เมืองลุง หรือ พัทลุง จังหวัดที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ ต้นกำเนิดของมโนราและหนังตะลุง บึงบัวทะเลน้อย คือ สถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นที่ชวนให้หลายคนอยากจะแวะมาจังหวัดนี้ซักครั้ง นอกจากบึงบัวทะเลน้อยบางครั้งเราอาจยังนึกไม่ออกว่าพัทลุงมีอะไรน่าเที่ยวอีกมั้ย ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เมืองลุงเป็นแค่เมืองแวะหลังจากนั้นก็ไปเที่ยวยังจังหวัดอื่นใกล้เคียง อย่างเช่น สงขลา กระบี่ แต่จริงแล้วถ้าได้ลองค้นหาและทำความรู้จักสักนิดจะรู้ว่าพัทลุงมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าที่คิด มาถึงแล้วไปไหนต่อ ยังไงดี นั่นสิ รีวิวนี้อาจมีคำตอบให้กับคุณก็ได้ค่ะ
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ออกเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 1 ทุ่ม เพื่อให้ไปถึงจุดหมายแรกในช่วงเช้าตรู่ นั่นก็คือ ทะเลน้อย หรือชื่อเต็มว่า อุทยานนกน้ำทะเลน้อย เขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย จุดเด่นของที่นี่ ก็คือ ล่องเรือสัมผัสความงามของดอกบัวแดงชมนกน้ำ ดอกบัวจะบานอวดโฉมตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.พ. – กลางเม.ย. ของทุกปี และการล่องเรือควรมาแต่เช้า เพราะถ้าหลังเที่ยงไปแล้ว ดอกบัวจะหุบไม่สวยแล้วค่ะ
เมื่อมาถึงเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย สามารถติดต่อเรือนำเที่ยวที่ท่าเรือได้เลย มีเรือให้บริการหลายลำ ค่าบริการล่องเรือลำละ 450 บาท นั่งได้ไม่เกิน 7 คน โดยเริ่มจากพาไปชมบึงบัว ดูนก และชมควายน้ำที่สะพานยาว ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ดอกบัวอยู่ใกล้ฝั่งมากไม่ต้องนั่งเรือไปไกล ไม่เกิน 2 นาที ก็มาถึงบึงบัวกลุ่มแรก ดอกบัวสีสดมาก
ท่ามกลางสีชมพูสดใสของดอกบัว เราจะได้เห็นนกน้ำชนิดต่างๆ เดินและบินโฉบไปมาตลอด เจ้านกเหล่านี้ คือ อีกหนึ่งสีสันที่ทำให้การล่องเรือชมบึงบัวน่าตื่นเต้นขึ้น ทะเลน้อย ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าเป็นสวรรค์ของนักดูนกซึ่งมีให้ชมกว่า 287 สายพันธุ์ ทั้งนกน้ำ นกประจำถิ่นและนกอพยพมาจากที่อื่นตามฤดูกาล เช่น นกกาบบัว นกกุลา นกอีโก้ นกระยาง นกกระสานวล นกกระสาแดง นกกาเล็กน้ำ นกแขวก นกเป็ดน้ำ นกกระทุง นกนางนวล นกกระเด็น นกกระสาแดง ฯลฯ ซึ่งนกจะชุกชุมมากที่สุดในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน แต่นกที่เรามักจะเห็นได้ง่ายแบบที่ไม่ต้องไปส่องไกล คือ นกกระยาง สีขาว
