Social :



วิธีการปลูก และดูแล ผักกาดฮ่องเต้

05 ม.ค. 62 12:01
วิธีการปลูก และดูแล ผักกาดฮ่องเต้

วิธีการปลูก และดูแล ผักกาดฮ่องเต้

วิธีการปลูก  และดูแล  ผักกาดฮ่องเต้

ผักกาดฮ่องเต้   (Pak  Chai)  หรือกวางตุ้งฮ่องเต้   มีชื่อวิทยาศาตร์ว่า  Brassica  chinensis  var .chinensis  ผักกาดฮ่องเต้จัดเป็นพืชตระกูล  Brasicaceae  (Crucifereae-Mustard  family)  มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน  ญี่ปุ่นและเอเชียกลาง  นำเข้ามาปลูกในไทยเป็นระยะเวลานาน  เป็นพืช  2  ฤดู  แต่ปลูกเป็นพืชฤดูเดียว  ก้านใบมีสีเขียวอ่อน  ลักษณะแบน ส่วนโคนก้านใบจะขยายกว้างมาก และหนา  เนื้อกรอบ  ปลายใบมน  ไม่ห่อหัว


สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการปลูกกวางตุ้งฮ่องเต้ :
อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของผักกาดฮ่องเต้  อยู่ระหว่าง  20-25 C  แต่สามารถทนต่อสภาพอุณหภูมิสูงได้ดีกว่ากลุ่มผักกาดหัว  ดังนั้นจึงสามารถปลูก  ได้ตลอดทั้งปี

ดิน ผักกาดฮ่องเต้สามารถเจริญเติบโตในดินแทบทุกชนิด แต่เจริญเติบโตได้ดีที่สุดในสภาพดินร่วนปนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ และอินทรีย์วัตถุสูง ค่าความเป็นกรด-ด่าง อยู่ระหว่าง 6.0-6.8 ถึงแม้ผักกาดฮ่องเต้ จะทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี แต่ก็ไม่ทนต่อความ แห้งแล้ง เนื่องจากเป็นพืชอายุสั้น และเจริญเติบโตเร็ว ดังนั้นแปลงปลูกควรต้องมีความชื้นสูง และต้องการแสงแดดเต็มที่ ตลอดทั้งวัน เพื่อการสังเคราะห์อาหาร

การดูแลรักษาผักกาดฮ่องเต้ ในระยะต่างๆของการเจริญเติบโต :
การเตรียมกล้า  เพาะกล้าผักกาดฮ่องเต้แบบประณีต ในถาดหลุม อายุกล้า  15-20  วัน
การเตรียมดิน  ไถดินลึกประมาณ  15-20  ซม.  หรือขุดดินตากแดดอย่างน้อย  14  วัน  เพื่อกำจัดโรคแมลงและวัชพืช  คลุกปูนขาวอัตรา  0-100  กรัม/ตร.ม.  เก็บเศษวัชพืชออกจากแปลง


- ใส่ปุ๋ยคอกอัตรา  1  กก./ตร.ม. และปุ๋ย  15-15-15  อัตรา  30  กรัม/ตร.ม.  ลงในดิน พรวนดินให้ละเอียด  ขึ้นแปลงกว้าง  100-120  ซม.  ให้ร่องห่าง  50  ซม.  ปรับหน้าแปลงให้เรียบ
- หากใช้วิธีหยอดเมล็ดดโดยตรง ให้ใช้นิ้วกดหลุมลึก 0.5 ซม. หยอดเมล็ด  5  เมล็ดต่อหลุม  ระยะปลูกแล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละ  ฤดู กลบเมล็ด  รดน้ำให้ชุ่ม  ฉีดพ่น เซฟวิน  85  ป้องกันมดเข้าทำลาย
- หากย้ายปลูกระยะปลูก  ฤดูฝนและฤดูหนาว  25-20  ซม.  ส่วนฤดูร้อน  20-20  ซม.

Lif
**ข้อควรระวัง**
1. หากใช้วิธีการหยอดเมล็ดอย่าใช้ในปริมาณที่มากเกินไป
2. ฉีดพ่นธาตุอาหารเสริมให้สม่ำเสมอง

การให้ปุ๋ย   ปลูกซ่อมต้นที่เสียหายภายใน  7  วัน หลังย้ายปลูก  กำจัดวัชพืชทุก  15-20  วัน หลังย้ายปลูกหรือเมล็ดงอก และทำการถอนแยกให้เหลือ  2-3  ต้น ขีดร่องลึก  2  ซม. ระหว่างแถวปลูกโรยปุ๋ย  46-0-0  ลงไปแล้วกลบดิน แล้วรดน้ำ  อาจเพิ่มปุ๋ย  15-15-15  อัตรา  15-30  กรัม/ตร.ม.  ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชตามความจำเป็น และฉีดพ่นธาตุอาหารเสริม  รดน้ำให้สม่ำเสมอ
การเก็บเกี่ยว  ควรเก็บเกี่ยวก่อนออกดอก (อายุประมาณ  35-45  วัน  หลังปลูก)  อย่าปล่อยให้ต้นแก่เกินไป  คุณภาพจะต่ำลง  ตัดต้น  เหนือระดับดินเล็กน้อย  เด็ดใบเสียหรือใบเหลืองออก ควรเหลือใบนอกไว้  2-3  ใบ  ป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง  หากผลผลิตเปียกควรผึ่งให้แห้งก่อนบรรจุส่ง  ไม่ควรล้างผลผลิต  เพราะจะทำให้เน่าเสียหายได้ง่าย


** ข้อสังเกต **
ช่วงแล้งผลผลิตจะน้อยมาก  ควรมีการเพาะกล้าและปลูก  ตลอดจนเก็บเกี่ยวให้ตรงกับระยะเวลาและพันธุ์นั้นๆ  เพราะถ้ากล้าแก่เกินไป  หรือเก็บผลผลิตช้าเกินไป  มักจะได้คุณภาพและราคาต่ำ

การใช้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหาร : 
ผักกาดฮ่องเต้ เป็นผักที่มีวิตามินสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินเอ วิตามินซี นอกจากนั้นยังมีธาตุอาหารพวกแคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง นิยมนำมาผัดกับเนื้อสัตว์ ผัดน้ำมันหอย หรือต้มเป็นแกงจืด รสชาติหวานและกรอบ

โรคแมลงศัตรูที่สำคัญของผักกาดฮ่องเต้ในระยะต่างๆของการเจริญเติบโต : 
ระยะกล้า  15-20  วัน  โรคใบจุด,  ด้วงหมัดผัก,  เพลี้ยอ่อน,
ระยะย้ายปลูก-ตั้งตัว  21-28  วัน โรคใบจุด,  ด้วงหมัดผัก,  หนอนใยผัก,  เพลี้ยอ่อน,  หนอนกระทู้,
ระยะเข้าหัว  28-55  วัน  โรคใบจุด,  โรคเน่าเละ,  ด้วงหมัดผัก,  หนอนใยผัก,  เพลี้ยอ่อน,  หนอนกระทู้,
ระยะโตเต็มที่  56-70  วัน  โรคใบจุด,  โรคเน่าเละ,  ด้วงหมัดผัก,  หนอนใยผัก,  เพลี้ยอ่อน,  หนอนกระทู้,

โพสต์โดย : POK@