วัดอ่างศิลา ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี แบ่งเป็น ๒ วัด คือ วัดอ่างนอก (อ่างศิลานอก) และวัดอ่างใน (อ่างศิลาใน) จนถึงในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้รวมวัดทั้งสองเป็นวัดอ่างศิลาวัดเดียว ซึ่งมีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง คือ พระวิสุทธิสมาจาร หรือที่นิยมเรียกและเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า ท่านเจ้าคุณศรี วัดอ่างศิลา อดีตเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี และเจ้าอาวาสวัดอ่างศิลา ท่านเป็นพระเถรานุเถระผู้ทรงคุณ ทั้งด้านพระเวทย์วิทยาคม การพัฒนา การปกครอง จึงเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าทั้งใกล้ไกลตลอดมา
หลวงปู่ศรี เป็นพระดีที่สุด บริสุทธิ์ ที่สุด เงินทองไม่จับ ไม่โลภ ไม่เคยโกรธ ไม่หลง ไม่แจกฎีกาไม่เคยขอเคยขอ เรี่ยไร ใคร ชอบทำตะกรุดแจกพระที่สอบนักธรรมได้ มีอาวุโสแก่กว่าหลวงปู่อี๋ หลวงปู่ เฮี่ยง วัดป่าฯ ซะอีก ทั้งสองหลวงปู่เรียกท่านว่า “หลวงพ่อ” แม้แต่ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศ ยังนับถือท่านเป็นอาจารย์ ตอนหลังหลวงปู่ศรีได้รับพระราชทาน สมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณที่พระวิสุทธิสมาจาร
นอกจากนี้แล้วท่านเป็นผู้ที่มีความทรงจำเป็นเยี่ยม สามารถจำงานที่ทำและคำพูดที่ได้กล่าวไป การสวดมนต์ก็แม่นยำ ท่านสามารถท่องปาฏิโมกข์ได้จบ แม้จะมีวัยย่างเข้า ๙๐ เศษแล้วก็ตาม ก็จะทำการสวดปาฏิโมกข์ทุกวันพระ ท่านเป็นผู้เคร่งครัดในพระวินัยยิ่ง กิจวัตรของท่านคือการสวดมนต์ไม่เคยขาด แม้แต่พระภิกษุสามเณรถ้าขาดลงทำวัตร ท่านจะตำหนิถึงกับลงโทษตามพระวินัย
วัตถุมงคลหลวงปู่ศรี ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นหลายชนิดแจกจ่ายแก่บรรดาศิษย์ สำหรับวงการพระ นิยมเล่นหาวัตถุมงคลประเภท เหรียญและพระปิดตา พระปิดตา หลวงปู่ศรี ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๑๐ รวมสิริอายุได้ ๙๗ ปี ๗๗ พรรษา
อย่างไรก็ตามแม้ว่า หลวงปู่ศรีจะมรณภาพแต่สรรพวิชาทั้งหลายของท่านนั้นไม่ได้สูญไปไหน หากถูกถ่ายทอดให้แก่พระครูวิมลสีลาภรณ์ หรือ หลวงพ่อพูลทรัพย์ เจ้าอาวาสวัดอ่างศิลารูปปัจจุบัน ซึ่งท่านอยู่กับหลวงปู่ศรีมาตั้งแต่เด็ก หลวงปู่ศรีให้ถือวิชา แม้ผู้หญิงก็จับมือไม่ได้ พอครบบวชหลวงปู่ศรีก็บวชให้โดยท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบวชก็อยู่กับหลวงปู่ศรี จนหลวงปู่มรณภาพ ตลอดระยะเวลานี้หลวงปู่ศรีมอบครอบครูให้หลวงพ่อองค์เดียว หลวงพ่อพูลทรัพย์ก็ครองวัดอ่างศิลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากหลวงพ่อพูลทรัพย์จะได้วิชาของหลวงปู่ศรีมาจนหมดไส้หมดพุงแล้วท่านยังดั้นด้นเดินธุดงค์ไปทั่ว อาทิ ได้วิชาเสกแพะเขาควายฟ้าผ่าจากหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก วิชาเสกปลัดบินจากหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก วิชาเสกหมากทุยจากหลวงพ่อผล วัดโคนอน ผู้สืบทอดวิชาจากหลวงปู่ เอี่ยม วัดโคนอน วิชาเสือสมิงจากหลวงพ่อนก วัดสังกะสี ผู้เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย
ขณะเดียวกัน หลวงพ่อพูลทรัพย์ยังไปเรียนวิชา กับฆราวาสชื่อดังคือท่านอาจารย์เทพ สาริกบุตร ปี ๒๕๐๓ หลวงปู่ศรี มอบตำราทำพระเพชรหลีกของเจ้าคุณพระทักษิณคณิศร วัดใต้ (ผู้เป็นศิษย์ ในสมเด็จพระวันรัต (แดง) รุ่นเดียวกับสมเด็จพระสังฆราชแพ)