และนกที่เห็นได้ง่ายที่สุด อีกชนิดคือ นกอีโก้ง เป็นนกประจำถิ่น ลักษณะลำตัวเป็นสีน้ำเงินอมเชียว หน้าผากสีแดง เดินหาอาหารและแมลง จากรากไม้น้ำ
นกยางกรอกพันธุ์จีน นกตามป่าชายเลน พบได้ทุกภาคของประเทศไทย
นั่งเรือทัศนาบึงบัว อยากให้เรือจอดถ่ายรูปตรงจุดไหนก็บอกคนขับเรือได้ค่ะ แต่ต้องบอกล่วงหน้าซักนิดจะได้ตรงจุดพอดี บึงบังทะเลน้อยถือว่า เป็นบึงบัวแดง ในอันดับต้นๆ ที่มีชื่อมานาน ปัจจุบันอาจไม่ได้มีบัวเยอะเหมือนในอดีต และไม่ได้กว้างใหญ่เป็นสิบๆไร่เหมือนทะเลบัวแดง อุดรธานี ทะเลน้อยอาจแลดูเงียบเหงาไปตามกาลเวลาที่เมื่อกระแสใหม่มากระแสเก่าก็ต้องลดลงไป แต่สำหรับฉันยังไงก็ยกให้ที่นี่เป็นอันดับ 1 ของทะเลบัว มีธรรมชาติหลากหลายมีอะไรให้ชม ให้เรามองแบบเพลินๆ เยอะ มาก ใครยังเคยมาต้องหาโอกาสมาให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต
ดอกบัวที่ทะเลน้อย ดอกใหญ่โต ดูเอิบอิ่ม สีสด อาจเป็นเพราะที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพมาก ทั้งระบบนิเวศ สัตว์ป่า สัตว์น้ำ พรรณพืช โดยเฉพาะนก ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ความหลากหลายทางชีวภาพของทะเลน้อย ทำให้พื้นที่ “พรุควนขี้เสี้ยน” ของทะเลน้อยได้รับการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ชุ่มน้ำโลก หรือ “แรมซาร์ ไซด์” (Ramsar Site) แห่งแรกในเมืองไทย
นอกจากดอกบัวแดงแล้วยังมีดอกบัวสีขาวบานแทรกด้วย
นกกระยางมีให้เห็นตลอดทาง เมื่อเรือขับผ่านเจ้านกน้อยก็พร้อมใจกันบิน เป็นภาพที่สวยงามมาก นกที่นี่ค่อนข้างคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยว คงชินเสียงเรือ เสียงคนซะแล้ว หากอยากมาเห็นนกเยอะ ก็ต้องมาตอนเช้าหน่อยค่ะ เพราะนกออกมาหาอาหารในช่วงเช้า ถ้าสายประมาณ 10 โมงไปแล้ว ก็จะไม่ค่อยมีให้ชม
พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ทะเลหมอกเรายังเห็นได้จากหลายสถานที่ แต่จะมีซักกี่แห่งที่เราได้นั่งเรือท่ามกลางทะเลบัวพร้อมหมู่มวลนกที่บินไปมารอบตัวมากมายขนาดนี้ บอกได้เลยมีที่ทะเลน้อยที่เดียวเท่านั้น
นอกจากแทรกตัวอยู่ตามดอกบัวแล้ว ก็ยังแทรกตัวอยู่ในดงผักตบชวาอีกด้วย
หลังจากเพลิดเพลินจากการชมบัวแล้ว เรือจะพาเราชมทัศนียมภาพของทะเลน้อย ระหว่างทางเราก็จะได้เห็นวีถีชีวิตแบบชาวบ้านที่ออกมาทอดแหหาปลาในช่วงเช้า
รวมถึงนกน้ำชนิดต่างๆ
