ศาลากลางน้ำวัดบางพลีใหญ่กลาง ระหว่างที่จะเดินตรงไปตามทางเดินถึงวิหารพระนอนที่อยู่ตรงหน้า พอดีเห็นศาลากลางน้ำของวัด เป็นวิวที่สวยดีก็เลยเดินมาแวะเก็บภาพกันก่อน ริมสระน้ำขนาดใหญ่นี้มีชาวบ้านเดินทางมาใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เลี้ยงอาหารปลากันเยอะ โดยเฉพาะบริเวณร่มไม้ใกล้วิหาร
ทางเดินหน้ามหาวิหาร เป็นลักษณะหลังคาคลุมทางเดินช่วงสั้นๆ ตรงไปยังบันไดหน้ามหาวิหารพระนอน เราสามารถบูชาดอกไม้ธูปเทียนที่ทางวัดเตรียมไว้ให้ได้ที่นี่ บริเวณนี้ยังมีนกมีอาหารปลาขายด้วย
จุดธูปเทียนไหว้พระนอนหน้ามหาวิหาร ด้านหน้ามหาวิหารพระนอนใหญ่มีช่องประตูทางเข้าด้านหน้า 2 ช่อง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพรตรงกลางระหว่างช่องประตู สมส่วนกับขนาดของมหาวิหารที่ใหญ่โต ด้านหน้ามหาวิหารนี้มีคาถาบูชาองค์พระนอนองค์ใหญ่ไว้ให้ หลังจากจุดธูปเทียนไหว้พระแล้วก็เข้าไปภายในมหาวิหาร
ภายในพระนอนวัดบางพลีใหญ่กลาง ตอนนี้ผมก็จะพาเดินเข้ามาชมภายในองค์พระนอน ทางเข้าที่อยู่ด้านหลังขององค์พระ มีดอกไม้ธูปเทียนจัดไว้ให้ เราบูชาเอาตามศรัทธาแล้วเดินเข้าภายใน สำหรับการเช้ามาสักการะบูชากราบไหว้หัวใจพระนอนวัดบางพลีใหญ่กลาง จะปิดเวลา 16.30 น. เท่านั้น เมื่อเดินเข้ามาแล้วก็รู้สึกประหลาดใจมากกับสิ่งที่ได้เห็น ภาพบนซ้ายเป็นชั้นแรก มีประตูแบ่งเป็นห้องต่างๆ หลายห้อง พอเลี้ยวขวาก็จะเป็นบันไดเดินขึ้นชั้น 2 ในภาพบนขวา ขึ้นบันไดแล้วก็จะเป็นอย่างในภาพล่างซ้าย ที่เราเห็นในองค์พระนอนก็จะเป็นเสาเรียงรายกันอยู่หลายเสา ก็เป็นอันเข้าใจว่าการสร้างพระโดยมีภายในองค์พระเป็นเหมือนอาคารจะวางเสาเรียงเท่ากันเป็นระเบียบเหมือนกับการสร้างอาคารทั่วไปคงไม่ได้ ในองค์พระนอนจึงมีเสาอยู่ทั่วไป และค่อนข้างถี่ อีกด้านหนึ่งก็เป็นอย่างในภาพล่างขวา เราจะเห็นทางเดินยาวมีเสาเรียงคู่กันไปลึกมาก เป็นการเดินในองค์พระพุทธรูปอย่างไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน ทางเดินบนชั้น 2 ไปสุดอยู่บริเวณพระบาทขององค์พระ ทางเดินยาวๆ ก็เป็นส่วน พระอุรุ (ต้นขา) พระชานุ (หัวเข่า) ลงไปเรื่อยๆ จนถึงพระชงฆ์ (แข้ง) และพระบาท ซึ่งช่วงพระบาทจะเป็นภาพเขียนเรื่องราวของนรกและการกระทำชั่ว
