Social :



อยากเป็นนายตัวเองแต่ไม่รู้จะทำอะไร VS เลยไม่ทำอะไร และวิธีที่จะได้เริ่ม

15 ก.ย. 60 07:00
อยากเป็นนายตัวเองแต่ไม่รู้จะทำอะไร VS เลยไม่ทำอะไร และวิธีที่จะได้เริ่ม

อยากเป็นนายตัวเองแต่ไม่รู้จะทำอะไร VS เลยไม่ทำอะไร และวิธีที่จะได้เริ่ม

อยากเป็นนายตัวเองแต่ไม่รู้จะทำอะไร VS 
เลยไม่ทำอะไร และวิธีที่จะได้เริ่ม




คำถามหนึ่งที่ผมได้ยินบ่อยมากที่สุด คืออยากลาออกจากงาน อยากเป็นนายตัวเองแต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไร คำถามนี้เป็นคำถามโลกแตกและได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ไม่ว่าจะเป็นยุคไหนๆก็ตาม เพราะการเป็นนายตัวเองที่ถูกต้องไม่ได้เริ่มต้นที่ “ฉันควรจะทำอะไร…???” แล้วรอคำตอบถึงจะค่อย “ลงมือทำอะไร” แต่คำถามที่ถูกต้องคือ “ฉันต้องการชีวิตยังไง…???” แล้วค่อยถามว่า “จะต้องทำอะไร”

ถ้าจะให้แนะนำว่าควรทำอาชีพอะไรดี บอกเลยครับ มีเป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสนคำตอบ คุณจะตะลึงกับความหลากหลายตั้งแต่ธุรกิจออนไลน์ยันสร้างอาณาจักรธุรกิจหลักล้าน ยิ่งถามยิ่งงงงวย ข้อมูลล้นสมอง สุดท้ายคุณก็กลายเป็นแพะท่ามกลางคำพูดของฝูงแกะ


นั่นเพราะพวกเขาเข้าใจผิดเกี่ยวกับก้าวแรกจริงๆหนะสิ

หากคุณไปถามมนุษย์เงินเดือนที่ไม่ได้เป็นนายตัวเอง พวกเขาจะเสนอการสร้างธุรกิจและตบท้ายด้วยปัญหาสารพัด ตั้งแต่ค่าใช้จ่ายที่สูงกว่ามนุษย์เงินดือน การดูแลลูกน้องอันน่าปวดหัว ลูกค้าที่พร้อมกลายเป็นยักษ์เป็นมารยิ่งกว่านายจ้าง และปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่เคยได้รับคำชื่นชมว่าดีซักปี แล้วพวกเขาก็จะแนะนำให้ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปโดยไม่ต้องทำอะไร นั่นเป็นทางเลือกที่แย่สุดๆ


ดังนั้นถ้าคุณอยากเป็นนายตัวเอง หยุดถามว่าจะทำธุรกิจอะไรดี แต่ให้ถามว่าต้องการชีวิตยังไง เช่น

ชอบคุยกับคนเยอะๆหรือไม่ชอบ
ชอบอยู่บ้านเฉยๆหรือออกจากบ้าน
ชอบแก้ไขปัญหาหรือไม่ชอบยุ่งกับปัญหา
ชอบเก็บเงินด้วยมือหรือโอนเข้าบัญชีธนาคาร
ชอบเดินทางหรือปักหลักอยู่กับที่
ชอบปกครองคนหรือไม่ เป็นต้น

เมื่อคุณสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ ออกแบบไลฟ์สไตล์ที่ชอบในความคิดจนสำเร็จ ให้หาธุรกิจที่จะสามารถเนรมิตชีวิตแบบนั้นได้แล้วลงมือทำโดยไม่ต้องสนใจว่าจะทำอะไร แล้วจงหาข้อมูลว่ามีนายตัวเองสายอะไรในโลกใบนี้บ้างที่ออกแบบธุรกิจแล้วได้ชีวิตแบบที่คุณต้องการ

ยกตัวอย่างเช่น

ผมไม่ชอบการทำธุรกิจแบบต้องพบปะผู้คน ไม่ชอบตากอากาศท่ามกลางสภาพแปรปรวน ชอบสันโดษ ไม่ชอบแก้ไขปัญหา ไม่ชอบการลงทุน ไม่ชอบการปกครองคน ชอบอยู่กับบ้านนั่งชิลๆสบายๆ ชอบเป็นอิสระไม่มีเรื่องสถานที่มาเกี่ยวข้อง
Lif
ชอบอยู่เฉยๆอ่านหนังสือ ชอบคิด สร้างสรรค์ผลงานมากกว่ารอรับคำสั่ง ชอบอะไรที่ไม่ต้องใช้เวลาผูกผันยาวนาน ชอบแสดงออกตามความคิดของตัวเอง อยากจะมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากๆ (ผมลาออกเพราะแม่เป็นมะเร็ง) ไม่ต้องออกไปเจอรถติดไม่ว่าจะเช้าหรือเย็น

