ประมาณตี 5.30 ก็ไปยังศูนย์ให้ข้อมูลท่องเที่ยวภูลมโลซึ่งตั้งอยู่หน้าหมู่บ้าน เพื่อไปติดต่อรถนำเที่ยวไปยังภูลมโล โดยรถจะเริ่มให้บริการตั้งแต่ ตี 5 ครึ่ง เป็นต้นไป มีรถออกตลอดทั้งวัน การเดินทางมาท่องเที่ยวภูลมโลสามารถขึ้นได้ 2 ฝั่ง คือ ทางฝั่งบ้านร่องกล้า จ. พิษณุโลก และอีกฝั่งคือ คือ ทางฝั่ง อ. กกสะทอน จ. เลย แต่หากขึ้นทางฝั่งบ้านร่องกล้า จะใกล้และสะดวกกว่ารวมถึงค่ารถนำเที่ยวก็ถูกว่ามากค่ารถเที่ยวละ 600 บาท ใช้เวลาเพียง 45 นาที เท่านั้น แต่ถ้ามาทางฝั่งกกสะทอนจะใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง และทางก็ค่อนข้างลำบากกว่า ค่ารถนำเที่ยวประมาณเที่ยวละ 1500-2500 บาท คณะของเราเดินทางออกจากบ้านร่องกล้าแต่เช้าตรู่ประมาณตี 5 ครึ่ง เพื่อไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าที่ยอดภูลมโล
หากต้องการขึ้นไปยังจุดชมวิวสุงสุดต้องเดินเท้าไปอีกประมาณ 1 ก.ม. ระยะทางก็ชันตลอด แต่เราไม่ได้ขึ้นไปขอชมความงามแค่ตรงจุดจอดรถก็เพียงพอแล้ว เพราะรู้สึกว่าจะมองเห็นพระอาทิตย์ได้ชัดเจนกว่า
จุดชมวิวภูลมโล เป็นจุดที่สามารถชมบรรยากาศของพระอาทิตย์ขึ้นเคล้าวิวภูเขาได้อย่างดงาม รวมทั้งเป็นจุดกางเต้นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาค้างคืนอีกด้วย ตรงจุดนี้จะไม่มีห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรทั้งสิ้นค่ะ นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมอุปกรณ์มาเอง ส่วนห้องน้ำจะมีอยู่ตรงซุ้มชายอาหารของชาวบ้านด้านล่างซึ่งอยู่ห่างกันในระดับนึงหากต้องการเข้าห้องน้ำต้องขับรถลงหรือถ้าจะเดินลงไปก็ได้แต่ใช้เวลาพอสมควร
แสงสีและแดดอุ่นในยามเช้า
สามารถมองเห็นดงนางพญาเสือโคร่งที่อยู่เบื้องล่างได้อีกด้วย
ลงมาจากยอดภูลมโลแวะเข้าห้องน้ำกันซักหน่อย ตรงนี้มีซุ้มขายอาหารเล็กๆน้อยๆ ของชาวบ้าน เช่นมาม่า กาแฟ โอวัลติน ลูกชิ้นปิ้ง
เส้นทางขึ้นไปยังยอดภูลมโล ในยามฟ้าสว่าง
ภูลมโล ตั้งอยู่ในตำบลกกสะทอน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่บนรอยต่อ ของสามจังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย สิ่งที่ทำให้ภูลมโลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในเวลานี้ คือ เป็นจุดชมดอกนางพญาเสือโคร่งที่มีพื้นที่กว้างขวางนับ 1000 ไร่ จากจุดชมวิวรถนำเที่ยวก็จะพาเราไปชมนางพญาเสือโคร่งสีชมพูในแต่ละแปลง ซึ่งมีให้ชมอยู่หลายจุด แต่ละจุดจะบานไม่พร้อมกัน แปลงนี้เริ่มโรย อีกแปลงหนึ่งก็จะบานเต็มที่ มาถึงจุดแรกเริ่มมีใบขึ้นแซมเล็กน้อยแต่ก็ยังสวยอยู่ พื้นที่ในแปลงแรกอยู่ไม่ไกลจากจุดชมวิว ต้นนางพญาเสือโคร่งจะขึ้นกระจัดกระจายและห่างกันพอสมควร
และแน่นอนเราอาจได้เจอเจ้าถิ่นแห่งภูลมโล นั่นก็คือ วัว นั่นเอง เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นพญาเสือโคร่งที่ขึ้นแทรมระหว่างต้นหญ้า ให้อารมณ์ของธรรมชาติอย่างแท้จริง
แสงแดดอ่อนในยามเช้า เริ่มสาดส่อง ช่วยให้ความรู้สึกหนาวเย็นในเวลานี้เริ่มอุ่นขึ้น
โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโล เพราะจัดสรรปั่นส่วนให้ได้ชมหลายแปลง โดยที่ไม่ต้องมากระจุกถ่ายภาพกันอยู่ในจุดเดียว เหมือนพญาเสือโคร่งที่อื่น เดินเที่ยวไปก็รู้สึกปลอดโปร่ง ผ่อนคลายกว่า
