Social :



11 คำสอนจากชายที่วางแผนชีวิตพลาด [Repost จาก Vittarot.com]

12 ก.ย. 60 07:00
11 คำสอนจากชายที่วางแผนชีวิตพลาด [Repost จาก Vittarot.com]

11 คำสอนจากชายที่วางแผนชีวิตพลาด [Repost จาก Vittarot.com]

11 คำสอนจากชายที่วางแผนชีวิตพลาด 



บทความนี้เป็นบทความที่เคยเผยแพร่ใน Vittarot โดยเป็นบทความที่เขียนขึ้นจากพี่คนหนึ่งที่ติดตาม Vittarot ครับ ผมเลยเอามาเล่าให้ทุกๆคนฟังอีกครั้งใน Startyourway และนี่คือความผิดพลาดของผู้ชายคนหนึ่งที่กลายเป็นบทเรียนให้กับคนไทยกว่า 2,000 คนครับ

ผมเห็นว่าเป็นคำสอนที่ดีมากจากชีวิตของลูกผู้ชายคนหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ได้สวยงามเหมือนในนิยาย แต่ผมมั่นใจว่าเขาสามารถจัดการชีวิตตัวเองให้เป็นอย่างที่ตัวเองต้องการได้อย่างแน่นอน ผมจึงขออนุญาตเอาประสบการณ์ของพี่อังคารมาเผยแพร่เพื่อทำให้ทุกๆคนได้ตัดสินวางแผนชีวิตตัวเองให้ดีกว่าเดิม

1. ผมเคยคิดวางแผนว่าจะลาออกไปแล้วไปบวชตลอดชีวิตโดยไม่มีครอบครัว แต่ผลคือมีคนเข้ามาในชีวิต ทำให้ผมลืมเป้าหมายที่จะบวชแล้วใช้ชีวิตสงบๆที่วัดป่าอยู่กับธรรมชาติ ทุกวันนี้ทุกอย่างย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว


2. การมีลูกคนแรกเป็นเรื่องที่น่าดีใจ แต่ถ้าคุณไม่ได้วางแผนสำหรับลูกคนที่สองก็อย่าพึ่งรีบมี ถ้าเลี้ยงลูกคนเดียวแล้วคุณยังดูแลให้เวลาและความสุขแก่เขาได้ไม่เต็มที่ การมีลูกคนที่สองจะทำให้คุณทำหน้าที่ได้แย่กว่าเดิม 

3. ผมเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวกับหุ้นส่วน ได้กำไรครั้งหนึ่ง 4-5 แสนบาท ผมบอกภรรยาให้ลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูกและเชื่อมั่นว่าเราสามารถทำหน้าที่ผู้นำครอบครัวได้ แต่ดันลืมไปสนิทว่าธุรกิจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ผมกับหุ้นส่วนตกลงกันไม่ได้จึงทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวลง จากเงินสะพัดกลายเป็นฝืด ผมต้องปากกัดตีนถีบทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนเพื่อหาเลี้ยงภรรยาและลูกที่ไม่มีรายได้ทั้งคู่ ทำให้ค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับรายได้นั้นแตกต่างราวฟ้ากับเหว

4. รถที่ครอบครัวเราซื้อราคาเกือบ 1 ล้านบาท และเป็นการตัดสินใจที่สร้างรายจ่ายแพงเกินไป สาเหตุที่ซื้อรถราคาแพงเพราะคิดง่ายๆว่าเราเป็นครอบครัวใหญ่ มีลูกสองคน ดังนั้นรถครอบครัวจึงเหมาะกับเรามากที่สุด เอาเข้าจริงเราแทบจะไม่ได้ไปไหนมาไหนกันเป็นครอบครัวเลย เพราะทุกคนต้องทำงานแทบไม่ได้เจอกันในแต่ละเดือน ปัจจุบันผมต้องนั่งรถเมล์ไปทำงาน และเอารถคันนั้นให้ภรรยาใช้ครับ


