ปฏิเสธพบพ่อ! ตร.ไม่ส่งสาวซาอุกลับปท.รอส่งลี้ภัยปท.ที่3

ผู้บัญชาการตำรวจคนเข้าเมือ ง เผย "ราฮาฟ" สาวซาอุดิอาระเบีย หนีแต่งงานเข้าไทย ปฏิเสธพบพ่อ คาดลี้ภัยไปประเทศที่สามภายใน 2-3 วันนี้

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เปิดเผยถึงกรณี ที่ทางการไทยได้จับกักตัว นางสาวราฮาฟ หญิงสาวที่หลบหนีจากประเทศมารอต่อเครื่องในประเทศไทยเพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศออสเตรเลีย ว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR ได้เข้ามาทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ นางสาวราฮาฟ โมฮัมเหม็ด เอ็ม อัลคูนัน อายุ 18 ปี สาวชาวซาอุดิอาระเบีย ที่หนีการแต่งงาน โดยเมื่อวานที่ผ่านมา บิดาและพี่ชายของนางสาวราฮาฟ ได้เดินทางมาที่ประเทศไทย เพื่อต้องการจะพูดคุยทำความเข้าใจ แต่ทางนางสาวราฮาฟ ไม่อนุญาตให้บิดาและพี่ชายเข้าพบ และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บิดาของนางสาวราฮาฟ ได้เข้าพบกงสุลใหญ่ UNHCR เนื่องจาก ขณะนี้ เป็นห่วงบุตรสาวที่อยู่ในความดูแลของ UNHCR พร้อมเตรียมเดินทางกลับประเทศซาอุดิอาระเบียในวันนี้

ส่วนนางสาวราฮาฟ ปัจจุบัน ยังอยู่ในขั้นตอนการสัมภาษณ์ และหาประเทศที่ 3 ซึ่งขณะนี้มีบางประเทศเสนอตัวมาแล้ว นอกจากนี้ อาจจะมีการดิดต่อไป ตามคำขอของเจ้าตัว คาดว่าภายใน 2-3 วันนี้ นางสาวราฮาฟฯ จะได้ลี้ภัยไปประเทศที่สามตามประสงค์ แต่ยังไม่สามารถยืนยันประเทศปลายทางได้

ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ย้ำว่า อุปทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทยได้แสดงความเชื่อมั่นการทำงานของตำรวจไทย ที่ยึดหลักความปลอดภัยของนางสาวราฮาฟ เป็นสำคัญ ซึ่งตำรวจและอุปทูตฯ เข้าใจตรงกันว่า เป็นเรื่องในครองครัว ต้องจบในครอบครัว และเป็นเรื่องของนางสาวราฮาฟ ที่ต้องการให้ UNHCR ดูแล ไม่ใช่ปัญหาระหว่างประเทศ หรือการลี้ภัยทางการเมือง ส่วนกรณีที่มีเผยแพร่คลิปการสนทนาแสดงข้อคิดเห็นเรื่องการตรวจยึดโทรศัพท์นางสาวราฮาฟ ระหว่างถูกควบคุมตัว ยืนยันว่า ตำรวจไม่มีอำนาจในการตรวจยึด เนื่องจาก ไม่ใช่ของกลางในการกระทำผิด และเป็นสิทธิส่วนบุคคล

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า จะมีหนังสือแจ้งเตือนไปยังสายการบินคูเวต พร้อมเตรียมพิจารณาปรับปรุงกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง ที่ใช้มานานกว่า 40 ปี โดยจะเพิ่มบทลงโทษสายการบิน กรณีไม่มีการตรวจสอบเอกสาร ตั๋วเครื่องเที่ยวกลับของผู้โดยสารให้ชัดเจน จนเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก:.innnews.