นอกจากล่องเรือชมนก บึงบัวทะเลน้อยยังมีไฮไลต์อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ “ควายน้ำ” อันที่จริงก็เป็นควายบ้าน ของชาวบ้าน หากแต่ควายน้ำเป็นควายเลี้ยงในพื้นที่ซึ่งมันสามารถปรับตัวไปตามแหล่งอาหารคือเมื่อน้ำในทะเลสาบทะเลน้อยลดต่ำไปจนถึงแห้งขอด มีทุ่งหญ้าควายจะ ขึ้นมาและ เล็มหญ้ากินบนบก แต่เมื่อยามหน้าน้ำทะเลน้อยมีปริมาณน้ำสูงเจ้าควายพวกนี้มันก็จะปรับตัว เปลี่ยนมากินพืชน้ำอย่างสายบัว ใบบัว หรือสาหร่ายแทน โดยมันจะพร้อมใจกันลงไปหากินภายในน้ำทำให้คนเรียกมันว่า “ควายน้ำ” การล่องเรือชมควายน้ำนั้น ขึ้นอยู่กับช่วงจังหวะ โดยในช่วงน้ำหลากประมาณเดือน ธ.ค.-ก.พ. จะสามารถพบเห็นควายออกหากินในน้ำได้เป็นจำนวนมากกว่าช่วงน้ำน้อย ซึ่งน่าเสียดายที่วันนั้นไม่ได้เจอ
สะพานยาว หรือ สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อีกหนึ่งเสน่ห์ของเมืองพัทลุง เป็นสะพานที่สร้างเชื่อมพื้นที่ 2 จังหวัด คือ บ้านไสกลิ้ง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และบ้านหัวป่า อ.ระโนด จ.สงขลา มีความยาวกว่า 17 กม. แบ่งเป็น 3 ช่วง โดยช่วงที่ 2 ที่สร้างเป็นสะพานยกระดับอยู่เหนือพื้นที่ทะเลน้อยมีความยาว 5.450 กิโลเมตร นับเป็นเป็นสะพานที่ยาวที่สุดของไทยในปัจจุบันนี้
เสน่ห์ของสะพานยาว นอกจากจะเป็นสะพานแสนยาวเชื่อม 2 จังหวัดแล้ว ยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ รวมถึงจุดชมนก ควายน้ำ รวมถึงในยามเย็นยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกด้วยค่ะ
หลังจากล่องเรือเรียบร้อยแล้ว ก็มาเดินเล่นรอบสะพานไม้ของที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ที่นี่มีที่พักของกรมอุทยานให้บริการหลายหลัง ถึงแม้จะเป็นบ้านไม้ธรรมดาตามสไตล์ของอุทยานฯ แต่บรรยากาศและวิวระดับวีไอพีเลยทีเดียว
ตีโพน 9 หอ ทั่วเมืองลุง
“จะร้อยพันแม้นหมื่นเสียงตะโกน ฤๅจะสู้เสียงแข่งโพนที่เมืองลุง ” โพนหรือกลอง ถือเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดพัทลุงมาช้านานซึ่งชาวพัทลุงมีความเชื่อว่า โพนเป็นสิ่งมงคลและศักดิ์สิทธิ์ มาถึงพัทลุงไม่ควรพลาดมาตีโพนให้ครบทั้ง 9 หอ ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล การตีโพนมงคล 9 หอ คือ การท่องเที่ยวที่เมืองพัทลุงได้สร้างเอกลักษณ์ใหม่ของจังหวัด ซึ่งเป็นเมืองแห่งโพน หรือกลอง โดยยก โพนมงคล 9 หอ ตั้งตามสถานที่สำคัญของเมือง ดึงดูดผู้เดินทางมาพัทลุงซึ่งต้องตีโพน 9 หอ ไม่เช่นนั้นเท่ากับมาไม่ถึงพัทลุง สำหรับโพนมงคลทั้ง 9 ลูก มีชื่อสอดคล้องกันทั้ง 9 ลูก ลูกที่ 1 ชื่อโพนก้องฟ้า อยู่ที่วัดอินทราวาส ลูกที่ 2 โพนสุธาสนั่น อยู่ที่ สวนกาญจนาภิเษก