5. การที่ผมทำงานมา 10 ปี จึงได้เป็นหัวหน้างาน และมีลูกน้องลาออกไปแล้วประมาณ 5 คน เคยรู้สึกผิดกับตนเองว่าที่ลูกน้องลาออกเพราะเราไม่ดี หรือเพราะเงินเดือน และพยายามค้นหาสาเหตุว่าอะไรที่ทำให้เขาลาออก แต่ก็ยังรู้สึกว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะผมแน่นอน ความรู้สึกผิดเป็นการทำลายความสุขที่ดีที่สุด


Lif
6. การที่ไม่ออกกำลัง ไม่ดูแลร่างกาย และมีความเครียดจากการทำงานหนักเป็นสิบปี ให้ทำรู้เลยว่าร่างกายมันไม่เหมือนเดิม ไม่สบายบ่อยมาก ปวดร่างกายแบบรักษาไม่หายบ่อยมากๆ ทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดในชีวิต ก็คือภาชนะที่บรรจุชีวิต

7. รู้สึกเสียดายที่ปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวที่ต่างจังหวัดมา 10 กว่าปี (ผมทำงานอยู่กทม และพ่อเสียเมื่อ 10 กว่าปีก่อนแล้ว) แม่ต้องผ่าตัดแล้ว 2 รอบเพราะป่วยเป็นเนื้องอก ปัจจุบันแม่ก็ยังรับจ้างทำงานเป็นวันๆไป รู้สึกว่าผมยังทำหน้าที่ลูกไม่ดีพอ ไม่เต็มที่ ยังไม่พลิกชีวิตทำอะไรให้มันสุดๆเสียที

8. รู้สึกแย่กับตัวเอง ที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันทั้งครอบครัว คือ แม่ก็อยู่ ตจว . ลูกก็ให้แม่ยายเลี้ยง แฟนก็ทำงานและอยู่อีกที่หนึ่ง ผมก็อยู่อีกทีหนึ่ง


9. ผมเคยสร้างหนี้ตอนชื้อรถคันที่ 1 ของผมเนื่องจากเอาบัตรเครดิต 3 ใบไปรูดดาวน์รถ ตอนนั้นคิดว่าตนเองเป็นหัวหน้างานแล้ว คงผ่อนทั้งรถและบัตรเครดิตได้ แต่เป็นความคิดที่ผิด เนื่องจากผมต้องเจอการหมุนเงินที่แทบไม่ทัน การจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำทำให้ต้องโดนปรับ และเสียดอกเบี้ยแพงมากถึง 28% ต่อปี แล้วผลของมันตอนนี้ก็คือผมโดนอายัดเงินเดือนไป 30% เป็นเวลา 2 ปี กว่าจะหักจ่ายหนี้ก้อนนี้หมด

10. เคยคิดว่าการเป็นหนี้เป็นสิ่งน่าอาย แต่มาอ่านชีวิตของคนอื่นเขาก็เคยล้มละลาย หรือเป็นหนี้มาก่อน เช่น ตัน อิชิตัน ก็ติดหนี้ 400 ล้านบาท หลายท่านก็โดนเป็นบุคคลล้มละลาย มีนักธุรกิจหลายๆ คนก็เป็นหนี้มากมาย เขาก็ลุกขึ้นมาได้ การเป็นหนี้ไม่ใช่ปัญหาของเราคนเดียว คนอื่นก็เป็น ทางเลือกและการวางแผนแก้ไขหนี้อย่างตรงไปตรงมาต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรีบลงมือทำมันอย่างจริงจัง

11. หลังจากชีวิตผ่านเลยไปวันเเล้ววันเล่า ผมเสียดายสิ่งที่ไม่ได้ทำมากกว่าสิ่งที่ทำลงไป






ขอขอบคุณที่มา:www.startyourway.com

โพสต์โดย : Wizz