แม่ริม อำเภออีกหนึ่งอำเภอที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มากนัก ใช้เวลาเดินทางเพียงงไม่ถึงสี่สิบนาทีจากตัวเมือง เราก็จะได้พบกับ สถานที่ท่องเที่ยวสวยงามและน่าสนใจมากมาย เริ่มจาก ม่อนแจ่ม แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม และดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิดให้เราได้ชมมากมายและด้วยการจัดตกแต่งที่ค่อยข้างจะครีเอทให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังเดินเล่นอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ดอกไม้ ไม่ว่าจะหันไปมุมไหนก็ตาม ม่อนแจ่ม จึงกลายเป็นสถานที่สุดแสนโรแมนติกอีกแห่งหนึ่ง ที่ไม่ควรพลาดและใ่ส่ไว้ในจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว
ม่อนแจ่ม เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านม้ง หนองหอย อ.แม่ริม มีอากาศเย็นสบายตลอดปี มีหมอกยามเช้าให้ได้ชม สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ โดยรอบไกลสุดลูกหูลูกตา เมื่อก่อนพื้นที่ บริเวณนี้ เป็นป่ารกร้าง จนในท้ายที่สุดโครงการหลวงมาขอซื้อพื้นที่ เมื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหลวง คุณแจ่ม-แจ่มจรัส สุชีวะ หลานของ ม.จ. ภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวงได้เข้ามาพัฒนาและปรับปรุงบริเวณม่อนแจ่มให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะในลักษณะ ของแค้มปิ้งรีสอร์ท ที่พักเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ข้างบน คือ ม่อนแจ่ม แคมปิ้ง รีสอร์ท มีร้านอาหารให้บริการ มีที่พักแบบเต้นท์พร้อมเครื่องนอน (ไม่อนุญาติให้นำเต้นท์ส่วนตัวมากางข้างบน) นอกจากนี้ก็จะมีที่พักของเอกชนต่างๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นไปม่อนแจ่ม ให้บริการอีกหลายแห่งแต่ไม่เยอะมาก
ม่อนแจ่ม มีเนื้อที่ไม่กว้างมาก จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โซนนั่งเล่น รับประทานอาหาร เป็นกระท่อมแนบชิดธรรมชาติ นั่งทานไปชมวิวภูเขาไป ชิวสุดๆ
อีกส่วนก็จะเป็นแปลงปลูกดอกไม้เมืองหนาว สวยงามเหมาะกับการถ่ายรูป ก็จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายแทรกตัวอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ดอกไม้
จะมีทางเดินไว้สำหรับเดินชมสวนและถ่ายภาพลดหลั่นกันไปถึงข้างล่าง ดอกไม้จะปลูกแซมกันไประหว่างทางเดิน เรียกว่าใกล้ชิดกับดอกไม้ทุก Step การย่างก้าว
มีพื้นที่นั่งพักผ่อนชมวิว รับลมเย็น
ดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์ของ ม่อนแจ่ม
เด็กน้อยชาวเขาน่ารักมาก
พระเอกของที่นี่ ไอเดียเก๋ไก๋ ไม่น้อย
ในยามเย็น บรรยากาศของ ม่อนแจ่ม ก็โรแมนติกไม่แพ้ใคร เพราะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง
นั่งฟังเพลง ชมวิว รอพระอาทิตย์ตก ดูจะมีความสุขไม่น้อย
บอกลาแสงสุดท้ายของวันนี้ เข้าสู่ที่พัก ซึ่งเราพักที่รีสอร์ท ระหว่างทางขึ้นไปยัง ม่อนแจ่ม ชื่อบ้านพิมตะวัน
เช้าวันใหม่ขับรถไปหาอะไรทานในตอนเช้าเนื่องจากที่พักไม่มีให้บริการ ที่ ม่อนหนาว มินิแคมป์ ที่นี่น่าจะเป็นจุดกางเต้นท์ ระหว่างทางขึ้นม่อนแจ่ม เพียงแห่งเดียวที่ให้บริการอาหารพร้อมเครื่องดื่ม ส่วนร้านอื่นระหว่างทางจะเป็นร้านกาแฟซะมากกว่าหลังอาหารเช้าขับเลยไปอีกนิด เพื่อไปเที่ยว ไร่องุ่นอาเดน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจาก ม่อนแจ่ม มากนัก
ไร่องุ่นอาเดน เป็นฟาร์มองุ่น ไร่เมล็ดที่ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมและถ่ายภาพได้ ด้านหน้าของ ไร่จำหน่ายองุ่น และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากองุ่น เสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท
