ความรู้ที่หายไปในโลกยุคสมัยใหม่คืออะไร ในเมื่อการศึกษาไทยกำลังหลงทาง
ความรู้ที่หายไปในโลกยุคสมัยใหม่คืออะไร
ในเมื่อการศึกษาไทยกำลังหลงทาง
ผมเขียน พูด ถึงการศึกษาเยอะมากๆ สาเหตุเพราะผมเป็นคนที่เรียนไม่เก่ง เลยทำให้เข้าใจความรู้สึกของคนที่พยายามทำในสิ่งที่ไม่ถนัดให้ดีอย่างการเรียน ผมเป็นคนที่ไม่ชอบการถูกบังคับให้เรียนเลย ทุกๆวันที่ไปโรงเรียน ผมรู้สึกเหมือนถูกทรมานในห้องขังที่จองจำความคิดของผม และเมื่อเรียนไปเรื่อยๆจนถึง ม.ปลาย ผมหลงทางและไม่รู้จักตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างกลายเป็นความว่างเปล่าทั้งเป้าหมาย อนาคต และคนเรียนไม่เก่งอย่างผมก็มักถูกจัดกลุ่มไปยังมนุษย์ไร้ค่าสำหรับประเทศไทย ใช่ครับ คนเรียนไม่เก่งมักจะถูกตราหน้าว่าเป็นพวกคนที่ไม่สามารถจบไปเพื่อพัฒนาประเทศชาติได้ เป็นพวกที่จบไปแล้วจะเป็นพวกไม่มีงานทำ เป็นเด็กที่กำลังจะโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ทำให้สังคมเสื่อมทราม เลวที่สุดคือถูกตราหน้าว่าเรียนไม่เก่งจบไปก็ทำได้แค่ขโมย ติดยา และเป็นคนที่จะคอยสร้างปัญหาสังคม
คุณค่าของมนุษย์ถูกวัดด้วยเกรดเฉลี่ย
เรากำลังก้าวเข้าไปสู่โลกยุคใหม่ ยุคที่ทุกอย่างมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้เร็วมากๆ สมัยหลาย 10 ปีก่อนมีความรู้แค่อย่างเดียวก็สามารถใช้ทำมาหากินได้ตลอดชีวิต แต่พอมาเป็นยุคสมัยปัจจุบันที่ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ความรู้ต่างๆที่เคยมีย่อมไม่สามารถใช้รักษาสถานะทางการงานของตัวเองได้อีกต่อไป แน่นอน เมื่อเทคโนโลยีมันเปลี่ยนแปลงโลกขนาดนี้ สิ่งที่คนรุ่นใหม่ควรจะตระหนักเป็นอย่างยิ่งคือการตั้งคำถามว่าความรู้ที่เราควรจะเรียนนั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงตามยุคตามสมัยด้วยหรือไม่…??? ไม่ว่าจะมองมุมไหนคำตอบมันก็ต้องใช่อยู่แล้ว เราจะเอาความรู้เมื่อ 50 ปีก่อนมาบังคับให้เด็กสมัยนี้เรียนแล้วผลักให้เขาไปทำงานกับคนอื่นที่ถูกหล่อหลอมมาด้วยหลักสูตรเดียวกันอย่างนั้นหรือ มันก็คงจะดีถ้าโลกเรามันเป็นแบบปิด แต่ไม่ใช่ โลกเราตอนนี้เป็นแบบเปิด และโลกแบบเปิดหมายถึงโลกแห่งการแข่งขันเสรี ดังนั้นความรู้แรกสุดที่พวกเราทุกคนต้องมี คือ การเรียนรู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว เราเก่งอะไรกันแน่
ทัศนคติว่าเกรดเฉลี่ยดีควรจะไปเรียนสายวิทย์ เรียนหมอนั้นควรจะถูกลบล้างไปได้แล้ว ที่คนสมัยก่อนอยากให้ลูกเรียนให้เก่ง กดดันให้อ่านหนังสือเรียนอย่างหนักนั้นผมพอจะเข้าใจได้เพราะเมื่อก่อนความมั่นคงถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา แต่ที่น่าตลกขบขันก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าพ่อแม่รุ่นใหม่สมัยนี้ที่อายุไม่เยอะ ยังพยายามบังคับให้ลูกตัวเองเรียนให้หนัก เรียนให้เก่ง ดึงเวลาในชีวิตเด็กไปลงเรียนพิเศษทั้งวัน…!!! แล้วบังคับให้ลูกเรียนในสิ่งที่พวกเขาอยากจะให้เรียน ผมมองว่านี่มันไม่ใช่ระบบการศึกษาแล้ว แต่มันคือระบบการ “ศึก” ที่บังคับให้คนอื่นต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง
ถ้าคุณไม่มีความสุขที่จะทำอะไร คุณจะทำสิ่งนั้นได้ไม่นาน
ถ้าคุณถูกบังคับให้ทำอะไรที่ไม่มีความสุข คุณจะไม่มีทางทำสิ่งนั้นได้ดีกว่าคนอื่นที่ทำแล้วมีความสุข แถมยังทำได้ไม่นานด้วย ผมเคยทำงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบอยู่หลายปีเพราะผมไม่รู้จักตัวเอง ผมเลยมองเห็นว่าความทุกข์ทรมานที่มันเกิดขึ้นจากการทำงานที่ไม่ได้รักนั้นมันบ่อนทำลายตัวตนของเรามากขนาดไหน เมื่อคุณทำงานที่ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบนานๆเข้า คุณจะกลายเป็นคนอารมณ์เสียง่าย อมทุกข์ ขาดความมั่นใจในตัวเอง และแน่นอน คุณจะมองไม่เห็นว่าอนาคตชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไรต่อไป
การเรียนรู้ในโลกยุคใหม่ที่มีการแข่งขันกันสูงมากๆ อาชีพต่างๆที่เคยมีในอดีตมันกำลังจะหายไป ดังนั้นคนที่กำลังจะโตขึ้นไปแล้วเข้าสู่โลกของการทำงานนับจากนี้จะต้องมีวิชาความรู้ด้านการปรับตัวสูงมากๆ เมื่อปี 2007 Apple ผลิต iPhone เครื่องแรกของโลกขึ้นมาขาย ตอนนั้นโลกก็เปลี่ยนแปลงไปมหาศาล แล้วมาดูตอนนี้สิครับ 10 ปีที่ผ่านมานี่อาชีพที่เคยมีมันสั่นคลอนขนาดไหนคุณก็คงจะเห็น บริษัทยักษ์ใหญ่ถูกคนธรรมดาที่เก่งกว่า มีความสามารถมากกว่าคว่ำมามากมายขนาดไหน คนตกงานกันง่ายขึ้น เรามีเทคโนโลยีที่พัฒนาชีวิตให้สุขสบายแต่กลับหาความสุขได้น้อยลง มันเกิดอะไรกับชีวิตเรา…???
จงหางานที่จะทำให้คุณตื่นขึ้นมามีความสุขเกือบทุกวัน
วิชาที่ควรมีในระบบการศึกษาไทย ก็คือ วิชาที่จะทำให้เรารู้ว่า เรามีจุดแข็งอะไร มีจุดอ่อนอะไร แล้วเน้นให้เราพัฒนาแต่จุดแข็งพอ จุดอ่อนช่างหัวมัน ถ้าคุณอยากจะกลายเป็นอัจฉริยะ คุณต้องยอมรับตัวเองให้ได้ว่าคุณห่วยอะไรแล้วมองข้ามมันไป และจงใช้เวลากับทรัพยากรทั้งหมดทุ่มเทให้กับจุดแข็งของคุณเท่านั้น งานที่คุณทำได้ดีกว่าคนอื่นคืองานที่ทำให้คุณแทบไม่ต้องไปแข่งขันกับใคร
เพราะยังไงคนอื่นก็ทำสูุ้คุณไม่ได้อยู่แล้ว แต่นั่นเเหละ การที่คุณจะเจอจุดแข็งได้มันก็ต้องออกแรงค้นหาตัวเองกันหน่อย ซึ่งการค้นหาตัวเองมันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณได้ลองทำอะไรใหม่ๆที่อยากทำ มันคุ้มค่ามากที่จะทุ่มเทค้นหา เพราะมันจะทำให้แต่ละวันที่คุณตื่นขึ้นมามีแต่เรื่องที่น่าทำทั้งนั้นเลย
วิชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิตคือความตาย และมันมักมาเร็วเกินกว่าที่ใครจะสอนเรา
