Social :



วิธีการปลูก และดูแล มะขามป้อม

19 ก.ย. 61 11:09
วิธีการปลูก และดูแล มะขามป้อม

วิธีการปลูก และดูแล มะขามป้อม

วิธีการปลูก  และดูแล   มะขามหวาน


มะขาม มีแหล่งกำเนิดในอัฟริกาเขตร้อน  เป็นไม้ป่าแถบสะวันนาได้นำเข้าไปปลูกในอินเดีย  และต่อมาได้แพร่กระจายทั่วไปในเอเชียและเขตร้อนอื่น ๆ  ประเทศไทยจัดว่าเป็นแหล่งปลูกมะขามเปรี้ยวและมะขามหวานที่ใหญ่ที่สุด พบว่ามีการปลูกมะขามหวานกันมานานแล้วในภาคเหนือของไทย  โดยเฉพาะที่อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ซึ่งเป็นต้นกำเนิดมะขามหวานพันธ์หมื่นจง  สีทอง  และอินทผลัม  ที่มีชื่อที่สุด  นอกจากนั้นยังพบในบางจังหวัดทางภาคอีสาน  ปัจจุบันได้มีการคัดเลือกขยายพันธุ์และปลูกเป็นอาชีพเกือบทุกภาคของประเทศไทย  คาดว่าในอนาคตอาจจะเป็นไม้ผลเศรษฐกิจทำรายได้ให้แก่ประเทศ


สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการปลูกมะขามหวาน 
มะขามหวานเป็นไม้ผลที่เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อน  ขึ้นได้ในดินเกือบทุกชนิด  ทนแล้ง  ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง  นับว่าต้องการน้ำน้อยกว่าไม้ผลชนิดอื่น ๆ  ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ปลูกเลี้ยงง่าย  โตเร็ว ไม่ค่อยมีปัญหาเนื่องจากมะขามจะออกดอกและติดฝักอ่อนในฤดูฝน  ผลแก่ในฤดูแล้งอย่างไรก็ตาม สภาพดินฟ้าอากาศที่เหมาะในการปลูกมะขามหวานเป็นอาชีพนั้น ควรเป็นดินค่อนข้างเหนียว มีความเป็นกลางหรือด่างอ่อน ๆ  มีปริมาณอินทรียวัตถุพอสมควร เป็นที่สูงน้ำไม่ท่วมขัง  และในฤดูแล้งมีน้ำให้บ้าง  สรุปแล้วในประเทศไทยสามารถปลูกมะขามหวานได้เกือบทุกภาค  และถ้ามีการบำรุงรักษาตามสมควร แล้วก็จะได้ผลดีกว่าไม้ผลอื่น ๆ  มากทีเดียว