ภายในพระนอนวัดบางพลีใหญ่กลาง ภาพบนซ้ายยังคงเป็นบริเวณชั้น 2 ซึ่งผมลองเดินไปจนสุดทางเดินแล้วเดินกลับเพื่อขึ้นบันไดไปชั้น 3 ส่วนอีก 3 รูปเป็นบริเวณทางเดินบนชั้น 3 ซึ่งจะมีภาพเขียนขนาดใหญ่ตามผนัง มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ตามจุดต่างๆ หลายจุด ส่วนพื้นที่ที่ยังเห็นว่างอยู่ ทั้งบนเสา และขื่อ คาน ต่างๆ นั้น ทางวัดยังคงดำเนินการเขียนภาพให้เต็มพื้นที่ต่อไป โดยรับบริจาคจากประชาชนที่ศรัทธาจะเป็นเจ้าของภาพเขียนแต่ละภาพ ซึ่งราคาไม่แพง เพราะเป็นภาพเขียนขนาดเล็กๆ เป็นคติธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้คนเราได้ตระหนักถึงความไม่เที่ยง การทำความดี ละเว้นความชั่ว
หัวใจพระนอนวัดบางพลีใหญ่กลาง ในที่สุดก็มาถึงชั้น 4 ภายในองค์พระนอน สิ่งที่เราได้เห็นคือหัวใจพระนอนที่ประชาชนเดินทางมาปิดทองจนเหลืองอร่ามไปทั่ว บนชั้น 4 นี้ มีพื้นที่บริเวณอยู่น้อย มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ที่ผนังด้านต่างๆ รอบบริเวณ หัวใจพระนอน สมเด็จพระศากยมุณีศรีสุเมธบพิตร เมื่อครั้งก่อสร้างได้มีการฝังเพชรนิลจินดา ทองคำ วัตถุมงคลของมีค่า ต่างๆ ตามความเชื่อของชาวพุทธ
สุดทางเดินในองค์พระนอน นี่ก็เป็นภาพก่อนที่จะออกจากองค์พระนอนวัดบางพลีใหญ่กลาง จะเห็นว่าเสาสองต้นมีภาพเปรตนรก มีช่องทางเดินตรงกลางไม่กว้างนักเพราะทางเดินบริเวณนี้เป็นภายในช่วงพระบาทขององค์พระนอน จบจากตรงนี้แล้วก็เดินกลับลงมาที่ทางออกหลังมหาวิหารพระนอนใหญ่
ระเบียงคดอุโบสถ ด้านหลังของมหาวิหารพระนอนองค์ใหญ่ติดกับระเบียงคดรอบโบสถ์วัดบางพลีใหญ่กลาง (ระเบียงคดคือการเรียกสิ่งก่อสร้างที่คล้ายกำแพง แต่มีการสร้างทางเดินมีหลังคาคลุม มักจะสร้างล้อมรอบอุโบสถหรือวิหารของวัด) ระเบียงคดแห่งนี้มีสิ่งที่แปลกกว่าระเบียงคดของวัดอื่นๆ คือ ที่เคยเห็นวัดอื่นๆ จะประดิษฐานพระพุทธรูปรอบๆ ระเบียงคด ซึ่งจะนิยมพระพุทธรูปปางมารวิชัย หรือ ปางสมาธิ แต่ที่วัดบางพลีใหญ่กลาง จะเป็นพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่ อยู่ที่ระเบียงคดทิศใต้ ส่วนด้านอื่นๆ มีรูปพระเรียงรายจำนวนมาก แต่ละองค์มีนามติดอยู่ตรงส่วนฐาน ดูลักษณะเป็นพระสาวกผมก็เดาเอาว่าน่าจะเป็นพระอรหันต์ที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล
อุโบสถวัดบางพลีใหญ่กลาง ดูรอบๆ ระเบียงคดกันพอสมควรแล้ว ตอนนี้เราก็มาตรงกลางพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยระเบียงคด นั่นก็คือโบสถ์ที่มีความสวยงามตระการตา สร้างและตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นสีทองทั้งหลัง ทั้งด้านหน้าและด้านหลังมีบันไดนาคเดินขึ้นไปยังประตูโบสถ์ทั้ง 2 ด้าน ด้านหน้าโบสถ์หันไปทางคลองสำโรงตามลักษณะของผังวัดตั้งแต่สมัยที่ยังใช้การเดินทางโดยทางเรือ จากตรงนี้เราจะมองเห็นยอดพระมหาเจดีย์อยู่ไม่ไกลมากนัก เป็นมหาเจดีย์ที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
