สมุทรปราการ ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทย ที่บริเวณปลายสุดของแม่น้ำเจ้าพระยา ติดชายฝั่งทางด้านเหนือของอ่าวไทย เป็นจังหวัดขนาดเล็กบริเวณชานเมืองกรุงเทพมหานคร มีชื่อเรียกอื่นๆ อีกว่า “ เมืองปากน้ำ ” และ “เมืองพระประแดง”สมุทรปราการเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สำคัญของประเทศ มีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนทำธุรกิจเป็นจำนวนมาก จึงเป็นจังหวัดที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นจำนวนมหาศาลในปัจจุบัน รวมถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอีกมากมาย
01
สถานที่ตากอากาศที่มีชื่อเสียงมาเป็นเวลานาน และเป็นสถานที่พักผ่อนของกรมพลาธิการทหารบก มีร้านอาหารและที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยว ภายในบริเวณมีธรรมชาติอันสมบูรณ์ในพื้นที่ 639 ไร่ มีสะพานที่ทอดตัวเหยียดยาวออกไปในทะเลตลอด 500 เมตร ทำให้เป็นจุดดูนกและชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแห่งหนึ่ง และนอกจากนั้นยังเป็นแหล่งชมปลาสองน้ำเพราะเป็นเขตรอยต่อของปากแม่น้ำกับ ทะเลอ่าวที่จะพบกลุ่มปลาน้ำกร่อย อย่างปลาเสือพ่นน้ำกร่อย ปลาตีน ปลากระทุงเหว
ช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนพฤษภาคม จะมีนกนางนวลอพยพหนีหนาวจากแถบไซบีเรียมาพักอาศัยในบริเวณนี้ และยังมีสถานที่พักผ่อนที่ศาลาสุขใจบริการอาหารรสชาติอร่อย และทุกวันเสาร์จะมีกิจกรรมเต้นรำ และลีลาศ ตั้งแต่เวลา 17.00-21.00 น.
การเดินทาง : ขับรถจากกรุงเทพทางถนนสุขุมวิทเข้าสมุทรปราการ เมื่อถึงตัวเมืองสมุทรปราการให้สังเกตป้าย ชลบุรี ชิดซ้าย ให้ตามเส้นทางไป จากศาลากลางจังหวัดถึงสถานตากอากาศบางปูระยะทาง ประมาณ12.27 กม. ถ้า มาทางถนนศรีนครินทร์เข้าเมืองสมุทรปราการจดสุดสาย จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิท(สายเก่า) จากจุดนั้นถึงสถานตากอากาศบางปูเป็นระยะทางประมาณ 11.10 กม. จะเห็นทางเข้าทางขวามือ (ดูภาพด้านบน) ให้ขับตรงไปเพื่อกลับรถ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 18.00 น.
~ คลิกชมภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~
02
เมืองโบราณ สถานที่ท่องเที่ยวสุดคลาสสิก ที่เปรียบดังบานประตูที่เผยออกให้เห็นถึง มรดกแห่งภูมิปัญญาไทย ด้วยสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมรูปแบบต่างๆ ผสมผสานกับงานวิจิตรศิลป์และประณีตศิลป์ การจัดวางโครงสร้างและสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่สอดคล้องและสัมพันธ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก่อให้เกิดบรรยากาศที่โน้มนำให้ผู้มาเยือนได้รับรู้และเข้าใจถึงความสืบ เนื่องของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนา ศิลปะ และขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทยในอดีตตราบจนถึงปัจจุบัน
การเดินทาง : จากกรุงเทพใช้เส้นทางด่วน ปลายทางที่สำโรง-สมุทรปราการ ถึงสามแยกสมุทรปราการ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุขุมวิท (ไปทางบางปู) ประมาณ กม. 33 เมืองโบราณจะอยู่ทางซ้ายมือ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 น. - 18.00 น.
~ คลิกชมภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~
03
ตลาดน้ำแห่งใหม่ ใกล้กรุงเทพฯ โดยเสน่ห์ของตลาดน้ำแห่งนี้ คือ วิถีชีวิตชาวบ้านริมคลอง ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมอญ และยังมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้านและอาหารที่มีชื่อเสียงของชุมชน เช่น ดอกไม้เกล็ดปลา ปั้นธูปสมุนไพร หอยทอดขนมครก และมะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเรือพายให้บริการ อัตราค่าเช่าลำละ 20 บาท และยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน และชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามของสวนผลไม้ในชุมชน โดยเช่าจักรยานในราคา 30 บาท/คัน
การเดินทาง : จากกรุงเทพใช้ทางด่วนมาลงที่ถนนสุขสวัสดิ์ เมื่อลงทางด่วน ขับมาเรื่อย ๆ จะเห็นสามแยก พระประแดง-สุขสวัสดิ์ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าตรงข้างปั๊มน้ำมัน BP พอถึงตลาด พระประแดงให้เลี้ยวซ้ายผ่านวัดทรงธรรม วรวิหาร ไปประมาณ 5 กิโลเมตร แต่ช่วงนี้เส้นทางกำลังมีการก่อสร้างทางด่วน ผิวถนนขรุขระ และเมื่อพบป้ายบอกทาง เข้าตลาดน้ำให้เลี้ยวขวาเข้ามาอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงสถานีอนามัยบางน้ำผึ้งซึ่งเป็นที่จอดรถ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดเฉพาะวันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา : 08.00 – 14.00
~ คลิกชมภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~
04
พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาศิลปวัตถุ มรดกทางวัฒนธรรมด้านต่างๆ และเพื่อสืบสานอนุรักษ์งานศิลป์ไทยให้คงอยู่สืบชั่วลูกชั่วหลานสืบไป ช้างเอราวัณหรือช้างสามเศียร เป็นประติมากรรมลอยตัวที่ใช้เทคนิคการเคาะโลหะขึ้นรูปด้วยมือเป็นแห่งแรกใน โลก ทำจากโลหะทองแดงนับแสนชิ้นแผ่นเล็กสุดขนาดเท่าฝ่ามือนำมาย่างไฟให้อ่อนตัว แล้วเคาะเรียงต่อกันด้วยความประณีต โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างจากแรงบันดาลใจ ความคิดและจินตนาการของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ผู้สร้างเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ และปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
การเดินทาง : การเดินทางรถยนต์จากกรุงเทพฯ ให้ใช้ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ผ่านแยกบางพลี ก่อนถึงแยกปากน้ำ ตั้งอยู่ซ้ายมือ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 17.00 น.
~ คลิกชมภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~
05
ตลาดคลองสวน แหล่งท่องเที่ยวสุดเก๋า ด้วยอายุมากกว่า 100 ปี ที่มีบรรยากาศในอดีตที่อบอวลด้วยมนต์เสน่ห์แห่งการซื้อขายแลกเปลี่ยน ที่นักท่องเที่ยวจะสัมผัสได้ทั้งคนท้องถิ่น ที่ยังนิยม มาจับจ่าย ใช้สอยเลือกซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันหรือจะนั่งชิมอาหารอร่อยๆ ชมบรรยากาศเก่าๆ ได้อย่างเต็มอิ่ม นอกจากนี้ที่ตลาดคลองสวนยังถูกสนับสนุน ให้ชุมชนร่วมกันอนุรักษ์บ้านเรือน รวมทั้งการดำเนินชีวิตให้คงไว้ซึ่งวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย และส่งเสริมให้ตลาดคลองสวน เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเรียนรู้ดูวิถีชีวิต รวมทั้งสิ่งปลูกสร้าง ที่ยังมีกลิ่นอายในรัชสมัยรัชกาลที่ 5
การเดินทาง : จากกรุงเทพ ฯ ใช้ถนนทางด่วนมอเตอร์เวย์ สังเกตป้ายชี้ “ ตลาดคลองสวน 100 ปี ” เลี้ยวซ้าย หรือถนนสายอ่อนนุช – ฉะเชิงเทรา ผ่านเทคโน ฯ ลาดกระบังขับตรงไปตลอด ตลาดคลองสวน 100 ปี อยู่ด้านซ้ายมือ
เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 17.00 น.
~ คลิกชมภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว
06
ตื่นเต้นและเพลิดเพลินในฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งภายในเป็นสถานเพาะเลี้ยงจระเข้ขนาดต่างๆ กว่า 40,000 ตัว มีการแสดงวิธีจับจระเข้ด้วยมือเปล่า นอกจากนี้ยังมีการแสดงของช้างแสนรู้ และเดินชมสัตว์อื่นๆ เช่น เสือ ลิงชิมแปนซี ชะนี เต่า งูเหลือม งูหลาม นก อูฐ ฮิปโป และปลาจำนวนมาก รวมถึงยังสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ซึ่งจัดแสดงกระดูกและหุ่นจำลองไดโนเสาร์ขนาดเท่าตัวจริงกว่า 13 ชนิด พร้อมการฉายสไลด์มัลติวิชั่น เรื่องของมนุษย์และสัตว์ดึกดำบรรพ์ด้วย
การเดินทาง : การเดินทางไปยังฟาร์มฯ นอกจากรถส่วนตัวแล้ว สามารถใช้บริการรถเมล์ ขสมก. สาย ปอ.8 และ ปอ.11 ซึ่งจะสุดสายที่นั้นพอดี หรือรถเมล์ธรรมดาสาย 25, 45, 102 และ 145 ไปยังสมุทรปราการแล้วต่อรถสองแถวสาย S.1 และ S.55
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น
~ คลิกชมภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~
07
