Social :



โครงการหลวงม่อนเงาะ

10 มิ.ย. 60 15:06
โครงการหลวงม่อนเงาะ

โครงการหลวงม่อนเงาะ

     ความงดงามของธรรมชาติที่แสนบริสุทธิ บ้านพักที่แสนเรียบง่ายกลางหุบเขา ทะเลหมอกอันสวยงาม ที่แห่งนี้ไม่ผู้คนวุ่นวาย ฉันกำลังพูดถึง ดอยม่อนเงาะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โครงการหลวงม่อนเงาะ และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามอีกหลายแห่ง  ชื่อนี้อาจไม่คุ้นหูและผ่านตาใครหลายคนมากนัก  ในฤดูหนาวฤดูแห่งการท่องเที่ยวขณะที่หลายคนกำลังมุ่งหน้าไปเที่ยวยังดอยยอดฮิตทั้งหลาย ไมว่าจะเป็นดอยอินททนท์ ดอยอ่างข่าง ดอยสุเทพ แต่ฉันของท่องเที่ยวแบบฉีกกฎบนดอยเดิมๆ เพื่อไปเสาะแสวงหาบรรยากาศแห่งการท่องเที่ยวแบบใหม่ ที่ โครงการหลวงม่อนเงาะ 

 

cover

 

โดยส่วนตัวฉันเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวไปยังโครงการหลวงต่างๆอยู่แล้ว หากรู้มาว่ามีที่ไหนน่าสนใจไม่พลาดเสมอ โครงการหลวงม่อนเงาะ ถือว่า ตั้งอยู่ในอำเถอแม่แตง เส้นทางเดียวกับเส้นทางทางสู่ปาย  ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่  67 กิโลเมตร  ใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ  2 ชั่วโมง ถือได้ว่าเป็นโครงการหลวงที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองเชียงใหม่เท่าไหร่ ถนนหนทางเป็นทางราดยางเดินทางค่อนข้างสะดวก ด้วยรถส่วนตัว แต่ถนนจะชันและคดเคี้ยวซักหน่อย แต่ก็ไม่มากเกินไป ที่นี่มีบ้านพักให้บริการทั้งหมด 5 หลัง  เป็นบ้านพักที่สร้างแบบเรียบง่าย ท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวขจี

 

โครงการหลวงม่อนเงาะ

 

บ้านพักมีระเบียงยื่นออกไปชมวิวทุกหลัง

 

โครงการหลวงม่อนเงาะ

 

ภายในห้องมีที่นอนพร้อมเครื่องนอนไม่มีทีวี แต่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ไฟฟ้าเปิดตลอด 24 ชั่วโมง สัญญาณโทรศัพท์ภายในพื้นที่โครงการหลวงมีเฉพาะ GSM และมีเพียงบางจุด แต่ในย่านชุมชนข้างนอกมีทุกค่าย

 

โครงการหลวงม่อนเงาะ

โครงการหลวงม่อนเงาะ

7 DEW_0416

 

โซนนี้ คือ ร้านอาหารหากไม่ได้เตรียมอาหารมาเอง ทางโครงการหลวงจะมีอาหารให้บริการแบบง่ายๆ ไม่กี่เมนู  เช่น น้ำพริก ผัดผัก ต้มยำไก่ใส่ผัก  ไข่เจียว มื้อเข้าก็จะเป็นข้าวต้ม กาแฟโอวัลติน แต่ต้องแจ้งล่วงหน้าว่าจะทานมื้อใดบ้าง โดยคิดราคาเป็นรายหัว

 

 

พื้นที่และบรรยากาศของโครงการหลวงในเวลาเช้า อากาศค่อนข้างเย็นและมีสายหมอกบางคลอเคลียอยู่ตามไหล่เขา

 

 

มองไปฝั่งตรงข้ามจะเป็นหมู่บ้านเพียงไม่กี่ครัวเรือนอยู่ท่ามกลางต้นไม้ที่เขียวขจี ทุกครั้งที่ฉันขึ้นไปเที่ยวบนดอยจะได้เห็นภาพแบบนี้ตลอด ยังแอบนึกอิจฉาชาวบ้านอยู่ในใจว่าปอดจะแข็งแรงแค่ไหน ในแต่ละวันได้รับแต่อากาศบริสุทธิ์

 

 

