Social :



ใช้ได้กับทุกอาชีพ..วิธีทำให้คนอื่นชื่นชอบคุณ

20 ก.ค. 60 11:00
ใช้ได้กับทุกอาชีพ..วิธีทำให้คนอื่นชื่นชอบคุณ

ใช้ได้กับทุกอาชีพ..วิธีทำให้คนอื่นชื่นชอบคุณ

ใช้ได้กับทุกอาชีพ..วิธีทำให้คนอื่นชื่นชอบคุณ


ไม่มีใครไม่อยากเป็นคนที่คนอื่นไม่ชอบ ต่อให้คุณมีสภาพจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่แคร์สื่อ ไม่แคร์โลก แต่ลึกๆ แทบทุกคนย่อมไม่อยากเป็นคนที่ถูกนินทา มีแต่คนไม่ชอบขี้หน้า แทบทุกคนย่อมรู้สึกดีถ้าตัวเองเป็นคนที่มีแต่คนเข้าหา พูดคุย นิยมชมชอบ ยอมรับนับถือ 
 
การเป็นคนมีเสน่ห์ มีแต่คนชื่นชอบ เข้าหา ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชีวิตของคุณมีความสุข มีแต่คนยอมรับนับถือ ให้เกียรติ ให้ความช่วยเหลือ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการพาคุณไปสู่ความสำเร็จและมีความสุข
 
สำหรับนักขายและนักธุรกิจ หากรู้จักฝึกฝน พัฒนาตัวเองในเรื่องของการบริหารเสน่ห์ รู้สึกดีกับตัวคุณ ชื่นชอบและมอบความไว้วางใจให้กับคุณมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถปิดการขายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
 
มาดูวิธีทำให้คนอื่นชื่นชอบคุณกันครับ
1. จำชื่อของคนที่คุณรู้จักให้ได้ และทักทายด้วยชื่อของพวกเขาเสมอ
 
ทราบไหมครับว่า 'ชื่อ' คือเสียงที่ไพเราะที่สุดสำหรับพวกเขา โดยเฉพาะถ้าคุณเรียกด้วยชื่อจริงด้วยยิ่งดี สำหรับการทักทายแบบกึ่งทางการเมื่อรู้จักกันเป็นครั้งแรก จงพยายามจำชื่อพวกเขาให้ได้ ถ้าจำไม่ได้จริงๆ คุณสามารถออกตัวขอโทษคู่สนทนาและถามชื่อของพวกเขาอีกครั้ง การเมมชื่อลงในโทรศัพท์มือถือทันทีก็เป็นอีกวิธีนึงที่จะทำให้คุณช่วยจำชื่อพวกเขาได้ง่ายขึ้น
 
สำหรับนักขายและนักธุรกิจ เมื่อถึงเวลาที่คุณแลกนามบัตรกับลูกค้าในการพบกันครั้งแรก คุณควรอ่านชื่อจริงของลูกค้าตามนามบัตรและออกเสียงให้ชัดเจน พร้อมกับขอถามชื่อเล่นลูกค้าเพื่อใช้เรียกชื่อให้มีความเป็นกันเองมากขึ้น และจงใช้ปากกาเขียนชื่อเล่นลูกค้าบนนามบัตรทุกครั้ง สิ่งเหล่านี้จะแสดงออกถึงความใส่ใจและทำให้ลูกค้าเปิดใจ
 
2. เมื่อเจอหน้ากัน ถามคำถามที่ดีเพื่อแสดงการให้ความสนใจต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ
 
วิธีนี้เป็นสำคัญที่สามารถเอามาประยุกต์จากทักษะการขาย มาใช้กับบุคคลรอบข้างได้ การเป็นฝ่ายเริ่มถามคำถามที่ดีก่อนนั้นจะช่วยเปิดโอกาสให้คู่สนทนาเปิดใจกับคุณมากยิ่งขึ้น คำถามที่ควรถามควรเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคู่สนทนาอย่างจริงใจและเป็นเรื่องที่น่าสนใจ 
 
คำถามที่ดีควรเป็นคำถามที่เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในตัวเขาที่ทำให้คู่สนทนานั้นรู้สึกภูมิใจ มั่นใจ ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะถ้าถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวความสำเร็จ วิธีการ ความรู้ ความชื่นชอบ ทักษะส่วนบุคคลที่คู่สนทนาทำได้ดี เป็นต้น จะทำให้คู่สนทนารู้สึกเปิดใจและชื่นชอบคุณมากเป็นพิเศษ
 
