จากรีวิวเที่ยวภูทับเบิกตอนที่แล้ว ตามลิงค์นี้คลิ๊ก เที่ยวภูทับเบิก ในช่วงเที่ยงเรามุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เพื่อไปสัมผัสความงามและความเขียวขจีและดอกไม้ป่าซึ่งจะผลิดอกในช่วงเดือนสิงหาคม จากภูทับเบิกใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า เราก็มาถึงจุดเดินเท้าไปยังลานหินปุ่มไปกลับประมาณ 2 กม. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เดินเป็นเส้นทางวงกลม ซึ่งในเวลานี้ตลอดข้างทางที่เราเดินผ่านชุ่มชื่นด้วยความเขียวต้นไม้ ใบหญ้า ที่เราจะได้พบเห็นแบบเต็มอิ่มในช่วงฤดูฝนเท่านั้น
มอส เฟริน ขึ้นปกคลุมตามลานหิน กลายเป็นศิลปะทางธรรมชาติที่งดงามและดูแปลกตาในแบบที่อาจไม่ได้พบเห็นเมื่อมาเที่ยวที่นี่ในฤดูอื่น
ดอกเปราะภูสีขาว นางเอกแห่งภูหินร่องกล้า ที่เราสามารถพบเห็นได้ในช่วงเดือนสิงหาคม แต่เนื่องจากเรามาในช่วงปลายเดือนแล้ว ดอกไม้ก็เริ่มน้อยลงไป
อีกหนึ่งดอกไม้เด่น ก็คือ ดอกเอนอ้าสีชมพู ซึ่งปีนี้บานเยอะมาก เป็นดอกไม้ที่เราจะสามารถพบเห็นได้ในบริเวณพื้นที่ชื้นแฉะบนลานหิน ดอกเอนอ้ามีให้ชมตลอดทาง เรียกได้ว่าถ่ายรูปเพลิดเพลินกันไป
นอกจากดอกไม้ป่าแล้ว ยังได้พบเห็นกับหินใหญ่รูปร่างแปลกตา ซึ่งในช่วงฤดูฝนก้อนหินก็จะถูกปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้ป่า มอส เฟริน เช่นกัน
บรรยากาศของป่าสองข้างทาง อากาศในเวลานี้เย็นสบายๆ
เห็ดป่าก็มีให้ชม
เมื่อใกล้ถึงลานหินปุ่ม เราก็จะเริ่มเห็นก้อนหินปุ่ม ซึ่งมีลวดลายที่เกิดจากธรรมชาติเช่นกัน
เป็นภาพที่มองแล้วสดชื่นสบายตา
เดินมาอีกนิด ก็มาถึงลานหินปุ่ม ระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร ที่เดินมาซึ่งใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง ผ่านป่าดง พงหญ้า เราก็กลายเป็นผู้พิชิตลานหินปุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากนั้นเราก็เดินไปยังผาชูธงต่อ ระยะทางจากลานหินปุ่มไปประมาณ 500 เมตร ระหว่างทางเดินก็จะได้พบเห็นกับดงดอกไม้ป่าสีขาว กลีบดอกห้อยยาวระย้า ชื่อว่า ตาเหินไหว ชื่อแปลกดี
ดอกไม้ชนิดนี้ขาว มีลักษณะคล้ายกับดอกเข็ม มาครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน มาครั้งนี้ก็เจออีก
จุดไฮไลต์สุดท้ายของเรา ผาชูธง จากนั้นเราก็เดินกลับไปยังลานจอดรถ เพื่อไปยังจุดหมายต่อไป นั่นก็คือ เขาค้อ
หมอกขาว… ที่เขาค้อ
เขาค้อ มีทะเลหมอกให้ชมหลายจุด แล้วแต่ว่าเราจะเลือกไปไปตรงไหน 1 เช้า ที่ต้องเลือกของเราตอน คือ ตั้งใจจะไปดูหมอกที่ร้านกาแฟพีโนลาเต้ ซึ่งเห็นวิวพระธาตุผาซ่อนแก้ว แต่เมื่อผ่านไปปรากฏว่าไม่มีหมอกมาให้เห็น เลยกลับมายังที่พักของเราที่ บิ๊กคอฟฟี่ รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่ข้างไปรษณีย์เขาค้อ จุดชมทะเลหมอกชั้นดีอีกแห่งหนึ่ง จากบรรยากาศในช่วงแรกที่หมอกลอยฟุ้งเริ่มจะหมดหวังว่าคงไม่ได้เจอแล้วซินะ และไม่คิดจะไปยังจุดชมทะเลหมอกอื่นต่อๆ