ในหนังสือ The Five Secrets You Must Discover BEFORE YOU DIE ของ John Izzo Ph.D (5 ความลับที่คุณควรค้นพบก่อนตาย) ผู้เขียนเป็นคนที่ต้องทำงานใกล้กับคนสูงอายุใกล้ตาย ซึ่งคนเขียนสังเกตุว่า ทำไมบางคนตายด้วยความอิ่มเอิบ ตายด้วยความสุข ในขณะที่บางคนตายด้วยความทุกข์ทรมานและเดียวดาย เขาเลยทุ่มเทเวลาคุยกับคนเหล่านั้นก่อนที่พวกเขาจะตายและได้พบความลับ 5 ข้อที่ทำให้พวกเขาตายได้อย่างมีความสุข นั่นก็คือ
- จงซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง หมั่นถามหัวใจตัวเองว่าเราอยู่บน Way ของเราเองจริงๆหรือเปล่า เรากำลังเป็น “เรา” จริงๆใช่หรือไม่
- อะไรที่คิดว่าถ้าไม่ทำแล้วจะเสียดาย รีบทำมันซะ อย่าให้คำว่า “เสียดาย รู้อย่างงี้” เกิดขึ้นกับชีวิตคุณเด็ดขาด
- มอบความรักให้กับตัวเองและคนรอบข้าง จงแสดงออกถึงความรักที่คุณมีต่อคนรอบข้าง จงมอบความรักที่คุณมีให้กับตัวเองอย่างเต็มที่
- ฝึกสติ อยู่กับปัจจุบัน เพราะเวลามันวิ่งเร็วเหมือนกระสวยอวกาศ ทุกๆวันที่คุณตื่นขึ้นมามันเป็นของขวัญล้ำค่า จงใช้เวลาในปัจจุบันให้คุ้มเต็มที่
- เลือกที่จะเป็นผู้ให้ หมั่นมอบความสุขให้กับคนอื่น ช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่หัวใจของคุณมันไหว
ผมมาเข้าใจตัวเอง ในวันที่แม่ของผมเกือบจากไปเพราะมะเร็ง
ตอนที่แม่ของผมป่วย ผมไปโรงพยาบาลกับแม่ทุกวัน ได้เห็นสงครามระหว่างมนุษย์กับความตายจนเข้าใจชีวิตขึ้นมา แท้ที่จริงเราทุกคนล้วนมีปลายทางเดียวกันนั่นคือความตาย ในอดีตผมคิดว่าความสุขของชีวิตคืองาน เงิน ความรัก ครอบครัว แต่ปัจจุบันผมมีความคิดใหม่ ความสุขของชีวิตคือการระลึกรู้ตลอดเวลาว่าเรากำลังใช้ชีวิตที่เหมือนของขวัญล้ำค่านี้ในแบบที่เราต้องการหรือเปล่า ทุกๆครั้งที่ผมเห็นหน้าพ่อแม่ ผมจะบอกกับตัวเองเสมอว่า “ขอบคุณครับที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่” การได้เห็นหน้าคนที่เรารักเกือบทุกวันคือของขวัญที่ผมพึงพอใจอย่างมาก นี่เเหละ Way ของผม
ทุกคนในโรงพยาบาลคือครูของผม พวกเขาสอนให้ผมรู้ว่าชีวิตนั้นแสนสั้น จงอย่าทำแต่เรื่องน่าเบื่อ เพราะสุดท้ายเรื่องน่าเบื่อนั่นเเหละที่จะฆ่าเราให้ตายได้ยิ่งกว่าความตาย คนป่วยทุกคนสอนผมว่า “วิชญ์ เธอยังมีแรง มีความคิดสร้างสรรค์ เธออายุยังน้อยกว่าพวกฉันเยอะ ดังนั้น เธอจงจำไว้ วิชญ์ สิ่งที่เธอมีและมันล้ำค่ามากก็คือตัวเธอเอง เธอยังมีเวลามากพอที่จะใช้ชีวิตในแบบที่เธอต้องการ จงอย่าทำพลาดเหมือนพวกฉัน จงอย่ารอให้ความเจ็บป่วยมาเตือนเธอแล้วค่อยลงมือทำตามความฝันจริงๆ…!!!”
ผมรู้จักตัวเองตั้งแต่วันนั้น รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้ เก่งอะไร อ่อนอะไร อยากทำอะไรและไม่อยากทำอะไร ใช่ มันเป็นวิชาที่ดีและมันเป็นวิชาที่จำเป็นสำหรับโลกยุคใหม่ที่ระบบการศึกษาไทยไม่เคยมี
ขอขอบคุณที่มา:www.startyourway.com
โพสต์โดย : Wizz