พยายามหลีกเลี่ยงคำถามที่ทำให้คู่สนทนารู้สึกเสียหน้า คำถามเกี่ยวกับเรื่องลบๆ คำถามที่ไม่มีประโยชน์ทั้งตัวคนถามและผู้ถูกถาม คำถามไร้สาระ เพราะบางทีคุณอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ว่าคู่สนทนารู้สึกรำคาญหรือไม่อยากคุยกับคุณ สิ่งนี้จะเป็นผลเสียระยะยาวในเรื่องของความชื่นชอบในตัวคุณ
 

3. จงฟังเป็นนักฟังจับใจความให้ดี
 
ธรรมชาติของคนส่วนใหญ่มักชอบพูดมากกว่าฟัง ไม่ว่าใครก็ชอบพูดเรื่องของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความสำเร็จ ความภาคภูมิใจ ความรู้ ความสามารถ ฯลฯ แต่มันคงแปลกมากถ้าทุกคนมัวแต่พูดเรื่องของตัวเองเท่าที่อยากจะพูด โลกนี้คงวุ่นวายเพิ่มขึ้นแน่นอน
 
คุณจงหันมาเป็น 'คนส่วนน้อย' นั่นคือการเปลี่ยนจากเป็นผู้พูดมาเป็นผู้ฟังที่ดี และการฟังทุกครั้งควรจับใจความของคู่สนทนาอย่างตั้งใจ ควรแสดงภาษากายที่ดีเช่น การพยักหน้า การขยับตัวเข้าไปฟังให้ใกล้ขึ้น หรือการถามคำถามที่สร้างความต่อเนื่องให้กับสิ่งที่ผู้พูดได้พูดออกมา เช่น ตอบอืมๆ แล้วไงต่อ ว่าต่อเลย เรื่องที่พูดเมื่อสักครู่มันเกิดขึ้นได้ยังไงนะ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ฯลฯ 
 
สังเกตไหมครับว่าคล้ายๆ กับการเข้าพบลูกค้าและถามคำถามเลยทีเดียว สำหรับลูกค้าคือการถามที่เราต้องทำให้พวกเขาคายข้อมูลออกมาให้มากที่สุด เพื่อการนำเสนอสินค้า ส่วนคนอื่นที่เราอยากให้เขาชอบคือการถามเพื่อรู้จัก 'ตัวตน' ของคู่สนทนาให้มากที่สุด และทำให้คู่สนทนารู้สึกอยากคุย เปิดใจ มองคุณในแง่ดี เพิ่มขึ้นไปด้วย
 
4. จงพูดให้น้อยกว่าฟัง
 
Lif
วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายสำหรับคนที่รู้ตัวและพิจารณาตัวเองว่าเป็น 'คนที่พูดมาก' สามารถแก้อาการของ 'คนขี้โม้' ได้ดีอีกด้วย เพียงแค่คุณหุบปากแล้วหันมาตั้งใจฟังสิ่งที่คู่สนทนาพูดจะดีกว่า เพราะจุดอ่อนของคนที่พูดมากและพูดเก่งคือบางทีอาจจะหลุดหรือพล่ามมากเกินไป ทำให้คู่สนทนารู้สึกไม่ดีและมองคุณว่าเป็นพวกขี้โม้ พูดจาไม่รู้เรื่อง
 
ในเมื่อคนส่วนใหญ่ชอบพูดมากกว่าฟังอยู่แล้ว ดังนั้นคุณต้องฟังให้มากกว่าพูด พยายามประเมินตัวเองตลอดเวลาว่าสัดส่วนการคุยระหว่างคุณกับคู่สนทนามีอัตราส่วนคนละกี่ % จำนวนที่พอเหมาะคือ คุณ 30% คู่สนทนา 70% ซึ่งหลักการคล้ายๆ กับตอนนำเสนอสินค้าให้กับลูกค้าเลย ถ้าคุณมั่วแต่หลับหูหลับตานำเสนอ ไม่รู้จักถามคำถามเพื่อเพิ่มสัดส่วนการคุย ลูกค้าก็จะเริ่มเบื่อ สไลด์มืถือ และไม่รู้สึกว่าการเข้าพบในครั้งนี้มีประโยชน์อะไรกับตัวเขาเลย
 
5. แนะนำคู่สนทนาให้คนอื่นรู้จักแบบมีศิลปะ
 
นี่คือการสร้างเสน่ห์แบบง่ายๆ ให้กับคู่สนทนาของคุณเมื่อถึงจังหวะที่คู่สนทนานั้นคุยกับคุณ และจู่ๆ มีบุคคลที่สามที่คุณรู้จักได้เข้ามาทักทายคุณ คุณจงรู้จักการแนะนำคู่สนทนาให้บุคคลที่สามได้รู้จักด้วยแบบมีศิลปะ
 