การขยายพันธุ์มะขามหวาน 
มะขามหวานเป็นไม้ผลที่สามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี  เช่น  การเพาะเมล็ด,  การตอน,  การทาบกิ่ง,  การติดตา,  ต่อกิ่งและแม้กระทั่งการปักชำก็ยังได้ผลดีแต่ต้องมีฮอร์โมนช่วย
การเพาะเมล็ด : นิยมกันในสมัยก่อนคนโบราณทำกันมานานแล้วมะขามหวานพันธุ์ต่าง ๆ  ที่มีในปัจจุบันได้มาจากการเพาะเมล็ดทั้งนั้น  แต่ว่าโอกาสที่จะได้พันธุ์ดี ๆ  มีน้อย  ส่วนใหญ่จะกลายเป็นพันธุ์เลวและต้องใช้เวลาหลายปีจึงจะให้ผล  ต้นสูงใหญ่เกินไปเก็บฝักยาก  ปัจจุบันการเพาะเมล็ดไม่ค่อยนิยม
การติดตา  :   เป็นวิธีค่อนข้างจะยาก  เนื่องจากมะขามเป็นไม้เนื้อแข็ง  เปลือกขรุขระและหยาบ  ใบร่วงง่าย  มีตาขนาดเล็กแบนราบ  เลือกตาลำบากต้องอาศัยความชำนาญและอุปกรณ์ต้องคม  จึงไม่ค่อยมีผู้นิยมการติดตามะขามเนื่องจากมีวิธีอื่นที่ทำง่ายกว่า
การต่อกิ่ง :  เป็นวิธีขยายพันธ์ซึ่งนิยมทำกันแต่ก็ยังน้อยกว่าการทาบกิ่ง  วิธีนี้มักกระทำเพื่อเปลี่ยนยอดของต้นเดิมเป็นการเปลี่ยนพันธ์  ซึ่งวิธีการต่อกิ่งทำเช่นเดียวกับมะม่วงหรือไม้ผลอื่น ๆ  และควรต่อกิ่งในฤดูที่มะขามพักตัวหรือก่อนที่จะผลัดใบ  จะช่วยให้เปอร์เซ็นต์การต่อกิ่งได้ผลดีและระวังอย่าตัดต้นตอให้ต่ำนักหรือตัดออกหมดทีเดียวต้นตออาจจะตายได้
การทาบกิ่ง : เป็นวิธีที่ง่ายและนิยมมากที่สุดใช้เวลาในการทาบกิ่งประมาณ  45 - 60  วัน  โดยใช้ต้นตอจากการเพาะเมล็ดมะขามเปรี้ยวจะเพาะลงแปลงแล้วขุดใส่ถุงพลาสติกหรือจะเพาะลงถุงเลยก็ได้  อายุของต้นตอ (root  stock)  ประมาณ  3  เดือนถึง  1  ปี  ก็ใช้ทาบได้  ไม่ควรใช้ต้นตออายุมากเกินหรือขนาดใหญ่นักเพราะเนื้อไม้จะแข็งทาบยาก และอาจมีรากไม่ค่อยแข็งแรง  เนื่องจากรากบางส่วนที่ยาวเกินและโผล่ออกจากถุงต้องถูกตัดออกก่อนเอาต้นตอขึ้นทาบกิ่ง ส่วนวิธีการทาบกิ่งนั้นทำเช่นเดียวกับมะม่วงหรือไม้ผลอื่น ๆ  ชาวสวนมะขามเพชรบูรณ์ส่วนใหญ่จะขยายพันธุ์มะขามหวานด้วยการทาบกิ่งเพราะว่าได้ผลดี  สะดวก  แข็งแรงเจริญเติบโตเร็วและทนแล้ว  ตลอดจนให้ฝักเร็วอีกด้วยเพียง  2-3  ปีก็เห็นผล
การตอนกิ่ง  : เป็นวิธีการขยายพันธุ์มะขามอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งเคยใช้กันมาในสมัยก่อนและให้ผลดีพอสมควร  ได้ต้นพันธุ์ขนาดค่อนข้างใหญ่และให้ฝักเร็ว ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมเพราะว่าต้นมะขามหวานที่ได้จากการตอนไม่มีรากแก้ว ทำให้โค่นล้มง่าย  ไม่ทนต่อสภาพแห้งแล้งและดินเลว  มดและปลวกรบกวน ตลอดจนการตอนก็ใช้เวลานานและต้องรอให้กิ่งตอนมีรากมากพอจากนั้นจะต้องเอาไปชำจนตั้งตัวดีแล้วจึงจะนำออกปลูกได้  ช่วงเวลาที่ให้ผลดีในการตอนนั้นสั้นทำได้เฉพาะฤดูฝนและอาจต้องใช้ฮอร์โมนเข้าช่วยด้วยเมื่อเปรียบเทียบกับการทาบกิ่งแล้ว  สู้การทาบกิ่งไม่ได้


การปลูกมะขามหวาน 
มะขามหวานถึงแม้ว่าจะเป็นไม้ผลที่ขึ้นได้เกือบทุกสภาพท้องที่และทุกลักษณะดินก็ตาม  แต่ถ้าจะให้ได้ผลดีต้องอาศัยเทคนิคต่าง ๆ  พอสมควร  เช่น  การปลูก  การดูแลรักษา  และการเก็บผล  ตลอดจนการเลือกให้พันธุ์อย่างเหมาะสม  สำหรับการปลูกมะขามหวานนั้นพอสรุปเป็นแนวทางได้ดังนี้.-