ลูกที่ 3 โพนขวัญเมือง อยู่ที่หน้าศาลาจตุรมุข ลูกที่ 4 โพนเรืองเดชา อยู่ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ลูกที่ 5 โพนมหามงคล อยู่ที่ลานหน้าเขาวังเนียง ลุกที่ 6 โพนมนต์เทวัญ ตั้งอยู่ที่ศูนย์ภูมิปัญญาผู้สูงอายุ ลูกที่ 7 โพนอนันตชัย อยู่ที่สวนเฉลิม พระเกียรติ ร.9 ลูกที่ 8 โพนพิชิตไพรี ตั้งอยู่ที่ถ้ำมาลัยเทพนิมิตร และลูกที่ 9 โพนศรีไพศาล ตั้งอยู่ที่หาดแสนสุขลำปำ
โพนแต่ละลูกก็จะมีความหมายและความเป็นสิริมงคลแตกต่างกัน ที่หาดแสนสุขลำปำ เป็นที่ตั้งของโพน ชื่อว่า โพนศรีไพศาล ความเป็นมงคลเมื่อมาตีโพนลูกนี้คือ ในทางมีโชค ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ถามชาวบ้านต้องตีกี่ครั้ง ได้คำตอบว่า แล้วแต่สะดวก จะกี่ทีก็ได้ แต่จริงแล้วทราบมาว่ามีสูตรในการตี คือ 5 3 3 3 และก็ 1 แต่ฉันตีแค่ 3 ครั้ง บางคนก็ตี 9 ครั้ง อาจไม่ได้ตีตามสูตรเพราะคิดว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจมากกว่า
จากหาดแสนสุขลำปำ ขับรถเข้ามาในตัวเมืองพัทลุง ไปยัง ถ้ำมาลัยเทพนิมิต เพื่อมาตีโพนลูกที่ 8 โพนพิชิตไพรี ความเป็นมงคลเมื่อมาตีโพนลูกนี้คือ เมตตามหานิยม ชนะมารทั้งปวง
สถานที่ตั้งของโพนมีฉากหลังเป็นถ้ำหิน ตีโพนแล้วก็อาจแวะไปเดินเที่ยวในถ้ำได้ค่ะแต่ดูเงียบพอสมควร ถ้ำมาลัยเทพนิมิต ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่พัทลุงได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่อีกแห่หนึ่ง แต่คณะฉันไม่ได้แวะเข้าไปเนื่องจากมิชชั่นในวันนี้เราต้องตีโพนพยามยามตามล่าหาโพนเพื่อตีให้ครบทั้ง 9 จุด ประดุจดังตามล่าหา RC ยังไง ยังงั้น
นั่งรถเข้ามาในเมืองพัทลุง เราก็จะได้เห็น เขาอกทะลุ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์จังหวัดพัทลุงตั้งตระหง่านมาแต่ไกล เขาลูกนี้มีความแปลกเพราะมีช่องทะลุอยู่ด้านบนบริเวณใกล้ๆปลายยอด ซึ่งชาวเมืองลุงยกให้เป็นเสมือนดังเสาหลักเมือง
ข้ามเส้นทางรถไฟพัทลุง ข้างธนาคารกรุงศรีจะเจอสวนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โพนอนันตชัย หอที่ 7 สังเกตง่ายมาก มีรูปปั้นของตัวละครหนังตะลุงอยู่ด้านหน้า ความเป็นมงคลเมื่อมาตีโพนลูกนี้คือ ได้รับการยอมรับนับถือ
โพนลูกต่อไป หอที่ 3 โพนขวัญเมือง ซึ่งตั้งอยู่หน้าศาลาจตุรมุข ก่อนตีโพนควรแวะมาไหว้ พระสี่มุมเมืองหรือเรียกชื่อเต็มๆว่าพระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ เป็นพระพุทธรูปประจำภาคใต้และพระคู่บ้านคู่เมืองของพัทลุง