โปรแกรมท่องเที่ยวม่อนเงาะที่ไม่ควรพลาด คือ ตื่นแต่เช้าไปชมทะเลหมอกบนจุดชมวิวม่อนเงาะ ซึ่งตั้งอยู่หากจากโครงการหลวงประมาณ 7 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที  โดยการขึ้นไปชมทะเลหมอกสามารถติดต่อใช้บริการรถกระบะนำเที่ยวจากโครงการหลวงได้เลย คิดราคาเฉพาะไปชมทะเลหมอก ไปกลับ 600 บาท แต่ถ้าไปครบโปรแกรมท่องเที่ยวรอบโครงการหลวง คือ ชมทะเลหมอก แปลงกล้วยไม้ซิบบิเดียม แปลงผักปลอดสารพิษ จบด้วยทานอาหารกลางวันเป็นข้าวห่อใบตองที่ไร่ชาลุงเดช คือ ราคา 2000 บาท (ไม่รวมค่าอาหารกลางวันคนละ  120บาท) ใช้เวลาท่องเทียวประมาณครึ่งวัน  โดยคณะของฉันเลือกโปรแกรมท่องเที่ยวแบบจัดเต็ม  ซึ่งโปรแกรมแรกคือ ทะเลหมอกม่อนเงาะ เส้นทางขึ้นไปค่อนข้างชัน แคบ ช่วงสุดท้ายเป็นเส้นทางดินลูกรัง รถที่ขึ้นได้ต้องเป็นรถ 4WD   ถ้าไม่ชำนาญทางไม่แนะนำให้นำรถส่วนตัวขึ้นมาเองเพราะค่อนข้างอันตราย

 

 

ฉันมาถึง จุดชมวิวดอยม่อนเงาะ  จุดแรกประมาณ 6 โมง กว่า เพื่อเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้น จุดนี้จะมีป้ายชื่อ ดอยม่อนเงาะ พร้อมรูปปั้นเงาะตัวเล็กๆอยู่ด้วย เลยมีคำถามต่อมาว่าเจ้าเงาะตัวนี้เดียวอะไรกัน หุ หุ คงมีไว้เก๋ เก๋ สิน่ะ

 

 

มองเห็นทะเลหมอกสุดอลังการอยู่ตรงหน้า  ลงจากรถครั้งแรกร้องอุทานออกมาด้วยความดีใจ ต้องบอกว่ามิชชั่นคอมพลีท เพราะไม่คิดว่าบนดอยม่อนเงาะ จะมีทะเลหมอกให้เราชมมากขนาดนี้ สวยงามฟูฟ่อง

 

 

มีคนเคยบอกว่าที่นี่คือ ภูชี้ฟ้า แห่งเชียงใหม่ ซึ่งมองไปแล้วก็เห็นท่าว่าจะจริง เพราะมีในส่วนของจงอยภูเขาที่ยื่นออกไปกลางทะเลหมอก รวมถึงทะเลหมอกค่อนข้างกว้างไกลคล้ายกับภูชี้ฟ้า

 

 

พวกเรารอพระอาทิตย์อยู่นานมาก ไม่มีวี่แววจะได้เห็น แต่อย่างน้อยได้แสงสีทองระเรื่องของขอบฟ้า สำหรับฉันถ้าพระอาทิตย์ขึ้นและอากาศปลอดโปร่งกว่านี้ ดอยม่อนเงาะ ยังสวยได้มากกว่านี้มากเลยทีเดียว แต่แค่นี้ก็ที่สุดแล้ว

 

 

รออยู่นานก็เริ่มเห็นเป็นดวงกลม แล้วสุดท้ายก็หายเข้าไปในกลีบเมฆต่อ

 

 

จุดชมวิวจุดแรก คือ จุดกางเต้นท์ หากใครต้องการได้อารมณ์แบบแคมปิ้ง หรือที่พักโครงการหลวงเต็ม ก็มากางเต้นท์นอนข้างบนได้ แต่ต้องเตรียมน้ำและอาหารมาเอง มีเพียงห้องน้ำให้บริการเท่านั้น   ข้อมูลจุดชมวิวดอยม่อนเงาะ คลิ๊ก  http://www.paiduaykan.com/province/north/chiangmai/monngo.html

 

 