วิธีการนั้นก็ง่ายๆ คุณต้องเป็นผู้แนะนำตัวผู้สนทนาให้กับบุคคลที่สามทุกครั้ง จงบอกชื่อของคู่สนทนาให้ชัดเจน บอกตำแหน่งหรืออาชีพที่ทำว่าเขาทำอะไร และจงอย่าลืมพูดสิ่งดีๆ เกี่ยวกับคู่สนทนาให้บุคคลที่ 3 ได้ฟัง เรื่องที่คุณควรแนะนำคือสิ่งที่ทำให้บุคคลที่ 3 รู้สึกให้เกียรติ ควรเป็นเรื่องที่คู่สนทนาภูมิใจ มีเกียรติ เช่น 
 
ในขณะที่คุณกำลังคุยกับคู่สนทนา จู่ๆ มีบุคคลที่ 3 ที่คุณรู้จักเดินเข้ามาทักคุณพอดี
บุคคลที่ 3: สวัสดีครับคุณ xxx (ในขณะที่คุณกำลังคุยกับคู่สนทนา)
คุณ: สวัสดีครับคุณ xxx เป็นยังไงบ้างครับ ช่วงนี้
บุคคลที่ 3: สบายดีครับ แล้วคุณล่ะ มาทำอะไรแถวนี้
คุณ: ผมผ่านมาแถวนี้พอดีกับเพื่อนผมครับ จึงขอแนะนำเพื่อนผมให้คุณรู้จักนะครับ เพื่อนผมชื่อ xxx เขาเป็นเซลล์ แมแนเจอร์ของบริษัท Fujitsu ซึ่งเขาเป็นนักขายที่เก่งมาก มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมรถยนต์ครับ
บุคคลที่ 3: ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณ xxx
คู่สนทนา: (ยิ้มภูมิใจอยู่ในใจ เพราะคุณแนะนำเขาอย่างมีศิลปะ)
 
จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่าคุณไม่ได้ทำให้คู่สนทนารู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ไอ้งั่ง การแนะนำที่ดีจะทำให้คู่สนทนาของคุณรู้สึกดี ไม่ได้เป็นแค่ส่วนเกิน และรู้สึกว่าคุณเป็นคนสำคัญ เพราะคุณรู้สิ่งที่ดีในตัวของคู่สนทนา 
 
นักขายหรือนักธุรกิจก็สามารถเอาเทคนิคนี้ไปใช้ได้นะครับ เช่น ตอนเข้าพบลูกค้าและคุณมากับทีมงานหลายคน คุณจงเป็นผู้เริ่มแนะนำตัวทีมงานของคุณทีละคน บอกชื่อ ตำแหน่ง ความเชี่ยวชาญและสิ่งที่เป็นประโยชน์กับลูกค้า เรื่องง่ายๆ แค่นี้จะทำให้คุณได้ใจทีมงานขึ้นเป็นกอง แถมทำให้ลูกค้าให้ความน่าเชื่อถือกับทีมงานคุณมากขึ้นด้วย
 
6. หัดชมเชยและแสดงความยอมรับนับถืออย่างจริงใจ
 
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณควรทำกับทุกคนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง เพื่อน แฟน ฯลฯ หรือแม้แต่คนที่คุณไม่ชอบขี้หน้าก็ตาม 
 
ถ้าพวกเขาทำอะไรดีๆ หรือประสบความสำเร็จในเรื่องของพวกเขา สิ่งที่คุณควรทำคือการกล่าวชมและนับถืออย่างจริงใจ ชมทุกคนที่อยู่รอบตัวคุณ ยิ่งสมัยนี้มีเฟสบุ้ค คุณสามารถชมเชยอย่างง่ายๆ ด้วยการกดไลค์หรือเข้าไปคอมเม้นท์แสดงความยินดี ถ้าพวกเขาทำเรื่องดีๆ มาล่ะก็ จงอย่าลืมกดไลค์และเม้นชมเชยด้วยนะครับ เรื่องเล็กๆ พวกนี้มีผลทางใจมาก มันจะช่วยให้พวกเขาจดจำคุณได้และรู้สึกดีกับคุณมากขึ้น
 
สำหรับนักขายหรือนักธุรกิจก็หมูๆ เลย ถ้าอยู่กับลูกค้า คุณควรกล่าวชมธุรกิจที่ลูกค้าทำอย่างจริงใจ ซึ่งผมรู้ว่าพวกคุณทำได้ดีเพราะนักขายมืออาชีพจะต้องรู้จักชมเชยและนับถือลูกค้าของพวกคุณอยู่แล้ว






ขอขอบคุณที่มา:www.sales100million.com

โพสต์โดย : Wizz