ้าใครไม่มีรถก็สามารถเช่าเหมารถแดงขึ้นไปเที่ยวชมได้ จะเช่าแบบไปเช้า-เย็นกลับก็ได้ หรือถ้าใครตั้งใจไปค้างคืน ก็สอบถามเรื่องราคาและนัดหมายเรื่องเวลากับเจ้าของรถได้เลย โดยเฉลี่ยถ้าขึ้นไปเที่ยวแบบเช้าไป-เย็นกลับ จะอยู่ที่ประมาณคนละ 400 บาท แต่ถ้าไปส่งยังลานกางเต็นท์แล้วให้ไปรับในรุ่งเช้าอีกวัน ก็อยู่ที่ประมาณคนละ 500 บาท 

ขุนช่างเคี่ยน

          16. สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5394 4052, อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โทรศัพท์ 0 5321 0244 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5324 8604-5, 0 5324 8607 

           ใครที่อยากเห็นยอดดอยขุนช่างเคี่ยนเป็นสีชมพูหวานแหวว และอยากสัมผัสกับบรรยากาศสุดโรแมนติกนี้ ก็เตรียมตัวกันให้พร้อม เพราะหนึ่งปีมีครั้งเดียวเท่านั้นนะคะ :)  

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2559

ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 
อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โทรศัพท์ 0 5321 0244
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่
agri.cmu.ac.th  

โพสต์โดย : fork3026