สีเขียวของพื้นหญ้า สีชมพูของดอกนางพญาเสือโคร่ง และท้องฟ้าสีฟ้าใน ช่างตัดกันได้อย่างลงตัวแถมได้แสงแดดอุ่น ช่วยเพื่อความมีชีวิต ชีวา อีกด้วย
พญาเสือโคร่งที่ภูลมโลเค้าก็หวานเป็นน่ะ ไม่ได้มีแต่แนวป่าอย่างเดียว
มายังแปลงต่อไปบ้าง จริงแล้วดงนางพญาเสือโคร่งมีให้ชมตลอดทางแล้วแต่ว่าเราอยากจะแวะชมตรงไหน แต่ละแห่งก็ไม่ได้มีชื่อเรียกหรือพิกัดอะไรทั้งนั้น แต่คนชับรถนำเที่ยวส่วนใหญ่จะรู้กันและพาเราไปแวะโดยอัติโนมัติ แต่ถ้าเราอย่างให้เค้าหยุดตรงไหนก็บอกได้ อย่างจุดนี้กว้างพอสมควร แถมดอกนางพญาเสือโคร่งกำลังเบ่งบานเต็มที่อีกด้วย
“ เดินขึ้นไปบ้างบนอีกได้ครับ ข้างบนวิวสวยกว่าเห็นภาพในมุมสูงได้กว้างเลย ” เสียงแนะนำดังจากพี่คนขับ บอกเราแบบนี้ จะช้าอยู่ไย ค่อยๆเดินไต่ระดับขึ้นไปซักดีกว่า
ยิ่งสูงก็ยิ่งสวยตามที่บอก นอกจากเราจะได้เห็นสีชมพูของนางพญาเสือโคร่งที่อยู่ใกล้ตัวเราแล้ว ยังมองเห็นอยู่ตามทิวเขาลูกอื่นไกลๆ น่าจะเป็นพญาเสือโคร่งที่ตั้งอยู่บนเส้นทางที่เราเพิ่งผ่านมาเมื่อเช้า
ฉันและน้องอีกคนเดินมาหยุดตรงจุดนี้เพราะคิดว่าคงไปต่อไม่ได้
แต่โชคดีค่ะ ว่าได้คนขับรถที่ดีมาก แนะนำตลอดและเห็นว่าชอบถ่ายภาพ เลยบอกว่าน้องขึ้นไปข้างบนตรงหินก้อนนู้นมั้ย รับรองว่าเห็นวิวในมุมสูงแบบกว้างที่ไม่เหมือนใคร ปกติพี่เค้าบอกว่าถ้าเป็นนักท่องเที่ยวปกติจะอยู่แค่ตรงนี้ ไม่ได้พาขึ้นไปและไม่ค่อยมีใครจะเดินขึ้นไปเพราะต้องเหนื่อยพอสมควร หันไปมองหินก้อนนั้นที่ว่าอยู่ไกลลิบๆ ยังสองจิตสองใจจะไปดีมั้ยหว่า แต่ไหนๆก็ไหนและเพื่อมุมที่ไม่เหมือนใครก็คงต้องยอม หลังจากค่อยเดินไต่ระดับขึ้นไป มาถึงตรงกลางทางก็หยุดนิ่งหายใจถ่ายภาพกันซักหน่อย ณ จุดนี้เราก็ว่าสวยมากแล้วนะเห็นวิวของนางพญาเสือโคร่งบนยอดที่อยู่บนภูลมโลมเกือบทั้งหมด
มองไปมุมไหนก็แน้นไปด้วยต้นพญาเสือโคร่ง
เมื่อเดินไต่ระดับขึ้นไปกลับเห็นกว้างขึ้นเรื่อยๆ เป็นภาพที่เราเห็นแล้วรู้สึกว่า นี่แหละ คือ ความเป็นภูลมโลอย่างแท้จริง สมกับสมญานามที่ได้รับ ว่าเป็นพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย
และแล้วเราก็มาถึงหินก้อนนั้นได้ตามที่ตั้งใจ พักสูดอากาศ ชมวิว ให้หายเหนื่อย ตอนนี้ราวกับว่าเรายืนอยู่เหนือภูเขาน้อยใหญ่ทั้งปวง
เส้นทางถนนที่มีรถนำเที่ยววิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งวัน มองแล้วมันช่างอเมซิ่งจริงๆ สีชมพูสดแทรกตัวอยู่ระหว่างภูเขาสีเขียว เคยเห็นภาพแบบนี้ที่ขุนแม่ยะ แต่ไม่ยิ่งใหญ่และกว้างไกลเท่าภูลมโล
ค่อยเดินลงมายังจุดเดิมที่เราขึ้นมาตอนแรก แต่เดินผ่านไปอีกฝั่งหนึ่ง
จากนั้นก็แวะชมดอกไม้ระหว่างทางไปเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อออกไปจากจุดที่สอง คนขับบอกว่าจะเริ่มมีให้ชมน้อยลงแล้ว
เส้นทางสีชมพู คลุกเคล้าไปด้วยฝุ่นที่สวยงามที่สุด
ต้นนางพญาเสือโคร่งซึ่งมีให้ชมตลอดเส้นทาง
การเดินทางตามหาสีชมพูที่ภูลมโลยังรอคอยนักท่องเที่ยวจนถึงสิ้นเดือนมกราคมค่ะ เพราะตอนที่เดินทางไปคือช่วงวันที่ 18 ม.ค. 58 มีบางส่วนที่เริ่มมีใบแซมแล้ว หากใครไม่อยากพลาดบรรยากาศของนางพญาเสือโคร่งกลางหุบในบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติเช่นนี้ให้รีบมาค่ะ เพราะไม่งั้นต้องอีกทีปีหน้าน่ะค่ะ
ข้อมูลภูลมโล ทั้งที่พัก การเดินทาง อย่างละเอียด
http://www.paiduaykan.com/province/Northeast/loie/phulomlo.html
ขอบคุณข้อมูลจาก
paiduaykan.com