เมื่อปี ๒๕๐๙ พล.อ.สำราญ แพทย์คุณ นิมนต์หลวงพ่อพูลทรัพย์ไปเสกวัตถุมงคล พิธีครั้งนั้นมีแต่พระเกจิอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา เป็นต้น ในพิธีนั้นทุกคน ได้ประจักษ์ว่าหลวงพ่อพูลทรัพย์เก่งไม่เบา เพราะท่านได้เพ่งกสิณจนเทียนขาดจากกันถึงสองท่อน พิธีนี้หลวงพ่อเงินเดินมาหาท่านแล้วพูดว่า “คุณนี่ทำได้ไม่แพ้รุ่นใหญ่ๆ เลยนะ” หลวงพ่อเต๋ก็เดินเข้ามาหาแต่ท่านไม่ได้พูดอะไรเดินมาจับมือแล้วยิ้มให้
ทุกวันนี้แม้ว่าคนทั่วไปจะรู้จักหลวงพ่อแค่ชื่อ หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา เท่านั้นและจะมองว่าท่านดุ ไม่มีเมตตา แต่ที่ไหนได้ ถ้ารู้จักท่านจริงๆ แล้วองค์นี้แหละพระเก่งที่มีเมตตาถึงขนาดพูดจาตรงๆ อะไรให้ได้ให้อะไรช่วยได้ช่วย ท่านลองสัมผัสและลองใช้พระหรือวัตถุมงคลของท่านดูซิว่า พระเกจิ รุ่นโบราณที่ร่วมสมัยกับยุคเก่า ท่านเก่งอย่างไร ทำไมขลังตั้งแต่อายุยังน้อยๆ
วัดเดียวแต่มี ๒ โบสถ์
วัดอ่างศิลาเป็นวัดเดียวที่มี ๒ โบสถ์ ซึ่งทั้ง ๒ โบสถ์ต่างก็มีลักษณะเด่นที่แตกต่างกันออกไป คือ โบสถ์ใน (วัดใน) มีหมู่เจดีย์ ๓ องค์ ตั้งอยู่ด้านหน้าโบสถ์ เจดีย์ทั้ง ๓ มีลักษณะแตกต่างกัน องค์กลางหรือองค์ที่ ๒ มีอายุเก่าแก่ที่สุด โบสถ์ในเป็นที่ประชุมสงฆ์และที่ประกอบศาสนกิจอื่นๆ ตามพระธรรมวินัย
โบสถ์นอก (วัดนอก) สร้างขึ้นหลังโบสถ์ใน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นระหว่างปี ๒๓๖๐-๒๓๖๒๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ หลังคาโบสถ์ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ด้านหลังโบสถ์ประดิษฐาน หลวงพ่อหิน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอ่างศิลาที่ตามประวัติเล่าว่าลอยน้ำมาพร้อมๆ กับหลวงพ่อโสธร
โบสถ์นอก มีความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คืองานจิตรกรรมฝาผนังอันวิจิตรสวยงาม เป็นศิลปะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น สมัยรัชกาลที่ ๓ เขียนโดยนายปลื้มและนายแดง สองช่างจากวัดสามปลื้ม (วัดจักรวรรดิ) เป็นเรื่องพุทธประวัติจากพระปฐมโพธิกถา เน้นสีสันสดใสและใช้พู่กันหางหนูตัดเส้นอย่างประณีตสวยงามมาก
นอกจากโบสถ์ทั้ง ๒ แล้ว วัดอ่างศิลายังมีมณฑปพระพุทธบาท ภายในประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองพร้อมด้วยพระพุทธรูปปางต่างๆ และจิตรกรรมพระพุทธรูป และวิหารท่านเจ้าคุณพระวิสุทธิสมาจารอดีตเจ้าอาวาสวัดอ่างศิลา
บุญใหญ่บูรณะกำแพง
วัดอ่างศิลา จ.ชลบุรี เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมมีสองคือ วัดใน และวัดนอก เมื่อปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ ๔ จึงได้รวมวัดเป็นวัดอ่างศิลา ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ ๓ เขียนเมื่อปี ๒๓๖๘ หลังรัชกาลที่ ๓ ครองราชย์ได้ ๑ ปี ช่างที่เขียนเป็นช่างจากวัดจักรวรรดิ์ (วัดสามปลื้ม กรุงเทพฯ) ชื่อนายปลื้มกับนายแดงเป็นผู้เขียน ฝีมือปัจจุบัน เป็นฝีมือที่ซ่อมสมัยรัชกาลที่ ๔ สำหรับภาพจิตรกรรมนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานกรมศิลปากรแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักจนทำให้กำแพงวัดอ่างศิลาถล่มพังเสียหาย เนื่องจากดินด้านล่างมีลักษณะเป็นดินทราย ประกอบกับที่ลาด น้ำจากด้านบนไหลลงมาบริเวณดังกล่าวทำให้น้ำกัดเซาะดิน จนเป็นเหตุให้กำแพง และเจดีย์บรรจุกระดูก ๓ หลัง ถล่มลงมาพังเสียหาย
ทั้งนี้เพื่อหาปัจจัยบูรณะกำแพง หลวงพ่อพูลทรัพย์ได้จัดสร้างวัตถุมงคล รุ่นเศรษฐีพูนทรัพย์ ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญได้ที่พระอาจารย์สุเทพ สุเทโว วัดอ่างศิลา โทร.๐๘-๑๑๕๔-๙๖๕๒ และ ๐๘-๗๐๓๘-๗๖๙๗ หรือดูรายละเอียดพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ หลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา
