ดอยอ่างขางฤดูหนาว คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว ดอกไม้เมืองหนาวบานสะพรั่งทั่วสถานี หากไปในช่วงเดือนมกราคมได้พบกับบรรยากาศของดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง ทำให้ใคร ใคร ก็เลือกไปเที่ยวดอยอ่างขางในฤดูนี้ แต่ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวดอยอ่างขางหน้าฝนบ้าง ความรู้สึกจะเป็นอย่างไร มีอะไรให้เที่ยว มีดอกไม้ให้ชมเยอะมั้ย อากาศจะหนาวมั้ย หลากหลายคำถามมีคำตอบให้แล้วในรีวิวนี้ค่ะ
ดอยอ่างขางหน้าฝน นักท่องเที่ยวน้อยแต่ก็เป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่ง คือ ไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันเที่ยว ไปแบบสบายๆ เพียงแต่ต้องระมัดระวังในการขับรถขึ้นดอยซักหน่อย เพราะทางขึ้นค่อนข้างชัน หากในระหว่างที่ขับขึ้นไปฝนตกถนนลื่น อาจมีหมอกฝนบดบังทัศนวิสัยในการขับรถได้ ขับรถมาถึงสามแยกเข้ามาที่ตลาดนัดด้านหน้า ฤดูหนาวจำได้ว่า รถจอดเต็มพื้นที่แทบไม่มีที่จอดรถ และบริเวณนี้ก็คึกคักไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงนักท่องเที่ยว แต่ในฤดูฝนยิ่งมาเที่ยวในวันธรรมดา เงียบสงัด ส่วนใหญ่ร้านปิด มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก เปิดบ้าง 3-4 ร้าน
สามารถแวะเที่ยวตรงจุดไหนได้บ้าง จริงแล้วแวะได้หมดทุกที่เหมือนฤดูหนาว เพียงแต่บรรยกาศของวิวและธรรมชาติจะต่างกัน สถานที่อันดับแรก สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ในนเวลานี้มองไปทางไหนจะเจอแต่ต้นไม้สีเขียวมากกว่าดอกไม้ ส่วนดอกไม้มีให้ชมน้อยแต่ยังพอมีให้ชมอยู่บ้าง เริ่มจากสวนสมเด็จซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าสถานี ฯ
ดอกดาเลีย สายพันธุ์ต่างๆ สำหรับอากาศในฤดูฝน มีความเย็นแต่ไม่มาก ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น เดินเล่นได้โดยไม่ต้องหวั่นเรื่องอากาศ แต่ควรจะพกร่มและเสื้อกันฝนไปด้วย เพราะบางช่วงจังหวะมีฝนตกลงมาบ้าง
ร้านขายของที่ระลึก ยังคงมีจัดหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ขายเป็นประเภทชา ของอบแห้ง เสื้อผ้า หมวก ของที่ระลึก ส่วนผักผลไม้เมืองหนาว อย่างเช่น สตรอเบอรี่ ผักปลอดสารพิษ ไม่มีขาย ต้องรอซื้อในหน้าหนาว
แปลงดอกไม้ที่มีให้ชมตลอดทั้งปีคือ ที่โรงเรือนเพาะพันธุ์กุหลาบ ตั้งอยู่ติดกับสวนสมเด็จ ปกติมาหน้าหนาวเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว แต่มาเที่ยวหน้าฝนมีแค่เรากับนักท่องเที่ยวอีก 2 คน เดินถ่ายภาพแบบสบายๆ
เรือนดอกไม้ที่อยู่ตรงข้ามกับสวนสมเด็จ ทั้งโรงเรือนสะพรั่งด้วยสีสันของ ดอกเจอราเนียม สีส้ม ขาว แดง ชมพู
มาถึงสวนดอกไม้สุดท้ายที่เราแวะ สวน 80 ดอกไม้ที่ดอยอ่างขางจะปลูกสลับหมุนเวียนไปตามฤดู ถามว่าดอกไม้ พันธุ์ไม้มีให้ชมมั้ย คำตอบ คือ มี แต่อาจไม่หลากหลายสีสันเหมือนหน้าหนาว
บริเวณนี้ฤดูหนาว คือ กะหล่ำปลีประดับ แต่ในฤดูฝน จะเป็นดอกเสี้ยนฝรั่ง และดอกไม้สีชมพูดอกเล็กๆ แทน
มุ่งไปยังสโมสรอ่างขาง แปลกใจเพราะไม่เคยพบเจอบรรยากาศที่เงียบสงบแบบนี้มาก่อน ไม่ต้องแย่งโต๊ะนั่งกับใคร สั่งเครื่องดื่มแป๊บเดียวก็ได้อย่างรวดเร็ว
มาถึงสโมสรอ่างขางทั้งที ต้องรับประทานอาหารที่ร้านอาหารสโมสรซักหน่อย เมนูอาหารของโครงการหลวงแต่ละแห่งมีเมนูซิกเนเจอร์ ที่ต้องลิ้มลอง
