วิธีการปลูก และดูแล ข่าตาแดง แบบปลอดสารพิษ
วิธีการปลูก และดูแล ข่าตาแดง แบบปลอดสารพิษ
ข่าเป็นพืชผักสมุนไพรมีมีประโยชน์ในทางโภชนาการ ซึ่งนำมาปรุงอาหารและทำน้ำพริกแกง ได้หลายชนิดมีคุณสมบัติใช้ป้องกันโรคระบบทางเดินอาหาร ผสมกับพืชอื่นกำจัดโรคผิวหนังได้ เช่น หิด เกลื้อน และนอกนั้นยังมีประโยชน์ในทางนำมาใช้ในการไล่แมลงได้ดีอีก การปลูกข่าเป็นรายได้เสริมโดยจำหน่ายหน่ออ่อนเพื่อนำไปต้มรับประทานเป็นกับข้าวซึ่งแทนที่จะขายหัวเพื่อทำเครื่องแกง
การเตรียมดินและการปลูก : ดินที่ปลูกเป็นดินร่วนปนทราย ใช้จอบขุดเป็นหลุมใส่ปุ๋ยคอก 1 กำมือ ผสม EM และสารพด.2 ต่อหลุมโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมี หัวที่ใช้ปลูกต้องไม่แก่จัด ปลูกในฤดูฝนใช้เวลาเพียง 4-6 วันก็จะเห็นการต่อยอดจากรอยตัดต้นและการแทงหน่อจากหัวที่ฝังอยู่ใต้ดิน การปลูก : จะปลูก 1,600 หลุม/เนื้อที่ 1 ไร่ โดยระยะห่างระหว่างแถวกับระยะห่างระหว่างต้นเท่ากับ 1:1 เมตร ความก้างและความลึกของหลุมเท่ากับ 50 การให้น้ำ : จะให้โดยการปล่อยน้ำเข้าแปลง ให้น้ำขังในแปลงแล้วน้ำจะค่อยๆซึมลงดิน ให้น้ำอาทิตย์ละ 2 ครั้งก็สามารถเจริญเติบโตได้ การดูแลรักษา
: มีการใส่ปุ๋ยคอกเป็นบางครั้งหลังจากที่ขุดหน่อขึ้นมาจำหน่ายโดยดูจากความเจริญเติบโตหรือจากการสังเกตขนาดและความสมบูรณ์ของหน่อ ในฤดูแล้งจะมีการให้น้ำบ้างโดยจะไม่ให้มากจนแฉะเพราะจะทำให้ชะงักการเจริญเติบโตและไม่แตกหน่อหรืออาจทำให้เน่าได้
ระยะเวลาในการปลูก :
ปลูกประมาณ 6 เดือนก็สามารถเก็บผลผลิตได้
การเก็บผลผลิต :
ข่าที่ปลูกจะออกหน่อทางด้านข้างเป็นส่วนใหญ่ ส่วนกลางกอจะออกเพียงเล็กน้อย ถ้ามีการขุดหน่อจะออกมาก การขุดจะเหลือหน่อไว้ให้เป็นต้นบ้างโดยประมาณ 10 หน่อเหลือไว้ 2 หน่อให้เป็นต้นต่อไป หน่อที่ขุดขายจะมีใบ 2-3 ใบ ( 28-30 หน่อต่อกิโลกรัม) แล้วนำมาตัดให้เหลือความยาวประมาณ 6 นิ้ว มัดเป็นกำๆละประมาณ 5-7 หน่อขึ้นอยู่กับขนาดหน่อ ขายกำละ 5 บาท จะมีรายได้ประมาณ 4, 500 บาท/เดือน
ข้อมูลอ้างอิง : https://www.rakbankerd.com
โพสต์โดย : POK@