อุโบสถวัดบางพลีใหญ่กลาง จากด้านหลังเดินอ้อมมาด้านหน้า ตอนนี้ผมก็จะเข้าไปในโบสถ์ไหว้พระก่อนที่จะไปส่วนอื่นๆ กันต่อ
หลวงพ่อสูรย์หรือหลวงพ่อสุริยะ เป็นพระประธานในอุโบสถวัดบางพลีใหญ่กลาง เดิมอุโบสถหลังนี้เป็นอุโบสถชั้นเดียวแบบทรงไทยประดับกระจกบางส่วน มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ พื้นภายในบุด้วยหินจากประเทศจีน และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญคือหลวงพ่อสูรย์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ทางวัดได้ยกระดับพระอุโบสถให้สูงลอยขึ้นทั้งหลัง ทำให้สามารถเดินลอดพระอุโบสถได้
จิตรกรรมอุโบสถวัดบางพลีใหญ่กลาง
บานประตูหน้าต่างอุโบสถ หลังจากสักการะบูชาไหว้หลวงพ่อสูรย์เห็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง สีสันสดใส บานประตูหน้าต่างไม้เนื้อแข็งแกะสลักลวดลายสวยงามทุกบาน ก็เลยเก็บภาพมาให้ชมกันนี่ละครับ
ลอดโบสถ์ คราวนี้ก็ได้เวลาในการเดินลอดอุโบสถเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วครับ ใต้โบสถ์ของวัดบางพลีใหญ่กลางมีลูกนิมิตลูกเอกอยู่ ก่อนที่จะลงไปก็ไปทำบุญดอกไม้ธูปเทียน ยืนตั้งจิตอธิษฐาน โดยที่หน้าช่องประตูสำหรับลอดโบสถ์จะมีป้ายบอกไว้ว่าควรจะอธิษฐานแบบไหนว่าอย่างไร อธิษฐานเสร็จแล้วก็เดินลงไปตามลูกศรตรงช่องประตูเล็กๆ ข้างโบสถ์
ลอดโบสถ์วัดบางพลีใหญ่กลาง เดินลงบันไดมาไม่กี่ขั้น ในที่สุดเราก็จะมายืนอยู่กลางโบสถ์ ผนังก็มีภาพจิตรกรรม ทางเดินใต้โบสถ์ดูคล้ายจะตรงออกไปยังทางออกแต่ก็มีทางแยกเล็กๆ อยู่ขวามือ
ลอดโบสถ์วัดบางพลีใหญ่กลาง และนี่ก็คือทางแยกเล็กๆ ที่อยู่ใต้โบสถ์ ที่ผนังจะเน้นภาพเขียนเรื่องราวของการกระทำความชั่วและผลที่ได้รับก็คือต้องตกอบายภูมิ หรือนรกนั่นเองครับ ขอจบเรื่องราววัดบางพลีใหญ่กลางไว้เท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวคงมีอะไรอัพเดตกันต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระมหาเจดีย์สร้างเสร็จผมก็คงได้มาที่วัดแห่งนี้อีกเป็นแน่ ว่างๆ ลองเข้าไปไหว้พระปิดทองหัวใจพระนอน แห่งเดียวในโลกกันครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก
touronthai.com