ด้านนอกเราจะเห็นคนถือไข่ไก่มาแก้บนตลอด เป็นการยืนยันว่าศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพัทลุงเป็นอย่างมาก
ความเป็นมงคลของโพนขวัญเมืองเมื่อได้ตี คือ การสละกิเลส ความสงบสุข
โพนแต่ละจุดตั้งอยู่ไม่ไกลกัน เพียงแต่ว่าสำหรับคนที่มาครั้งแรกอาจจะงงซักหน่อย ขับรถวนหลงไปมารอบเมือง อาศัยถามชาวบ้านว่า ที่นี่อยู่ตรงไหน ถึงบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องตีเรียงลำดับ เจอลูกไหนก่อนก็ตีลูกนั้น มาถึงโพนลูกต่อไป หอที่ 4 โพนเรืองเดชา ตั้งยู่ที่สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ความเป็นมงคลคือ มีเดชเดชะ ศักดิ์สิทธิ์ ดั่งเสียงประกาศิต
หอที่ 5 โพนมหามงคล หน้าเขาวังเนียง ความเป็นมงคล คือ นำมาซึ่งความเจริญด้าน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข โพนแต่ละลูกก็จะมีประวัติความเป็นมาที่โดดเด่น ได้รับรางวัลบางอะไรบ้าง แต่โพนลูกนี้ฉันอ่านแล้วรู้สึกสะดุดทันที เพราะมีเรื่องเล่าว่าในอดีตเมื่อมีการสร้างถนนที่ต้องตัดผ่านที่ดินซึ่งเจ้าของไม่อนุญาต เกิดกรณีพิพาทขึ้น เพียงแต่ได้ยินเสียงโพนลูกนี้เท่านั้น ข้อพิพาทนั้นก็ยุติลงทันที อะไรจะสุดยอดขนาดนี้
การตีโพน 9 หอ รอบเมืองพัทลุง ใกล้จะเป็นความจริงเข้าไปทุกทีแล้ว หลังจากเริ่มตีกันตั้งแต่ประมาณช่วงสาย มาถึง โพนหอที่ 6 โพนมนต์เทวัญ ตั้งอยู่ ศูนย์ภูมิปัญญาผู้สูงอายุ หรือหากถามชาวบ้านก็ถามง่ายๆ เลยค่ะว่าบ้านพักคนชรา เพราะถ้าบอกว่าศูนย์ภูมิปัญญาผู้สูงอายุ ทุกคนงงกันเป็นแถว ความเป็นมงคล : การได้รับการยอมรับนับถือ
วิวค่อนข้างสวยเลยทีเดียวเห็นภูเขาอกทะลุตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกล การตีโพนนอกจากความเป็นศิริมงคลแล้วก็เหมือนกับเราได้เที่ยวตามจุดต่างๆรอบเมืองพัทลุงไปด้วย
โพนลูกต่อไป โพนก้องฟ้า ตั้งอยู่ที่ วัดอินทราวาส ภายในวัดมีรูปปั้นลูกปู่ทวดปางชนะมารประดิษฐานอยู่ด้านหน้า ความเป็นมงคลของการได้ตีโพนลูกนี้ คือ ชนะมารร้ายทั้งหลาย
จากวัดอินทราวาส กลับไปยังเส้นทางเดิมมาถึงโพนลูกสุดท้ายสำเร็จมิชชั่นของการตีโพนเพื่อความเป็นศิริมงคลในครั้งนี้ โพนพสุธาสนั่น ตั้งอยู่ที่สวนกาญจนาภิเษก ความเป็นมงคล คือ ความมั่นคงในชีวิต แคล้วคลาด เจริญในทรัพย์
หลังจากตีโพนจนครบ 9 หอ แล้ว ก็กลับมายังที่พักของเราซึ่งตั้งอยู่บริเวณบ้านปากประ ไม่ไกลจากบึงบัวทะเลน้อย ชื่อว่า wetland camp เป็นที่พักบรรยากาศดีมาก วิวสวย บ้านพักมีเพียงแค่ 4 หลัง เป็นห้องแอร์ทั้งหมดราคาหลังละ 2000 บาท สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม
ภายในห้องพักตกแต่งแบบใกล้ชิดธรรมชาติ สามารถมองเห็นวิวกระชังกลางทะเลได้ทุกห้อง ในยามเช้าสามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นของปากประได้จากหน้าห้องพัก
ออกมานั่งรับลมเย็นด้านนอก
เช้าวันใหม่ ณ บ้านปากประ เรานั่งรถไปเก็บบรรยากาศในยามเช้าตรงสะพานปูนที่สามารถเห็นวิวของขนำกลางทะเลได้โดยรอบ บ้านปากประ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวชมแสงแรกและพระอาทิตย์ขึ้นชื่อของพัทลุง ได้เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวถ่ายภาพชาวมาเลเซีย บอกว่า บ้านปากประดังมากในหมู่นักถ่ายภาพมาเลเซีย ฉันเคยเห็นภาพบ้านปากประจากหลายแห่งพอสมควร เป็นสถานที่ที่รู้สึกว่าซักวันนึง ต้องมาเก็บภาพขนำกลางทะเล พร้อมแสงสีและวิถีชีวิตในยามเช้าด้วยตัวเองให้ได้ เพียงแต่วันนั้นสภาพอากาศไม่ค่อยเอื้ออำนวย เมฆเยอะแสงหลากสีเลยไม่ค่อยปรากฏให้เห็นและลมพัดค่อนข้างแรงทำให้น้ำเป็นคลื่นไม่ค่อยนิ่งเท่าใดนัก ภาพบ้านปากประเลยมีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
2 วัน 1 คืน กับความงามของเมืองเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในแผนที่ของภาคใต้ ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ตลอดเส้นทางที่ได้นั่งรถผ่านรอบเมืองเห็นป้ายบอกสถานที่ท่องเที่ยวที่เรายังไม่รู้จักและอยากจะรู้จักหลายแห่งที่นี่ยังมีอะไรที่รอให้เราไปชมอีกมากมาย พัทลุง เมืองน่ารัก ที่ฉันต้องหาโอกาสกลับมาที่นี่อีกครั้งนึงให้ได้
ทริปเดินทางวันที่ 22-23 มีนาคม 2557
โปรแกรมท่องเที่ยวตามทริป 2 วัน 1 คืน
วันเดินทาง
19.00 น. ออกเดินทางจากกรุงเทพ
วันแรก
07.00 น . ถึงพัทลุงล้างหน้าล้างตา เตรียมตัวนั่งเรือไปชมบึงบัวตามจุดต่างๆ
10.00 น. แวะตีโพน 9 หอ เอกลักษณ์ของจังหวัดพัทลุง มาถึงแล้วก็ต้องแวะตีให้ครบเพื่อความเป็นศิริมงคลกับชีวิต
15.00 น. เข้าสู่ที่พัก
18.00 น. รับประทานอาหารเย็นเข้าสู่ที่พัก
วันที่สอง
06.00 น. ตื่นแต่เช้านั่งรถไปยังบ้านปากประ เพื่อไปชมแสงสวยๆในยามเช้ารวมถึงวิถีชีวิตชาวบ้าน
08.00 น. รับประทานอาหาเช้า เตรียมเดินทางต่อไปยัง อ. หาดใหญ่ แวะสวนสาธารณะเทศบาลนครเมืองหาดใหญ่ เพื่อนั่งเคเบิ้ลคาร์ชมวิมเมืองหาดใหญ่ ต่อด้วยเที่ยวเมือง Hatyai Icedome เมืองน้ำแข็งยอดฮิต รับประทานอาหารกลางวัน
15.00 น. ช้อปปิ้งตลาดกิมหยง
17.00 น. เดินทางกลับกรุงเทพ ระหว่างทางรับประทานอาหารเย็น
04.00 น. ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก
paiduaykan.com