ป้อมพระจุลจอมเกล้า หรือป้อมพระจุล อนุสรณ์สถานที่สร้างไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ระลึกถึงป้อมที่ทันสมัย และมีบทบาทสำคัญยิ่งในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งเป็นที่ทำการยิงต่อสู้กับอริราชศัตรูมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) โดยภายในป้อมจะประกอบไปด้วยสถานที่สำคัญและน่าสนใจมากมาย เช่น พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง, อุทยานฯ ประวัติศาสตร์ทหารเรือ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติในเชิงอนุรักษ์ที่นักท่องเที่ยว สามารถชมป่าชายเลนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนกกระยาง นกนางนวล ปลาตีน ปูลม หรือปูก้ามดาบ เป็นต้น
การเดินทาง : เริ่มต้นจากสามแยกพระประแดง ใช้เส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ (ทางหลวงหมายเลข 303) มุ่งหน้าตรงไปทางอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ถึงสามแยกพระสมุทรเจดีย์ให้เลี้ยวขวาไปจนสุดถนน ระยะทาง 12 กิโลเมตร จะถึงป้อมพระจุลจอมเกล้า
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น
~ คลิกชมภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~
08
ตลาดน้ำบางพลีถือเป็นตลาดน้ำประวัติศาสตร์ แห่งหนึ่ง มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและมี วัฒนธรรมที่ดีงามสั่งสม อยู่มากมายสมควรอนุรักษ์ฟื้นฟูให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษา โดยระยะทางเกือบหนึ่งกิโลเมตร ตลอดแนวสองฝั่งทางเดินที่ขนาน ไปกับคลองสำโรงของตลาดน้ำโบราณบางพลี ถูกจับจองจาก แม่ค้าพ่อค้าที่อาศัยอยู่มาแต่ดั้งเดิมจำหน่ายสินค้านานาชนิด ทั้งอาหารอร่อย ขนมหวาน ของใช้นานาชนิด ของตกแต่ง บ้านเรือน ของฝาก ร้านเสริมสวย ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขาย สัตว์เลี้ยง ฯลฯ
การเดินทาง : จากกรุงเทพ ฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดสมุทรปราการ ใช้ถนนสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกบางนา จากนั้นใช้ถนนบางนาตราด ขับตรงไปประมาณ 12 กิโลเมตร กลับรถเพื่อตัดเข้าถนนกิ่งแก้ว – บางพลี (ประมาณ 2 กิโลเมตร) เลี้ยวซ้ายถึงวัดบางพลีใหญ่ใน เดินเท้าอีกนิดไปที่ท้ายวัดจะถึงตัวตลาดน้ำโบราณบางพลี
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น
~ คลิกชมภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~
09
สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชต่อพม่า ต่อมาได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์ใหญ่สมัยสุโขทัยปางมารวิชัยลืมเนตร หน้าตักกว้าง 3 ศอก 1 คืบ เนื้อเป็นทองสัมฤทธิ์เป็นพระประธานในโบสถ์ เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนโดยทั่วไปนาม หลวงพ่อโต วัดนี้จึงมีชื่อว่า วัดหลวงพ่อโต ชาวบางพลีได้อัญเชิญหลวงพ่อโตจำลองลงเรือ ในพิธีโยนบัวหรือรับบัวทุกปี ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 และใกล้ ๆ กับวัดมีตลาดริมน้ำโบราณให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมและเลือกซื้อมีทั้งอาหาร และของใช้ต่างๆ
การเดินทาง : จากแยกบางนาใช้เส้นทางถนนบางนา-ตราด มุ่งหน้าไปทางจังหวัดชลบุรีถึงกิโลเมตรที่ 12 ให้กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางถนนบางพลี-กิ่งแก้ว ประมาณ 3.5 กิโลเมตร จะพบสี่แยกเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขาภิบาล 6 ทางเข้าเทศบาลตำบลบางพลี 200 เมตร จะถึงวัดบางพลีใหญ่ใน
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น
~ คลิกชมภาพเพิ่มเติม และอ่านรีวิว ~
10
พิพิธภัณฑ์ที่รวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกองทัพเรือไทย อาวุธยุทโธปกรณ์ อุปกรณ์ทุกประเภทที่ใช้ในกิจการกองทัพเรือ ทั้งเรือรบจำลองของไทยตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์จนถึงปัจจุบัน เรือดำน้ำรุ่นแรกและรุ่นเดียวของราชนาวีไทย และยุทธนาวีครั้งสำคัญ ๆ
แบ่งเป็น 2 อาคาร คือ อาคาร 1 จัดเป็นห้องเทิดพระเกียรติพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดม ศักดิ์ องค์พระบิดาของทหารเรือไทย และห้องจัดแสดงเครื่องแบบต่าง ๆ ของทหารเรือไทย อาคาร 2 ชั้นล่างจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ชั้น 2 จัดแสดงเกี่ยวกับเรือพระราชพิธีชั้น 3 เป็นการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ หมุนเวียนตามช่วงเวลาและเหตุการณ์สำคัญ เช่น ยุทธนาวีที่เกาะช้าง สงครามเอเชียมหาบูรพา วีรกรรมที่ดอนน้อย เรือดำน้ำแห่งราชนาวี และการปฏิบัติการของทหารนาวิกโยธิน เป็นต้น
การเดินทาง : ตั้งอยู่ถนนสุขุมวิท ตำบลปากน้ำ ตรงข้ามกับโรงเรียนนายเรือ จากแยกบางนาไปสำโรงประมาณ 10 กิโลเมตร
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น