Social :



ครีมบำรุง แต่ละตัวแตกต่างกันอย่างไร อะไรใช้ก่อนใช้ทีหลัง ใช้อย่างไรให้สาวๆมีใบหน้าที่สวยใส น่าสัมผัส

24 ก.พ. 60 23:02
ครีมบำรุง แต่ละตัวแตกต่างกันอย่างไร อะไรใช้ก่อนใช้ทีหลัง ใช้อย่างไรให้สาวๆมีใบหน้าที่สวยใส น่าสัมผัส

ครีมบำรุง แต่ละตัวแตกต่างกันอย่างไร อะไรใช้ก่อนใช้ทีหลัง ใช้อย่างไรให้สาวๆมีใบหน้าที่สวยใส น่าสัมผัส

การทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำนับเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผิวของคุณสาวๆ   สวยสุขภาพดีแม้ยังไม่แต่งหน้า   และผิวที่ดียังช่วยให้เมคอัพติดทนนานอีกด้วย   รู้แบบนี้แล้วรีบบำรุงผิวด่วนๆ   เลยค่ะ   แต่ว่าเอ๊ะ ทำไมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในท้องตลาดถึงได้เยอะจัง   ไม่ต้อง   งง   เพราะทั้งหมดก็คือ   มอยส์เจอร์ไรเซอร์   ที่ช่วยให้ความชุ่มชื่นกับผิวนั้นเองแต่อาจมีรูปแบบ   เนื้อสัมผัส   ความเข้มข้น   ฯลฯ   ที่แตกต่างกัน   สุดแล้วแต่ผู้ผลิตจะคิดค้นกันออกมา   เอาล่ะ   เรามาเริ่มกันเลย   Let’s go

 

1) Toner/ Essence

โทนเนอร์และเอสเซนต์   สองตัวนี้   สาวๆ   หลายคนมักสับสนว่ามันต่างกันตรงไหน   เพราะทั้งคู่มักมาในรูปแบบ ของเหลว ’  เหมือนกัน   และมีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลผิวคล้ายกัน   บางยี่ห้อก็เคลมว่าใช้แทนกันได้เลย   เอ๊ะ   ยังไง   งง ?

 

Toner:  โทนเนอร์

โทนเนอร์คือตัวช่วยปรับสมดุลผิว   เช่น   ความชุ่มชื่น   ค่า   pH  ฯลฯ   ทำให้ครีมซึมซาบลงสู่ผิวง่ายขึ้น   ทั้งยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างจากการล้างหน้า   มีทั้งเนื้อเหลวและเนื้อแบบหนืดๆ

เนื้อสัมผัส บางเบามาก ลำดับการใช้ หลังล้างหน้า เหมาะกับ ทุกสภาพผิว

 

Essence:  เอสเซนส์

เอสเซนส์ลักษณะจะคล้ายกันโทนเนอร์   แต่เน้นการบำรุงที่ล้ำลึกเข้าไปถึงชั้นผิวเพื่อฟื้นฟูให้ผิวสุขภาพดีออกมากจากภายใน   มักเป็น   Water-Base  ทำให้เนื้อสัมผัสบางเบา   ซึมซาบเร็ว   ไม่เหนอะหนะ   เหมาะอย่างมากกับผู้ที่แพ้สารตระกูล

เนื้อสัมผัส บางเบามาก ลำดับการใช้ หลังโทนเนอร์หรือใช้แทนโทนเนอร์ เหมาะกับ ทุกสภาพผิว

 

2) Serum/ Ampoule

เป็นอีกคู่หนึ่งที่หลายคนสงสัยว่ามันต่างกันอย่างไร   จริงๆ   สองตัวนี้แทบจะไม่ต่างกันเลย   แนะนำให้เลือกใช้เพียงตัวใดตัวหนึ่งก็ได้   เอาตามสภาพผิวของเราดีกว่า

 

Serum:  เซรั่ม

เซรั่มมักมีเนื้อสัมผัสหลากหลาย   เช่น   น้ำ น้ำมัน   หรือเจลใส   เน้นให้ซึมซาบเร็ว   แต่เห็นนางใสๆ   แบบเนี้ยสารบำรุงอัดแน่นนะจ๊ะ   เพราะเซรั่มถูกออกแบบมาเพื่อการดูแลปัญหาผิวแบบเฉพาะเจาะจง   เช่น

