Social :



เคล็ดลับ! เผยวิธีล้างอาถรรพ์มนตร์ดำ ณ วัดระฆัง

16 ก.ย. 61 11:09
เคล็ดลับ! เผยวิธีล้างอาถรรพ์มนตร์ดำ ณ วัดระฆัง

เคล็ดลับ! เผยวิธีล้างอาถรรพ์มนตร์ดำ ณ วัดระฆัง

วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร หรือ วัดระฆัง , วัดหลวงพ่อโต วัดแห่งนี้เดิมเป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อ วัดบางว้าใหญ่ (หรือบางหว้าใหญ่) ในสมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสร้างพระราชวังใกล้วัดบางว้าใหญ่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ และยกขึ้นเป็นพระอารามหลวง และเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชในสมัยรัตนโกสินทร์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ประชุมสังคายนาพระไตรปิฎก ซึ่งอัญเชิญมาจากนครศรีธรรมราชขึ้นที่วัดนี้






ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 วัดบางว้าใหญ่อยู่ในพระอุปถัมภ์ของเจ้านายวังหลัง คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี (สา) พระเชษฐภคินีของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเป็นพระชนนีของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ทรงมีตำหนักที่ประทับอยู่ติดกับวัด ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดร่วมกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และได้ขุดพบระฆังลูกหนึ่ง ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปไว้ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงสร้างระฆังชดเชยให้วัดบางว้าใหญ่ 5 ลูก

นอกจากนี้ วัดระฆังโฆษิตาราม เป็นที่สถิตของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ตั้งแต่ครั้งที่ท่านยังเป็นสามเณรมาเล่าเรียนหนังสือ ตราบจนกระทั่งมีสมณศักดิ์เป็น สมเด็จพระพุฒาจารย์ องค์ที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
Lif
ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มาครองวัดระฆังอีก ฉะนั้นวัดระฆังโฆษิตารามจึงนับว่าเป็นสถานที่สำคัญยิ่ง


ผู้ที่เคารพเลื่อมใสในสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) ก็มักจะเดินทางมาสู่วัดระฆังฯ เพื่อกราบนมัสการรูปหล่อเหมือนที่ประดิษฐานอยู่ ณ พระวิหารสมเด็จฯ พร้อมทั้งแวะไปที่บริเวณกุฏิเก่าของท่าน ซึ่งยังมีโอ่งน้ำมนต์สมเด็จฯเหลืออยู่ที่วัดระฆังโฆษิตาราม จึงเป็นพระอารามสำคัญที่ผู้คนสนใจตามรอยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)


โดยน้ำมนต์ดังกล่าวได้สืบทอดต่อเนื่องมาจากเชื้อน้ำมนต์ที่ทำขึ้นตั้งแต่ครั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ยังมีชีวิตอยู่ ว่ากันว่าเมื่อครั้งที่เจ้าประคุณสมเด็จยังมีชีวิตอยู่นั้น ได้ตั้งบาตรน้ำมนต์ไว้ที่หน้าพระเป็นประจำ ดังนั้นพลังอำนาจจิตในขณะที่เจ้าประคุณสมเด็จแผ่พลังจิตหลังจากการทำสมาธิหรือการสวดมนต์ไหว้พระประจำวัน หรือแม้ในการปลุกเสกพระสมเด็จ จึงแผ่ไปถึงน้ำมนต์ในบาตรนั้นด้วย ผู้คนในยุคนั้นเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยหรือต้องการขอความเป็นสิริมงคลประการใด ก็ได้อาศัยน้ำมนต์ดังกล่าวนี้เป็นที่พึ่งตลอดมาจวบจนปัจจุบัน

น้ำมนต์นี้จึงถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งประจำวัดระฆังโฆสิตาราม หากชาวบ้านถูกมนตร์ดำ คุณไสย ถึงประสบเหตุเภทภัย เจ็บป่วย ไม่อาจแก้ไขได้ ก็ได้อาศัยความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำมนต์สมเด็จนี้ช่วยคลี่คลายเป็นที่พึ่งพาทางใจ และช่วยขจัดสิ่งไม่ดีต่างๆ ให้หายไปได้ และยังว่ากันว่าเป็นบาตรน้ำมนต์บาตรเดียวที่ไม่รู้จักหมดสิ้น ก็เพราะว่าเมื่อน้ำมนต์ในบาตรนั้นพร่องลงแล้วก็จะมีการเติมน้ำลงไปใหม่กลายเป็นน้ำมนต์ดังเดิม สืบทอดต่อเนื่องกันมาจนถึงทุกวันนี้



ขอบคุณข้อมูลจาก:.sanook.com/horoscope

โพสต์โดย : monnyboy