สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่ใน ตำบลเมืองปอน อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ห่างจากอำเภอขุนยวม ประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นชุมชน ชาวไทใหญ่ที่ยังคงขนบธรรมเนียม ประเพณีและวิถีชีวิตในแบบเดิมๆไว้ได้อย่างเหนียวแน่น บ้านเมืองปอน ตั้งอยู่ในหุบเขารายล้อม ด้วยทุ่งนาและป่าเขาเขียวขจี มีลำน้ำปอนเป็นสายน้ำหล่อเลี้ยงผ่านกลางแอ่งทางด้านทิศตะวันออกของชุมชน นักท่องเที่ยวสามารถ เดินชมรอบหมู่บ้าน ชื่นชมกับความงามของสถาปัตยกรรมบ้านไม้ หลังคามุงด้วยใบตองตึงซึ่งเป็นทรัพยากรนำมาจากป่าชาวไทใหญ่ ยังใช้พื้นที่สวนรอบบ้าน เป็นที่ปลูกผักกินได้ สมุนไพรและเลี้ยงสัตว์ ประกอบอาชีพทำนาเพาะปลูก ทำไร่ทำสวน ปลูกพืชผักในที่นา ยามเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว เช่น หอม กระเทียม ถั่วเหลือง ฯลฯ รวมถึงเยี่ยมชมบ้านภูมิปัญญาต่าง ๆ การเรียนรู้งาน หัตถกรรม ด้วยการลงมือทำ อาทิ การจักสาน การทำเชือกหมวก และการตอกลาย บ้านเมืองปอนเปิดให้ นักท่องเที่ยวสามารถ เข้าไปเที่ยว ได้ทั้งแบบไปเช้าเย็นกลับหรือพักแบบโฮมสเตย์ร่วมกับเจ้าของบ้าน เพื่อเรียนรู้วิถีชุมชน โดยจะ แบ่งกระจายอยู่ในหมู่บ้าน ขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาในการเข้าพัก โปรแกรม เต็มรูปแบบ เอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของคนไทย ใหญ่เมืองปอน ก็คือการแต่งกายที่ยัง คงเป็นเอกลักษณ์ ถ้าในชีวิตประจำวันอาจจะไม่ได้เห็นบ่อยครั้งนัก เรียกว่า เสื้อไต ซึ่งมีหลาก หลายรูปแบบมีการ ปรับเปลี่ยนรูปทรง ให้ทันสมัยกับยุคสมัยบางก็มี สีสันที่ดูแปลกตาไปก็มีให้เห็นบ้าง โดยสตรีชาวเมืองปอนแทบ ทุกหลังคาเรือนจะมีความสามารถในด้าน การทำเสื้อไต เช่น การเข้าตัว การฉลุลายเสื้อ การเย็บติดกระดุม
จุดท่องเที่ยวเด่นในหมู่บ้าน
วัดเมืองปอน
มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยใหญ่วิหาร,กุฏิ,และศาลาการเปรียญรวมหลังเดียวกันเป็นหลังคาไม้หลังคาซ้อนแบบยกคอสองชั้น และมีชายคาสามตอนหรือที่เรียกว่า สองคอสามชาย เฉพาะวิหารมีหลังคาผสมระหว่างหลังคาซ้อนแบบยอดประสาทประดับตกแต่ง ด้วยไม้หรือโลหะฉลุลาย ในศาลาการเปรียญ จะมีองค์ประกอบ 3 ส่วนใหญ่ๆ หอพระ หรือจองพระ กุฏิ หรือจองสละ เฉลียง หรือจองตาน หรือจองอะเมีย เป็นที่ต้อนรับพระสงฆ์
ศาลเจ้าเมือง