เมื่อมาคิดดังนี้แล้ว ผมจึงไม่สามารถทำธุรกิจค้าๆขายๆได้ ไม่สามารถเปิดร้านค้าที่จะต้องดูแลได้ ไม่สามารถประกอบอาชีพที่ต้องจ่ายเงินเดือนแล้วรับผิดชอบชีวิตลูกน้องได้ ไม่สามารถทำธุรกิจที่มีการเดินทางได้ ดังนั้นโจทย์เรื่องการเป็นนายตัวเองของผมจะง่ายดายมากยิ่งขึ้น เพราะมีเงื่อนไขขึ้นมา ผมจึงเลือกเป็นนายตัวเองสายออนไลน์ 100% เพื่อให้ได้ไลฟ์สไตล์อย่างที่ตัวเองต้องการ

ถ้าคุณอยากรู้ว่าตัวเองต้องการไลฟ์สไตล์อย่างไร ให้ทดลองด้วยการใช้ชีวิตแบบนั้น เช่น ถ้าอยากกลับบ้านนอกปลูกผัก แนะนำให้ลาออกจากงานเลย 1 เดือนแล้วไปใช้ชีวิตแบบนั้น ถ้าอยากไปท่องเที่ยวรอบโลก ให้ซื้อตั๋วเครื่องบินไปประเทศแรกได้แล้ว หากเป็นความฝันที่โดนใจ อาการเสพติดจะทำให้คุณกดดันตัวเองเพื่อให้ได้ชีวิตแบบนั้นอีกครั้ง ทำเลยครับ จะได้รู้ว่าสิ่งที่คุณฝันนั้นเป็นของแท้หรือของเทียม

เมื่อเจอชีวิตแบบที่ตัวเองอยากได้ ผมแนะนำให้เลียนแบบคนที่สามารถได้ชีวิตแบบที่คุณต้องการด้วยการหา

แล้วมีใครในโลกใบนี้บ้างที่สามารถสร้างรายได้พร้อมกับอิสรภาพ ถ้าจะเอาแบบระดับโลกมันก็สามารถยกตัวอย่างได้ แต่มันค่อนข้างยากที่จะไปถึง ลองฟังเรื่องราวที่ผมโพสในกลุ่มของ Startyourway แล้วกันครับ


ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเขาเป็นใคร ใช้วิธีอะไร และสินค้าของเขาคืออะไร แต่ทุกคนที่ได้ไปในงานรู้หมดเลยว่าเขาทำได้ยังไง

นี่คือข้อแตกต่างของคนที่นั่งอยู่บ้านหาความรู้ผ่านหน้าคอมกับคนที่ออกจากบ้านหาความรู้ผ่านการพูดคุย

ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเขาทำอาชีพอะไร แต่ต้องการยืนยันว่าบนโลกใบนี้มีตัวจริงมากมายที่ประสบความสำเร็จในการออกแบบไลฟ์สไตล์แต่ไม่ได้มีชื่อเสียง ผมไม่อยากให้คุณเสียเงินสัมมนาเพราะความรู้ที่ได้จากงานส่วนใหญ่เป็นความรู้ที่คนร่วมห้องเรียนของคุณได้เหมือนกัน ผมอยากให้คุณควานหาตัวจริงที่เขาอยากเล่าแต่ไม่มีคนฟังให้เจอ


เยี่ยม คำถามนี้พัฒนาขึ้นมากหากเทียบกับคำถาม “ฉันจะทำอะไรดี” นั่นก็คือคุณจะต้องเลิกเก่งด้วย Google..!!! ใช่ครับ ผมหมายถึงออกจากบ้านจริงๆและไปยังที่ที่มีคนที่ปรารถนาปลายทางแบบเดียวกับคุณสิงอยู่ ผมไม่แนะนำให้ไปงานสัมมนาเพราะมันมีค่าใช้จ่ายแพงแถมไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ได้ แต่จงไปยังที่ๆคุณสามารถหาตัวจริงที่ยอมเล่าฟรีๆได้ ผมเขียนไว้ใน E-book มนุษย์เป็นสัตว์ไม่กินเงินเดือน แล้วนั่นคือให้ลองเริ่มจากถามแม่ค้าข้างถนนก่อน เอาง่ายๆแค่นี้เเหละครับ

เจอตัวจริงที่ไม่มีชื่อเสียงบ่อยๆ นั่นเเหละคือก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง





ขอขอบคุณที่มา:www.startyourway.com

โพสต์โดย : Wizz