องุ่นพวงน้อยห้อยละย้าเต็มสวน
ชมและถ่ายภาพได้แต่ตาน่ะค่ะ
องุ่นที่นี้เค้าออกผล ด้วยเจ้าสิ่งนี้หรือเปล่า น่ะ
องุ่นพวงโต
ด้านหลังสวนองุ่น มีไร่สตอเบอรี่ด้วย แม่ริมที่เป็นแหล่งปลูกสตอเบอรี่แหล่งใหญ่อีกแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ หากนั่งรถผ่านในเส้นนี้ก็จะเห็นพ้อค้า แม่ค้า ขายสตอเบอรี่กันตลอดทาง ราคาไม่แพง อยู่ที่ถุงละ 60 -150 เท่านั้นเอง สตอเบอรี่ที่ปลูกส่วนใหญ่เป็น สตอเบอรี่พันธุ์หวาน 80 ซึ่งคอนเฟริมว่าหวานจริง
จาก ไร่องุ่นเอเดน ขับรถย้อนกลับมาอีกนิดเพื่อแวะมาเที่ยว สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นสถานที่ อนุรักษ์และรวบรวมพรรณไม้เป็นหมวดหมู่ตามวงศ์สกุลต่างๆ ที่นี่มีเนื้อที่ค่อนข้างกว้างมาก แต่จุดสวยๆที่นิยมแวะกันขอเรียกเอง ว่าลานดอกไม้น้ำพุ แล้วกันค่ะ ชอบการจัดตกแต่งสวนที่โดดเด่น คือ มีนาฬิกาแซมด้วยดอกไม้ บอกเวลาอยู่ด้านบนด้วย
ด้านหลังเป็นกลุ่มอาคารเรือนกระจกอาคารเรือนกระจกขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนลานเนินเขาที่สวยงาม ภายในอาคารใหญ่รวบรวมพรรณไม้ใน เขตป่าดงดิบ จากทุกภูมิภาคของทวีปเอเชีย ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการควบคุมระดับความชื้นสัมพัทธ์ โดยการฉีดละอองน้ำใน เรือนกระจก รวมทั้งมีน้ำตกจำลองด้วย จัดแต่งสภาพเหมือนกับเข้าไปอยู่ในป่าจริงๆ นอกจากนี้อาคารเรือนกระจกอื่นๆ ก็มีพรรณไม้ ที่น่าสนใจ เช่น พืชทะเลทราย พรรณไม้น้ำ เฟิน กล้วยไม้ เป็นต้น
บรรยากาศของดอกสีสันสวยงามใน สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปชมดอกไม้เมืองหนาวเลยก็ว่าได้ ก่อนกลับเข้าเมืองเชียงใหม่ ขับรถออกมายังถนนสายหลักของแม่ริม ขอแวะไปยังสถานที่สำคัญของอำเภอแม่ริมอีกหนึ่งแห่ง พระตำหนักดาราภิรมย์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณค่ายดารารัศมี
พระตำหนักดาราภิรมย์ แต่ก่อนเป็นที่ประทับของ เจ้าดารารัศมี เจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่ง หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สวรรคต ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ทรงย้ายกลับมาประทับที่เชียงใหม่หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต เจ้าดารารัศมีทรงใช้พระตำหนักหลังนี้ปฏิบัติพระกรณียกิจอันเป็นคุณูปการทั้งทางด้านเกษตร และศิลปะวัฒนธรรม อาทิ ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทรงฟื้นฟูศิลปหัตถกรรมล้านนาให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวเหนือ เป็นพระตำหนักที่ประทับสุดท้ายที่พระราชชายาเจ้าดารารัศมีทรงรักและผูกพันอย่างยิ่ง
ข้างบนพระตำหนักเปิดให้เข้าชม เสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท ไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพ ด้านล่างพระตำหนัก จัดแสดงเครื่องมือเกษตร ที่ทรงใช้ในการทดลองการเกษตรแผนใหม่ ในสวนเจ้าสบาย นอกจากนั้นยังมีเครื่องทอผ้า ซึ่งใช้ทอผ้า สำหรับพระราชชายาฯโดยเฉพาะ
รูปแบบตัวอาคารได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมตะวันตก ด้านหลังอาคารจะมีดอกกุหลาบดอกใหญ่สีชมพู กลิ่นหอมเย็น พันธุ์อังกฤษ พันธุ์ที่โปรดของเจ้าดารารัศมี
อำเภอแม่ริม ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ฟาร์มงูแม่สา สวนกล้วยไม้และ ฟาร์มผีเสื้อ บ้านม้งแม่สาใหม่ จบทริปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในอำเภอแม่ริม รู้สึกอิ่มใจและมีความสุขกับสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ของที่นี่ไม่น้อย แล้วอย่าลืมแวะมากันน่ะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
paiduaykan.com