Social :



เทคนิคการปลูก และดูแล ซ่อนกลิ่น เพื่อสร้างรายได้แบบมืออาชีพ

23 ก.ค. 62 11:07
เทคนิคการปลูก และดูแล ซ่อนกลิ่น เพื่อสร้างรายได้แบบมืออาชีพ

เทคนิคการปลูก และดูแล ซ่อนกลิ่น เพื่อสร้างรายได้แบบมืออาชีพ

เทคนิคการปลูก และดูแล ซ่อนกลิ่น 
เพื่อสร้างรายได้แบบมืออาชีพ

ความสำคัญทางเศรษฐกิจ
ซ่อนกลิ่น   เป็นไม้ตัดดอกที่ปลูกกันมานานแล้วในประเทศไทย  ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในการบูชาพระและประดับในงานศพ  ฉะนั้นบางคนจึงไม่นิยมปลูกประดับบ้าน  เพราะถือว่าไม่เป็นมงคล ปัจจุบันความเชื่อถือเหล่านั้นได้ลดลงไปแล้ว  ในพื้นที่ที่มีการประมงนิยมนำซ่อนกลิ่นมาใช้ในการเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือก่อนออกจับปลาด้วยนอกจากนี้ในประเทศฮ่องกง  สิงคโปร์  ก็นิยมใช้ซ่อนกลิ่นในการเซ่นไหว้เช่นกันประเทศญี่ปุ่นนิยมใช้ในการปลูกประดับตกแต่งสถานที่ทั้งสามประเทศนี้ได้นำเข้าจากประเทศไทยเป็นส่วนมาก  สำหรับพื้นที่ปลูกในประเทศไทยส่วนมากอยู่บริเวณเขตรอบนอกกรุงเทพฯ เช่น เขตหนองแขม  เขตภาษีเจริญ  และในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น อุดรธานี  หนองคาย  ขอนแก่น  เนื่องจากดอกซ่อนกลิ่นมีกลิ่นหอมเย็นเช่นเดียวกับ  จำปี  จำปา  มะลิจึงอาจจะใช้ในการสกัดน้ำหอมระเหยได้


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์  ซ่อนกลิ่นเป็นไม้หัวแบบ  Tuber  ซึ่งใช้เป็นแหล่งสะสมอาหาร  รอบ ๆ  หัวจะมีตาอยู่  โดยรอบสามารถเจริญเติบโตเป็นลำต้นหรือหัวต่อไปได้ ราก จะเป็นระบบรากฝอย  มีสีน้ำตาลขนาดเล็กมีจำนวนไม่มากนัก มีขนาดสั้นจนถึงยาวประมาณ  1  ฟุต  ใบเจริญมาจากฐานหัว  ใบมีลักษณะเรียวแคบ  มีความยาวประมาณ  30-40  ซม. กว้าง  2-3  ซม. ใบมีสีเขียวสดมีจุดแดงที่ฐานใบ  กลางใบห่อเข้าหากันใบหนาพอสมควร ใบล่างจะมีขนาดเล็กกว่าใบที่อยู่ติดกันขึ้นมา  ใบที่แตกใหม่จะตั้งขึ้น  ใบแก่จะห้อยลง  ช่อดอก  จะเป็นแบบ  Spike ก้านดอกใหญ่แข็งแรง มีสีเขียว และตั้งตรงในแนวดิ่ง ดอกเมื่อบานจะมีสีขาว  ดอกเป็นแบบ  สมบูรณ์เพศ (Perfect Flower)  มีกลีบดอก  (Petal)  เชื่อมติดกัน รูปร่างคล้ายกรวยโค้ง ยาวประมาณ  1-6  ซม.  ดอกจะเริ่มบานตั้งแต่ตอนเย็นโดยทะยอยบานจากตอนล่างของช่อดอกขึ้นมาเรื่อย ๆ  พันธุ์ที่มีปลูกนั้นไม่มีชื่อเรียกโดยเฉพาะแต่เรียกตามลักษณะของดอกคือ  พันธุ์ที่มีดอกไม่ซ้อน และพันธุ์ที่มีดอกซ้อน