จากจุดชมวิวจุดแรก เราเดินเท้าไปยังจุดวิวสูงสุดซึ่งอยู่หากจากจุดแรกประมาณ 300 เมตร ตรงจุดนี้จะนิยมเดินขึ้นไปหลังจากชมพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดแรกเรียบร้อยแล้ว ไม่แนะนำให้ขึ้นไปก่อนเพราะจุดชมวิวสูงสุดภูเขาจะบังไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นอยู่แล้ว

 

 

ระหว่างทางเดินก็จะมีจุดชมวิวข้างทางเห็นวิวทะเลหมอกสวยมาก

 

 

จุดชมวิวสูงสุด ดอยม่อนเงาะ มีป้ายเป็นไม้ขดเป็นรูปตัวอักษร ยอดดอยม่อนเงาะ

 

MulticollaC

 

ณ จุดชมวิวจุดนี้ สามารถมองเห็นวิวได้แบบไม่มีอะไรบัง และมองเห็นทะลเลหมอกได้แบบพาโนราม่า กว้างไกลสุดตา แต่วันนั้นหมอกออกจะฟุ้งไปบ้าง อากาศยังไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่

 

 

นั่งพักสุดอากาศบริสุทธิ์  ทะเลหมอกดอยม่อนเงาะ แจ่มแจ๋วไม่แพ้ทะเลหมอกที่ไหนเลยจริงๆ พวกเราค่อนข้างประทับใจกับทะเลหมอกที่นี่กันมาก ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นภาพนี้

 

 

ชมทะเลหมอกกันเรียบร้อยแล้ว จุดต่อไปที่พวกเราแวะ   ก็คือ แปลงปลูกกล้วยไม้ซิมบิเดียน   ซึ่งป็นกล้วยไม้ดินที่สวยงาม และหาดูได้ยาก ดอกไม้จะมีให้ชมเฉพาะเดือน ธ.ค. – มี. ค. เท่านั้น

 

 

“ ดอกกล้วยไม้คิดราคายังไงค่ะพี่ “ ฉันถาม

“ คิดราคาเป็นดอก ดอกละ 20 บาท 1 ช่อมีกี่ดอกก็นับไป “

ชั้นนั่งคำนวณช่อหนึ่งไม่ต่ำกว่า 150 บาท ระหว่างที่เราชื่นชมกับความสวยงามของดอกไม้คุณพี่ก็ยืนนับจำนวนดอกไม้ไปว่ามีกี่ดอก ฉันถามต่อว่าแล้วส่งไปที่ไหน เค้าบอกว่าส่งไปในวัง  ถึงได้ทราบว่า ดอกกล้วยไม้ซิบบิเดียม เป็นดอกไม้ที่ในวังนิยมนำมาใช้ประดับประดา ไม่ธรรมาดาเลยนะเนี่ย

 

 

กลับมายังที่พักของโครงการหลวงเพื่อทานอาหารเช้าและเก็บข้าวของสัมภาระ บรรยากาศในยามเช้าของโครงการหลวงจะมีหมอกบางลอยผ่านตลอด เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นแบบนี้เกือบทุกวันในช่วงฤดูหนาวรวมถึงฤดูฝนด้วย มองแล้วสดชื่นมากมาย

 

 

หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อยเก็บไว้บนรถส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว รถกระบะนำเที่ยวที่พวกเราเช่าไว้ตั้งแต่เช้าก็พาเราไปยังจุดหมายต่อไปนั่นก็คือ แปลงผักปลอดสารพิษโครงการหลวง ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูง ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานพอสมควรเกือบ 1 ชั่วโมง เส้นทางก็ค่อนช้างชันทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่

 

 

คุณลุงคนขับซึ่งเป็นไกด์นำทางเราด้วย พาเรามาดูแปลงฟักทองญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นผักขึ้นชื่อประจำโครงการหลวงม่อนเงาะเลยก็ว่าได้ แต่ในเวลานี้บางแปลงเริ่มร้างไปบ้างเพราเก็บเกี่ยวไปหมด เหลือเฉพาะแปลงนี้

 

 

โรงเรือนเพาะพันธุ์ต้นกล้า

 

 

ที่ชอบที่สุดคงเป็นแปลงดอกไม้เมืองหนาวสีม่วงสดใส ถ่ายภาพกันสนุกเลยทีเดียว

 

 