อากาศเริ่มโปร่งขึ้น มุมมองของสายหมอกจากระเบียงทานอาหารเช้า
” เดินไปดูหมอกที่ไปรษณีย์เขาค้อกัน” เราบอกเพื่อนร่วมทางให้รีบเดินไปดูหมอกอีกจุดหนึ่งของเขาค้อ เพราะสภาพอากาศเริ่มปลอดโปร่งแล้ว ณ จุดชมวิวตรงนี้ก็มีสายหมอกบางลอยมาตลอด อากาศก็เย็นสบายไม่หนาวจนเกินไป
จุดชมวิวทะเลหมอกไปรษณีย์เขาค้อ ถือว่าเป็นจุดกางเต้นท์ชั้นดีอีกแห่งหนึ่ง ตื่นมาปุ๊บก็เห็นหมอกลอยอยู่ตรงหน้า แต่ถ้ามากางเต้นท์หน้าฝนก้ต้องเตรียมตัวมาให้พร้อมนิดนึงกับลมแรงและฝนที่อาจจะพัดมาแบบไม่ทันตั้งตัว
เก็บภาพความทรงจำก่อนเดินกลับไปยังที่พักเพื่อไปรับประทานอาหารเช้า
ระเบียงของห้อง VIP ของบิ๊กคอฟฟี้ รีสอร์ท ซึ่งเป็นระเบียงรวมของห้อง VIP 3 ห้อง คือ 1 2 3 เราพักห้อง vip 2 เช้าๆ มานั่งชมวิวตรงจุดนี้ฟินมาก แต่บรรยากาศในห้องพักไม่ได้ถ่ายมาฝากกัน เพราะมาถึงในเวลาค่ำแล้ว แอบหมดแรงจากการเดินทางมาทั้งวัน แต่สามารถเข้าไปชมภาพในเฟสบุคของบิ๊กคอฟฟี่ตามลิงค์นี้ https://www.facebook.com/BIGCOFFEEKHAOKHO ราคาปกติของห้อง VIP ในช่วงโลว์ซีซั่น คือ 2500 แต่ทางรีสอร์ทลดให้เหลือแค่ 2000 บาท พร้อมอาหารเช้า สภาพห้องข้องในโอเค มีระเบียงพักผ่อนส่วนตัว ใกล้กับจุดชมวิวทะเลหมอกของเขาค้อ ในราคานี้ถือว่า คุ้มค่า
ด้านหน้า มีประภาคารสีเขียวทรงสูงโดดเด่น มีร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก สีสันสดใส สะดุดตา
เก็บกระเป๋าเตรียมเดินทางกลับกรุงเทพ ระหว่างทางก็แวะไปชมบรรยกาศของร้านกาแฟที่ฮอตที่สุดในเวลานี้ พีโน่ลาเต้ เห็นวิวของวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว สำหรับรีวิวฉบับเต็มคลิ๊กชมได้ที่ http://www.paiduaykan.com/travel/pinolatte
จากนั้นเราก็แวะไปที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เพื่อไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารที่วิวสวยอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดเลยคะ
มองไปก็เห็นวิวภูเขาแบบนี้
สำหรับอาหารก็เป็นอาหารตามสั่งมีให้เลือกหลายเมนู มีส้มตำ ลาบ น้ำตก คอหมูย่าง ส่วนรสชาติอาหารต้องบอกกันตามตรงว่าไม่ผ่านเท่าไหร่ ที่สั่งมาทั้งหมดมีอร่อยอยู่อย่างเดียว คือ ผัดยอดฟักแม้ว เน้นวิวสั่งกาแฟมานั่งจิบเพลินๆน่าจะเข้าท่ากว่าคะ
เดินเข้าไปชมพระพุทธเข้า 5 องค์ ซักหน่อย ตอนนี้สร้างเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ฤดูฝนซึ่งคาดว่าจะยังคงอยู่กับเราอีกหลายเดือน ลองมาเดินเที่ยวป่าชมความเขียวขจี ชมหมอก สูดอากาศบริสุทธิ์สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนกับธรรมชาติ แถมด้วยความชิคเก๋ ของวิวภูเขา ภูหินร่องกล้าและเขาค้อ ก็แพคกระเป๋ามาเที่ยวมากในช่วงกรีนซีซั่นแบบนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก
paiduaykan.com