การเลือกพันธุ์มะขามและระยะปลูกมะขามหวานแต่ละพันธุ์นั้นมีลักษณะนิสัยและคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนั้นในการเลือกพื้นที่และวางระยะปลูกจึงต้องพิจารณาให้เหมาะสม และคำนึงการใช้เทคนิคทางวิชาการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแผนงานของผู้เป็นเจ้าของส่วนที่ได้วางไว้ด้วย มีหลักการแนะนำเป็นแนวทางดังนี้ .-
1.1. ลักษณะดินและน้ำดี  ควรใช้ระยะปลูก  7 x 7  ม.  ใช้ต้นพันธุ์จำนวน  32  ต้น หรือระยะ  8 x 8  ม.  ใช้ต้นพันธุ์จำนวน  25  ต้น  หรือระยะ  10 x 10  ม.  ใช้ต้นพันธุ์จำนวน  16  ต้น
1.2. ลักษณะดินไม่ดี ควรใช้ระยะปลูก  5 x 5  ม.  ใช้ต้นพันธุ์จำนวน  64  ต้น  หรือระยะ  5 x 6  ม.  ใช้ต้นพันธุ์  53  ต้น หรือระยะ  6 x 6  ม.  ใช้ต้นพันธ์จำนวน 44 ต้น หรืออาจใช้ระยะปลูก  7 x 7  ม.  หรือ  8 x 8  ม. ก็ได้
1.3.ลักษณะพันธ์มะขามหวาน มะขามทรงพุ่มกว้างได้แก่ พันธุ์สีทอง, หมื่นจง และแจ้ห่ม ใช้ระยะปลูก  8 x 8  ม.  หรือ  10 x 10 ม.  ทรงพุ่มขนาดกลางได้แก่  พันธุ์น้ำผึ้ง,  ขันตี,  ปากดุก  และหลังแตก ใช้ระยะ  7 x 7  ม.  หรือ  8 x 8  ม.  ส่วนทรงพุ่มขนาดเล็กหรือแคบได้แก่  พันธุ์ศรีชมพู  และอินทผลัม  ใช้ระยะ  5 x 6  ม.  หรือ  6 x 6  ม.  หรือ  7 x 7  ม.

ในปัจจุบันนี้มีชาวสวนบางรายปลูกมะขามหวานระยะประชิดหรือระยะถี่  3 x 6 ม.  หรือ  4 x 5  ม.  โดยใช้เทคนิคทางวิชาการแผนใหม่เข้าช่วย  เช่นการให้น้ำแบบหยด  การให้ปุ๋ย ยา และฮอร์โมน  ทางใบ  ตลอดจนการตัดแต่งกิ่งไม่ให้โตเกินไป  ซึ่งสะดวกต่อการดูแลรักษา  การเก็บฝักและสามารถให้ผลผลิตดีมีคุณภาพอีกด้วย
Lif

การเตรียมดิน ก่อนจะปลูกมะขามหวานควรจะกำจัดวัชพืชที่จะแย่งอาหาร บดบังแสงหรืออาจเป็นอันตรายต่อต้นมะขาม ตลอดจนเป็นอุปสรรคต่อการปลูกและการดูแลรักษาอื่น ๆ  หลุมปลูกควรขุดหลุมกว้าง  50  ซม.  ลึก  50  ซม. หรือถ้าดินและน้ำดีอาจหลุมเล็กกว่านี้  จะช่วยให้ประหยัดเงินและแรงงาน แต่ถ้าดินเลวเป็นดินลูกรังกันดารน้ำก็ควรให้หลุมใหญ่ขึ้น  ผสมดินปลูกลงในหลุมด้วยแกลบดิบหรือเปลือกถั่วลิสง  2  ส่วน, ปุ๋ยคอกเก่า  1  ส่วน และหน้าดิน  1  ส่วน หรือถ้าไม่มีจริงก็ใช้เศษหญ้าใบไม้แห้งกับหน้าดินก็ได้  ดินผสมประมาณ  1  ลูกบาศก์เมตร  เติมกระดูกป่นหรือปุ๋ยซูเปอร์ฟอสเฟต 0.5 - 1 กก. ถ้าแหล่งใดดินเป็นกรดควรเติมปูนขาวหรือปูนดินอีก  0.5  กก.  เตรียมหลุมรดน้ำไว้พร้อมที่จะปลูกได้