มาจบที่โปรแกรมสุดท้ายพร้อมรับประทานอาหารกลางวันที่  ไร่ชาลุงเดช แต่หลังจากที่เคยเดินทางมาแล้ว แนะนำว่าเพื่อให้ได้บรรยากาศที่สวยงาม ไร่ชาลุงเดชควรไปแต่เช้าหลังจากชมวิวทะเลหมอกที่ยอดดอยม่อนเงาะเรียบร้อยแล้วเพราะอยู่ไม่ไกลกัน ดูหมอกเสร็จแวะไปที่ไร่ชาเลยเพราะจะได้เห็นหมอกและแสงในยามเช้าด้วย  หมอกที่ไร่ชามีให้ชมถึงประมาณ 9 โมงเช้า

 

 

ไร่ชาลุงเดช เป็นไร่ชาที่ปลูกชาขั้นบันไดลดหลั่นไปตามเชิงเขา มาถึงที่นี่ก็ต้องมาลิ้มรสชาพันธุ์ต่างๆ พร้อมชมวิวไร่ชาแสนสวยที่ระเบียงชมวิว

 

 

นอกจากไร่ชาแล้วยังมีที่พักให้บริการด้วยหลังละ 500 บาท มี 2 หลัง ติดไร่ชา  เป็นห้องน้ำรวม

 

 

ยืนชมวิวพร้อมจิบชา ซึ่งคุณลุงคิดค่าบริการกาละ 50 บาท จิบได้หลายคนเลยทีเดียวค่ะ

 

 

อาหารมื้อกลางวันจากโครงการหลวงมาส่งเราถึงที่ เป็นข้าวห่อกับใบตอง เปิดมาเป็นข้างเหนียว หมูย่าง ไข่ต้ม  และน้ำพริกตาแดง พร้อมผักลวก พูดเลยว่าเห็นหน้าตาแบบนี้แต่อร่อยมาก เป็นความเรียบง่ายที่บ่งบอกถึงความพิถีพิถันและใส่ใจของคนทำ เริ่มจากห่อน้ำพริกและจัดแจงอาหารทุกอย่างใส่ลงในใบตอง ซึ่งจริงแล้วถามว่าห่อใส่ถุงพลาสติกมาก็ได้สะดวกกว่าเยอะแต่ถ้าทำแบบนั้นก็ดูจะง่ายเกินไป ได้กินอาหารร้านหรูก็ยังไม่ตื่นเต้นเพราะจะหาโอกาสไปกินเมื่อไหร่ก็ได้ แต่การได้กินข้าวห่อใบตองแบบนี้ไม่ได้หากินกันได้ง่ายอีกแล้วในยุคสมัยนี้

 

65DEW_0883

66 DEW_0885

 

จบโปรแกรมสุดท้ายที่ไร่ชาลุงเดช แวะไปจิบเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟแสนเก๋อีกแห่งหนึ่ง คงเป็นร้านกาแฟแห่งเดียวที่อยู่บนดอยม่อนเงาะ ชื่อ ร้านกาแฟดอยแตง

 

67DEW_0910

68DEW_0914

69DEW_0930

 

เป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งได้เก๋เลยทีเดียว

 

70 DEW_0897

71DEW_0899

 

ในเรื่องของรสชาติเครื่องดื่มต้องบอกก่อนเลยว่ารสชาติอาจยังไม่ค่อยถึงเท่าไหร่ แต่วิวดีมาก  เป็นร้านกาแฟที่บรรยากาศคล้ายกับร้านชมนก ชมไม้ ที่แม่กำปอง นั่งกินลมชมวิวภูเขาที่อยู่เบื้องล่างชิลมาก

 

73 DEW_0923

74 DEW_0927

 

โครงการหลวงม่อนเงาะ  อีกหนึ่งความทรงจำดีในหน้าของฉัน และสำหรับที่นี่คงไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว ฉันสัญญากับตัวเองว่าจะกลับมาพักผ่อนกอดหมอก รับลมหนาว เคียงข้างไปกับธรรมชาติที่แสนบริสุทธิ์ อีกครั้งแน่นอน  ตลอดเวลาที่ฉันได้ท่องเที่ยวไปยังจุดต่างๆของดอยม่อนเงาะ มันมีแต่คำว่า ความสุข


ขอบคุณข้อมูลจาก

paiduaykan.com

โพสต์โดย : ต้นน้ำ