การเตรียมดิน
การเตรียมดิน  ซ่อนกลิ่นเป็นไม้หัว  จึงเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนเหนียว  มีอินทรียวัตถุสูง  ฉะนั้นในการเตรียมดินจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้ดินโปร่ง  มีการระบายน้ำดี  เพราะไม้หัวส่วนใหญ่ไม่ชอบน้ำขังซึ่งอาจจะทำให้หัวเน่าได้ง่ายการเตรียมแปลงควรขุดให้ลึกประมาณ  6-8  นิ้ว  ตากดินไว้ประมาณ  1  สัปดาห์  ใส่ปุ๋ยคอกอัตรา  200  กก./ไร่ การยกร่องทำคล้ายๆ  กับแปลงปลูกอ้อย  ห่างกันแปลงละ 30 ซม. ความสูงของคันดิน  20-30  ซม.  เพื่อให้คันดินอุ้มความชื้นให้กับรากซ่อนกลิ่น


การปลูก  นิยมปลูกกันตอนต้นฤดูฝน ประมาณเดือน  พค.-กค.  โดยปลูกในร่องที่เตรียมไว้ใช้ระยะปลูก  30 x 30  หรือ  40 x 40  ซม.  ปลูกแบบสลับฟันปลา 1 หัว/หลุ่ม การฝังหัวควรให้หัวเหลือโผล่ขึ้นมาประมาณ  1/3  เพื่อป้องกันไม่ให้หัวเน่า และควรใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุมแปลงปลูกไว้เพื่อเก็บความชื้นและช่วยป้องกันวัชพืชงอกบนแปลงด้วยและยังทำให้ต้นแตกกอดีขึ้น หลังจากปลูกประมาณ  1  สัปดาห์จะมีใบแตกออกมา  n  การให้น้ำ  เนื่องจากซ่อนกลิ่นเป็นพืชที่ชอบความชื้นสูง  แต่ไม่แฉะ  จึงควรให้ความชื้นสม่ำเสมอ ถ้าฝนไม่ตกก็ให้น้ำ 2 วันหรือ 3 วันครั้งแล้วแต่สภาพดิน

การใส่ปุ๋ย   หลังจากปลูกไปแล้วประมาณ  1  เดือน ควรใส่ปุ๋ยเพื่อเร่งการแตกกอโดยใช้ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ  15-15-15  หรือ  16-16-16  อัตรา  50  กิโลกรัม/ไร่  โดยการหว่านให้ทั่วแปลง  หลังจากนั้นก็หว่านทุก  1  เดือน เพื่อกระตุ้นให้ซ่อนกลิ่นออกดอก  n  การตัดแต่ง  เมื่อซ่อนกลิ่นมีอายุได้  2  ปี  พบว่ามีการเจริญเติบโตและการแตกกอสูงมากทำให้เกิดการ  "บ้าใบ"  ในช่วงฤดูฝน ปริมาณดอกจะลดลงและมีโรคเข้าทำลายในช่วงนี้ด้วย  ฉะนั้นจึงควรมีการตัดใบออกบ้างบางส่วนซึ่งเรียกว่าการเกี่ยวใบ หลังจากนั้นก็ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร  15-15-15  อัตรา  50  กก./ไร่  เพื่อเร่งการออกดอก  เพื่อทำให้ประสิทธิภาพการออกดอกสูงมาก


1. การแยกหน่อ   ทำได้โดยการใช้มือหรือมีดปลิดแยกหน่อออกจากกอเดิมแล้วนำไปปลูกลงแปลงได้ทันที  การแยกหน่อควรแยกก่อนออกดอก  วิธีการนี้จะทำได้ง่ายและได้ต้นใหม่จำนวนมาก  ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาด  และปริมาณของกอเดิมด้วย

2. การใช้หัว  เป็นวิธีการที่นิยมกันมาก  ทำง่าย  สะดวก  และเกษตรกรสามารถเก็บรักษาส่วนที่ขยายพันธุ์ไว้ปลูกในฤดูต่อไปด้วย