นำต้นพันธุ์มะขามหวานลงปลูกกลางหลุม ในระดับผิวดินเติมกลบดินโคนต้นให้รอยต่อพ้นดิน  อัดดินให้แน่นพอสมควร  ให้หลักไม้ปักข้างต้นผูกยึดโคนต้นให้แน่น  อาจจะให้ปุ๋ยยูเรียหรือปุ๋ยผสม  15-15-15  อัตรา  1  ช้อน  รดน้ำให้ชุ่มทั่วหลุมปลูกแล้วคลุมโคนต้นด้วยฟางหรือเศษหญ้าแห้ง  เพื่อรักษาความชื้นและป้องกันวัชพืชขึ้นแซม ควรปลูกต้นต้นฤดู  หรือถ้ามีน้ำพอก็สามารถปลูกได้ทุกฤดูกาล


การดูแลรักษา  
การดูแลรักษาหลังปลูก  ในระยะ  1-2  ปีแรกหรือขณะที่ต้นมะขามหวานยังเล็กอยู่  ควรดูแลรักษาให้ดี  อาจรดน้ำให้สัปดาห์ละ  1-2  ครั้ง  ในฤดูแล้งหรือเมื่อฝนไม่ตกและกรีดพลาสติกที่พันรอยต่อของกิ่งทาบหลังจากปลูกแล้ว  1-2  เดือน  ถ้าไม่เอาออกต้นจะคอดไม่โตหรืออาจจะหักโคนตรงรอยต่อได้ คอยริดและทำลายตาข้างที่แตกออกมาจากต้นตอ (root  stock)

หมั่นพรวนดินกำจัดวัชพืช  และคลุมโคนต้นด้วยอินทรียวัตถุหรือหญ้าแห้ง  เพื่อรักษาความชื้นไว้ป้องกันไฟป่าในฤดูแล้ง  และให้ปุ๋ยคอก  แกลบเผา  หรืออินทรียวัตถุอื่น ๆ  ในต้นฤดูฝนควรเร่งให้ต้นมะขามโตเร็วด้วยปุ๋ยเคมีสูตร  30-20-10  หรือ  15-15-15  ถ้ามีแมลงรบกวน  กัดกินใบยอดอ่อนใช้ยาเซฟวิน  85  พ่นให้ทั่วต้น ส่วนโรคราแป้งและโรคใบจุดใช้ยาโลนาโคลหรือดาโคนิล  พ่นทุกสัปดาห์จนกว่าจะหายหรือพ่นป้องกันเดือนละครั้ง  และถ้าหากมีปัญหาเกี่ยวกับโรคแมลงรบกวนมาก ๆ  ให้รีบปรึกษาสำนักงานเกษตรหรือหน่วยปราบศัตรูพืชที่อยู่ใกล้