MulticollaC
  แก้ไขปัญหาสิว , ดูแลริ้วรอย   หรือแก้ไขผิวหมองคล้ำ

เนื้อสัมผัส บางเบา ลำดับการใช้ หลังโทนเนอร์หรือหลังเอสเซนส์ เหมาะกับ ทุกสภาพผิว   ผิวมัน

 

Ampoule:  แอมเพิล

แอมเพิลก็คือเซรั่มนั่นแล่ะคู๊ณ   มักมาในรูปแบบขวดแก้ว   และอัดสารบำรุงให้เข้มข้นเข้าไปอีกกก   ว่าง่ายๆ   ก็คือเข้มข้นมากกว่าเซรั่ม ทั้งยังมีเนื้อสัมผัสบางเบาที่สุด   และซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เร็วที่สุด   นี้คือเหตุผลว่าทำไมแอมเพิลถึงราคาแรง !

เนื้อสัมผัส บางเบา ลำดับการใช้ หลังโทนเนอร์ เหมาะกับ ทุกสภาพผิว

 

3) Emulsion/ Lotion/ Cream

ทั้งสามตัวนี้เป็นตัวบำรุงที่ช่วยเคลือบผิวชั้นนอกด้วย   คือช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื่นในผิวนั่นเอง   แตกต่างกันก็คือความเข้มข้นของน้ำมัน   ควรเลือกใช้ให้ถูกต้องตามสภาพผิว   สภาพอากาศ   และปัจจัยอื่นๆ   เช่น   เป็นคนผิวมันควรใช้อีมัลชั่นแต่พออากาศหนาวขึ้นเกิดผิวแห้งลอกอันนี้ก็ควรเปลี่ยนมาใช้โลชั่น   หรือถ้ายังชุ่มชื่นไม่พอก็ใช้ครีม   เป็นต้น

 

Emulsion:  อีมัลชั่น

เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ค่อนข้างบางเบา   เนื้อคล้ายกับโลชั่นผสมเจล   คือไม่เหลวและไม่ข้นจนเกินไป   มีคุณสมบัติช่วยบำรุงและเคลือบผิวชั้นนอกให้ชุ่มชื่น   สำหรับผู้ที่มีผิวผสมและผิวมันอีมัลชั่นนี่แล่ะคือคำตอบของคุณ !

เนื้อสัมผัส เข้มข้น ลำดับการใช้ หลังเซรั่ม เหมาะกับ ผิวผสมและผิวมัน

 

Lotion:  โลชั่น

โลชั่นมีคุณสมบัติคล้ายอีมัลชั่น   ตรงที่โลชั่นมีส่วนผสมที่เป็นน้ำมันมากกว่า   จึงช่วยเติมความชุ่มชื่นให้แก่ผิวได้ดีกว่า   นอกจากนี้ส่วนผสมจากน้ำมันยังช่วยเคลือบบนผิวชั้นนอก   ลดการสูญเสียน้ำน้อยลง   เหมาะกับผู้ที่มีผิวธรรมดาหรือผิวผสม

เนื้อสัมผัส เข้มข้นปานกลาง ลำดับการใช้ หลังอีมัลชั่น เหมาะกับ ผิวธรรมดาหรือผิวผสม


Cream:  ครีม

ขึ้นชื่อว่า   ครีม ’  ขอให้ทุกคนเดาไว้ก่อนเลยว่าเนื้อเขาต้องเข้มข้น เพราะครีมมีส่วนผสมจากน้ำมันเยอะที่สุด อุดมไปด้วยสารบำรุงที่เข้มข้นและความชุ่มชื่นเต็มพิกัด   มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวชั้นนอกชุ่มชื่นอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งหรือเอาไว้ใช้เวลาที่อากาศหนาวๆ   เพราะน้ำมันในครีมช่วยเคลือบผิว   ป้องกันการสูญเสียน้ำได้ดี

เนื้อสัมผัส เข้มข้นมาก ลำดับการใช้ ขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุง เหมาะกับ ผิวแห้งถึงแห้งมาก


ขอบคุณข้อมูล : Karmart

โพสต์โดย : fork3026