ศาลเจ้าเมือง ตั้งอยู่นอกกำแพงวัดเมืองปอน ทางด้านทิศตะวันออกของวัดจะเป็นรูปสัญลักษณ์ทำด้วยไม้ ชาวบ้านมีความเชื่อว่า ศาลเจ้าเมืองได้ตั้งขึ้นพร้อมๆศาลหลักเมืองและท้าวทั้งห้าซึ่งชาวบ้านมีความเชื่อว่าศาลเจ้าเมืองและท้าวทั้งห้าเป็นผู้ที่ดูแลปกป้องคุ้มครอง จากภัยอันตรายต่างที่จะเกิด ชาวบ้าน จึงมีความเชื่อว่าการตั้งหมู่บ้านที่ใดต้องมีการตั้งศาลเจ้าเมืองและท้าวทั้งห้า ชาวบ้านจะมี การสรงน้ำ ช่วงเดือนเมษายน ภายหลังสงกรานต์ และทำความสะอาด ทั้งภายในศาลเจ้า และบริเวณโดยรอบ เพื่อเป็นสิริมงคลของ ทุกครัวเรือน การทำความสะอาดจากภายในศาลเจ้า จะเป็นหน้าที่ของผู้ชายเท่านั้น และเป็นข้อห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้าไปภายในศาลเจ้า ชาวบ้านยังมีความเชื่อว่าก่อนออกเดินทางไกลไปต่างแดนหรือการไปติดงานหรือการไปสอบแข่งขันใดๆก็จะมีการมาบอกกล่าว แล้วนำเอาดินในบริเวณศาลเจ้าเมืองไปด้วยเพื่อเป็นสิริมงคลและอีกหนึ่งความเชื่อคือเมื่อมีของหายก็จะมีการมาบนบานบอกกล่าว ให้หายของนั้นให้เจอ
ตลาดเช้า
ยามตีสี่ถึงฟ้าสางก่อนหกโมงเช้า ชาวบ้านจะมาขายและซื้อของที่ตลาดไม่เว้นแม้แต่วันพระหรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ที่ตลาดจะมี อาหารสดที่มาจาก การผลิตในชุมชน อาทิ พืชผักต่างๆ เนื้อหมู เนื้อไก่ อาหารปรุงสุก ทั้งคาวและหวาน ซึ่งจะเป็นอาหารของ ชาวไทใหญ่เป็นหลัก อาหารที่ผ่านการถนอม เช่น ของหมัก ของดอง ของแช่อิ่ม ของตากแห้ง ซึ่งมาจากภูมิปัญญาในการยืดอาย ุอาหารที่มีอยู่ ให้สามารถจัดเก็บไว้ได้นานโดยไม่บูดเน่า
นาข้าวภายในหมู่บ้าน
บ้านเมืองปอนรายล้อมด้วยนาข้าวเขียวขจีซึ่งปลูกไว้หลังหมู่บ้านนักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมความงดงามนี้ได้ในช่วงฤดูทำนา ตั้งแต่เดือนกันยายน – ตุลาคม
รายละเอียดเพิ่มเติม
รายการท่องเที่ยววันเดียว
เที่ยวชมสัมผัสวัฒนธรรมไทยใหญ่ ผ่านกิจกรรมฐานเรียนรู้ 4 ฐานคือ วัด, กลุ่มแปรรูป, กลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่น และจักสาน
รายการท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน
เที่ยวชมสัมผัสวัฒนธรรมไทยใหญ่ ผ่านกิจกรรมฐานเรียนรู้ 4 ฐานคือ วัด, กลุ่มแปรรูป, กลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่น และจักสาน พักโฮมสเตย์ 1 คืน สัมผัสวิถีชีวิตที่ตลาดเช้าบ้านเมืองปอน และวัดดอยกองมู
โฮมสเตย์บ้านเมืองปอน อัตราการเข้าพักคนละ 450 บาท บริการอาหาร 2 มื้อ ค่านำเที่ยว 200 บาท/ผู้นำเที่ยว 1 คน/วัน
แนะนำให้ติดต่อล่วงหน้าเพื่อที่คนพื้นที่จะได้แนะนำได้ว่าควรไปเดินเที่ยวตรงจุดใดบ้าง รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ภายในชุมชนที่น่าสนใจ
เส้นทางการเดินทาง
จากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 มุ่งหน้าไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองปอน ผ่านบ่อน้ำพุร้อนบ้านหนองแห้ง ตรงไป ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร ก็จะพบโฮมสเตย์บ้านเมืองปอน