การดูแลและบำรุงรักษา 
เมื่อต้นมะขามโตและให้ผลแล้ว หลังจากปลูกมะขามหวานด้วยกิ่งทาบประมาณ  2-3  ปี  มะขามจะเริ่มให้ผลผลิตโดยจะออกดอกในต้นฤดูฝนและฝักจะแก่เก็บได้ในฤดูแล้ง  ดังนั้นเกษตรกรที่จะปลูกมะขามหวานเป็นอาชีพ  ควรจะวางแผนบำรุงรักษาต้นมะขามหวานดังนี้.-
1. การให้น้ำ  ควรให้น้ำต้นมะขามทันทีหลังจากเก็บฝักและตัดแต่งกิ่งแล้ว  เพื่อมะขามจะได้ผลิใบใหม่ออกดอกเร็วขึ้น และออกดอกพร้อมกัน  ทำให้ฝักแก่เก็บได้เร็วขึ้นอีกด้วย ควรให้น้ำทุกครั้งเมื่อมีการให้ปุ๋ยทางดินและให้บ้าง  ขณะติดฝักอ่อนในช่วงที่ฝนทิ้งระยะ  หรือดินมีความชื้นน้อย และหยุดการให้น้ำเมื่อฝักเริ่มแก่
2. การใส่ปุ๋ย  มะขามหวานนั้นต้องการปุ๋ยเช่นเดียวกับไม้ผลอื่น ๆ  ถึงแม้ว่ามะขามจะเป็นพืชที่หาอาหารเก่งหรือเจริญเติบโตได้ดีในทุกสภาพดินก็ตาม  แต่ถ้าไม่ใส่ปุ๋ยเพิ่มเติม หรือให้ปุ๋ยไม่ถูกจังหวะ ไม่ถูกสูตรและไม่พอกับความต้องการแล้วอาจทำให้ผลผลิต  และคุณภาพของมะขามหวานไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นการใส่ปุ๋ยจึงควรพิจารณาให้ดังนี้.-
- ใส่ปุ๋ยคอก  หรืออินทรียวัตถุ  และกระดูกป่น  หรือปุ๋ยซูเปอร์ฟอสเฟต  เป็นประจำทุกปี  ตอนต้นฤดูฝน  ปริมาณมากน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของทรงพุ่ม  และความสมบูรณ์ของดิน
- ใส่ปุ๋ยเคมี ที่มีไนโตรเจนสูง เพื่อเร่งให้ต้นสมบูรณ์พร้อมที่จะออกดอก โดยใช้ปุ๋ยสูตร  30-20-10  ก่อน  พอต้นสมบูรณ์แล้วตามด้วยปุ๋ยสูตร  15-15-15  หรือสูตร  15-30-15  การใส่ปุ๋ยให้ใส่เป็นรางดินรอบ ๆ โคนต้นตามปลายร่มเงาของทรงพุ่ม และก่อนออกดอกราวเดือนพฤษภาคม ใช้ปุ๋ยเกล็ดหรือปุ๋ยเกล็ดหรือปุ๋ยน้ำสูตรตัวกลางสูง  เช่นสูตร  15-30-15  หรือ  12-27-23  หรือ  10-45-10  (ถ้ามะขามสมบูรณ์เกินไป) โดยพ่นปุ๋ยให้ทางใบและจะใช้ฮอร์โมนแพลนโนฟิกซ์ (Planofix) ซึ่งมีสารออกฤทธิ์คือ 1-Naphthylacetic acid (NAA) ผสมสารจับใบพืชพ่นให้อีกเพื่อช่วยให้การติดดอกและฝักอ่อนดีขึ้น ในช่วงที่มะขามหวานเป็นฝักอ่อน ควรให้ปุ๋ยบำรุงฝักสักระยะหนึ่ง  จนถึงก่อนฝักมะขามโตเข้าระยะคาบหมู  จึงให้ปุ๋ยที่มีธาตุโปแตสเซี่ยมสูง  เช่นสูตร  13-13-21  หรือสูตร  9-24-24  หรือปุ๋ยเกล็ดสูตร  12-22-32  หรือ  10-20-30  พ่นทางใบร่วมกับยากันเชื้อราและยาป้องกันกำจัดแมลงเจาะฝัก  ปุ๋ยดังกล่าวจะให้ธาตุโปแตสเซี่ยมและฟอสเฟตสูง ช่วยให้ขนาดฝัก  คุณภาพของเนื้อมะขามและความหวานดีขึ้น

ปริมาณของปุ๋ยเคมีที่ให้ทางพื้นดินแก่ต้นมะขามนั้น  พิจารณาจากอายุ และขนาดทรงพุ่ม  อาจจะให้ปุ๋ยต้นละ  1-2  กก.ต่อปี  และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  ควรแบ่งใส่  2  ครั้ง  แล้วให้น้ำทุกครั้งเมื่อใส่ปุ๋ย

การตัดแต่งกิ่งมะขาม 
การตัดแต่งกิ่งมะขาม ถือว่าเป็นเทคนิคทางวิชาการที่จะช่วยเพิ่มผลผลิต  เพิ่มคุณภาพ  เพิ่มความสะดวกในการดูแลรักษาและเก็บผล  การตัดแต่งจะกระทำหลังจากเก็บฝักมะขามเรียบร้อย  โดยตัดแต่งกิ่งที่แน่นทึบกลางพุ่ม  กิ่งที่เป็นโรคหรือแห้งตายหรือกิ่งกระโดง  และตัดกิ่งยอดที่สูงเกินไปออก เพื่อควบคุมความสูงหรือตัดแต่งกิ่งที่ห้อยย้อยลงต่ำเกินไปออก ควรทาแผลหรือรอยตัดด้วยยาป้องกันเชื้อโรค หรืออาจใช้ปูนขาวผสมน้ำทาบริเวณรอยบาดแผล