เริ่มจาก ไก่อุ๊บ คำว่า อุ๊บ เป็น ภาษาไทยใหญ่ หมายถึง นำมาหมกรวมกัน ไก่เนื้อนุ่มคลุกเคล้าด้วยเครื่องเทศ ทั้ง ขิง กระเทียม ขมิ้น เกลือ คั่วลงในกระทะกลายเป็นสีเหลืองน่าทาน
เมนูต่อไปน้ำพริกอ่างขาง ความพิเศษคือ มีส่วนผสมของถั่วเน่า ชื่อ ถั่วเน่าอาจดูไม่น่าทาน แต่มันคือ เครื่องปรุงอาหารของภาคเหนือเพื่อให้รสชาติกลมกล่อมขึ้นมาพร้อมกับแคบหมูและผักสด
ถั่วแดงกรอบยูนาน กว่าจะมาเป็นเมนูนี้ต้องนำถั่วไปแช่น้ำหนึ่งคืน ต้มให้สุกและทอด จากนั้นผัดกับกระเทียมและกะหล่ำปลีดอง ปกติฉันไม่ชอบทานถั่วแดง แต่เมนูนี้ปลื้มมากทานเพลินครบรส ได้ความกรุบของถั่วผสมรสชาติเปรี้ยวของผักดองและความหอมของกระเทียม
เต้าหู้เหลืองทอดหั่นเป็นเหลี่ยมเต๋าพร้อมน้ำจิ้มถั่วตัด กรอบนอกนุ่มใน ฉันเคยทานอาหารยูนนานบางเมนูรสชาติแปลกไม่คุ้นเท่าไหร่ แต่อาหารยูนนานที่สโมสรต้องยอมรับว่าอร่อยจริง สอบผ่านให้คะแนนเต็มทุกเมนู
ต่อด้วยเรื่องของการนอนพัก บ้านพักของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางในฤดูฝน ราคาลดลงจากฤดูหนาวไปเกือบครึ่ง ราคาไม่แพง แถมจองง่ายมาก มีให้เลือกพักหลายแบบ บ้านคำดอย 2 บ้านหลังใหญ่สำหรับครอบครัว มี 2 ห้องนอน พร้อมห้องโถงนั่งเล่นที่มีความพิเศษ คือ เตาผิงพร้อมไม้ฟืนสำหรับผิงไฟคลายหนาว ได้กลิ่นอายของบ้านคันทรี่ของต่างประเทศ บ้านหลังนี้ทราบมานานว่า เปิดให้จองปุ๊บเต็มยาวข้ามปี บ้านหลังนี้ฤดูหนาวราคา ห้าพันกว่าบาท แต่เมื่อเข้าสู่ฤดฝนลดลงเหลือแค่ 3500 เท่านั้น และน่าจะจองง่ายกว่าหน้าหนาวมาก
บ้าน AK บ้านไม้หลังเล็กกะทัดรัด หลังนี้ฤดูฝนราคาแต่ 650 บาท หน้าบ้านมีต้นเมเบิ้ลปลูกประดับไว้ทุกหลัง นอกจากนี้ยังมีบ้านแบบอื่น เช่น บ้านคำดอย บ้านซากุระ บ้านพักของสถานีตั้งเรียงรายอยู่ใกล้สโมสรและสวน 80 เพระฉะนั้นไม่เพียงแต่จะได้นอนอุ่นหลับสบาย แต่ยังได้เพลิดเพลินกับหมู่มวลดอกไม้สีสันสดใส นานาพันธุ์อีกด้วย
มาถึง ไฮไลต์ที่สวยงามของดอยอ่างขางที่ทำให้เราตั้งใจมุ่งมาเที่ยวในฤดูฝน นั่นก็คือ อยากเห็นทะเลหมอก ซึ่งสามารถพบเห็นได้ง่ายกว่าฤดูหนาวมาก เราเลือกไปที่ฐานปฏิบัติการดอยอ่างขาง ซึ่งตั้งอยู่ก่อนถึงสถานีห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าต้องเห็นทะเลหมอกเป็นแน่ในเช้าวันนี้ เพราะเมื่อวานฝนตกปรอยๆ ตลอดทั้งคืน และเมื่อมาถึง ก็ต้องอึ้งตะลึง กับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า ในที่สุด มิชชั่นคอมพลีท มาเที่ยวในฤดูหนาวหลายครั้งก็ไม่เคยเจอซักที
ทะเลหมอกสีขาวตัดกับสีเขียวของภูเขา มองลองไปเห็นถนนคดเคี้ยวตัดกับสายหมอกที่อยู่เบื้องล่าง สำหรับฉันภาพที่เห็นนอยู่ตรงหน้า คือ ภาพที่อัศจรรย์ที่แสนวิเศษ สำหรับการมาเที่ยวดอยอ่างขางในฤดูฝน หมอกจะเยอะไปไหน นั่งมองเพลินแบบไม่มีคำว่าเบื่อ แถมไม่มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นเลยซักคน มีแค่พวกเราเท่านั้น
แตกต่างจากฤดูหนาวที่บริเวณนี้จะคราคร่ำไปด้วยเต็นท์ของนักท่องเที่ยว คล้ายกับชุมชนอะไรซักอย่าง
ได้เวลาบอกลาสายหมอก คำตอบของการมาเที่ยวดอยอ่างขางหน้าฝนอาจไม่สวยเท่าฤดูหนาว อาจเป็นฤดูที่เงียบเหงา แต่เป็นฤดูที่เรารู้สึกว่า น่ามานอนพักให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และที่สำคัญ คือ ได้มีโอกาสสัมผัสและเข้าถึงธรรมชาติได้อย่างแท้จริง ในแบบที่เราไม่มีโอกาสได้เห็นในฤดูหนาว ข้อมูลท่องเที่ยวดอยอ่างขางแบบละเอียด คลิ๊ก ดอยอ่างขาง
ขอบคุณข้อมูลจาก
paiduaykan.com