การเก็บผลหรือฝักมะขามหวาน 
มะขามหวาน  จะแก่เก็บได้ในฤดูแล้งประมาณเดือนธันวาคม-มีนาคม  ขึ้นอยู่กับพันธุ์และสภาพดินฟ้าอากาศ  ปีใดฝนตกต้นฤดูและหมดเร็วมะขามก็จะแก่เร็ว และพันธุ์เบา  ฝักเล็ก  คุณภาพปานกลาง จะแก่เก็บได้ก่อนส่วนพันธุ์ดี ๆ  นั้นจะเก็บได้ตอนกลางฤดู  คือประมาณเดือนมากราคม-กุมภาพันธ์ หรือต้นมีนาคม

การเก็บฝักมะขาม ต้องพิจารณาดูเป็นต้น ๆ  หรือเป็นฝัก ๆ  ไปบางทีอาจจะแก่เก็บได้ไม่พร้อมกัน ฝักปลาย ๆ  หรือด้านนอกพุ่มมักจะแก่ก่อนโดยสังเกตจากสีของฝัก  ความเหี่ยวของก้านฝัก และลักษณะอื่น ๆ  ซึ่งต้องใช้ความชำนาญ  หรือประสบการณ์  จะต้องเก็บทีละฝัก  โดยใช้มีดหรือกรรไกรตัดออกจากต้น นำฝักมะขามหวานที่เก็บได้ไปกองผึ่งอากาศไว้สัก  2-3  วัน  เพื่อให้ความชื้นในฝักมีอยู่พอสมควร  จึงทำการตัดแต่งก้านหรือขั้วฝักแล้วบรรจุภาชนะจำหน่ายได้  มะขามจัดว่าเป็นผลไม้รับประทานสดที่สามารถเก็บไว้ได้นานที่สุด  และสามารถแปรรูปเป็นอาหารและเครื่องดื่มได้หลานอย่าง  เช่น มะขามแช่อิ่ม มะขามเปียก  แยมมะขาม มะขามคลุก ท๊อปฟี้มะขาม น้ำมะขามเข้มข้น และไวน์มะขาม

การเก็บรักษาฝักมะขามหวาน มะขามถึงแม้ว่าจะเป็นผลไม้ที่เก็บไว้รับประทานได้นานก็ตามแต่ถ้าต้องการเก็บไว้นานมาก ๆ เนื่องจากผลผลิตมากเกินไป จำหน่ายไม่หมด  หรือเพื่อรอตลาด ควรมีการเก็บรักษาให้ถูกวิธี  แนวทางการเก็บรักษาฝักมะขามหวานที่ชาวสวนมะขามหวานเพชรบูรณ์ใช้กันและได้ผลดีคือ  การอบด้วยไอน้ำเดือดหรือหรือการนึ่งฝักมะขามโดยใช้เวลาประมาณ  10-15  นาที  จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับ ขนาดของฝักพันธุ์มะขาม และปริมาณของฝักที่ใช้อบ ตลอดจนอุปกรณ์และเชื้อเพลิง  ซึ่งอาจจะนำไปอบไอร้อนเพื่อลดความชื้นในฝัก  ทำให้ฝักแห้ง จากนั้นบรรจุมะขามลงในโอ่งเคลือบที่แห้งและสะอาด คลุมด้วยผ้าพลาสติกแล้วปิดฝาทับอีกให้มิดชิด  กันอากาศเข้า  หรือจะบรรจุใส่ถึงพลาสติกหนา เย็บปากถุงให้สนิทก็ได้ผลเช่นกัน วิธีดังกล่าวจะช่วยทำลายไข่และตัวแมลง ตลอดจนเชื้อราต่าง ๆ  ที่ติดมากับฝักมะขามให้หมดไป  สามารถเก็บไว้ได้นานตามต้องการหรืออาจจะเป็นแนวทางที่จะช่วยให้สามารถส่งฝักมะขามหวานไปจำหน่ายยังตลาดอันห่างไกลจากพื้นที่ปลูกได้


ข้อมูลอ้างอิง  :  https://www.rakbankerd.com

โพสต์โดย : POK@