3. การแบ่งหัว  เป็นวิธีการขยายพันธุ์  โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติคล้ายกับการขยายพันธุ์บอนสีโดยการแบ่งหัวให้มีตาติดอยู่กับส่วนที่ตัด  แล้วนำไปปักชำ  เมื่อต้นงอกและมีใบประมาณ  2-3  ใบ ก็นำไปปลูกได้  แต่เป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่ช้า  ไม่เหมาะที่จะทำเป็นการค้า การเก็บรักษาหัวเพื่อใช้ขยายพันธุ์ในฤดูกาลต่อไป  การเก็บหัวจะเก็บจากแปลงที่มีอายุเลย  3  ปีไปแล้ว  เพราะซ่อนกลิ่นที่อายุมาก  ผลผลิตจะลดลง  จำเป็นต้องรื้อแปลงปลูกใหม่

ก่อนจะทำการเก็บหัวควรงดการให้น้ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งสังเกตว่าใบเหลืองจนหมดแล้ว  จึงขุดเอาหัวขึ้นมา  สลัดเอาดินออกให้หมด 
MulticollaC
แล้วนำไปเก็บไว้ในที่ร่ม  ไม่ให้ถูกฝน หัวที่กองไว้ควรหมั่นกลับทุก ๆ  2-3  วัน  กรณีที่เก็บนาน ๆ  ควรแช่ยากันราก่อนเพื่อป้องกันเชื้อราเข้าทำลาย

ซ่อนกลิ่นมีโรคและแมลงรบกวนน้อยมาก  โรคที่พบในช่วงฤดูฝน

1. โรค Botrytis  Blight  โรคนี้สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วมาก โดยเฉพาะช่วงอากาศมีความชื้นสูง  โดยสังเกตเห็นจุดฉ่ำสีน้ำตาลบนดอกและใบ จากนั้นจุดนี้ก็จะยาวขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลปนเหลือง  หรือมีสีน้ำตาลเข้มหรือสีน้ำตาลปนแดงตรงกลาง  ทำให้ดอกและใบที่เป็นโรคเน่าอย่างรวดเร็ว  การป้องกันกำจัด ฉีดพ่นด้วยไซเนบ  มาเนบ  เฟอร์แนบ  แคบแทน  หรือไดคลอร์ สัปดาห์ละครั้ง ตั้งแต่ใบยาวประมาณ  10-20  ซม.  หรือฉีดก่อนระยะฝนชุก

2. โรคที่เกิดจากเชื้อ  Selerotium  rolfsii  จะพบมากในระยะที่มีฝนตกชุก  เชื้อจะกระเด็นไปเกาะตามส่วนของพืชที่อยู่บริเวณผิวดิน  จึงทำให้ใบและก้านดอกเน่าหักพับลง  การป้องกันได้โดยการฉีดพ่นด้วยแคปแทน  ไซแนบ  หรือมาเนบ  สัปดาห์ละครั้ง

3. โรครากปม   เกิดจากไส้เดือนฝอย  ทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต  ใบเหลืองเหี่ยวตอนกลางวันและฟื้นตอนกลางคืน  เมื่อทิ้งไว้นานจะทำให้ตายได้  การป้องกันโดยใช้เมทธิลโบรไมด์  ฆ่าเชื้อในดิน  การกำจัดใช้นีมากอน  ฉีดรอบ ๆ  ต้นพืช  เพื่อทำลายไส้เดือนฝอย  หรือจุ่มหัวซ่อนกลิ่นในน้ำร้อน  120  องศาฟาเรนไฮด์  เป็นเวลา  1  ชม. แล้วผึ่งให้แห้งก่อนปลูกเพื่อกำจัดไส้เดือนฝอยที่ติดมากับหัวพันธุ์

4. เพลี้ยไฟ  จะเข้าทำลายก้านดอกและช่อดอก  โดยจะดูดน้ำเลี้ยงแล้วทำให้ช่อดอกและก้านดอกบริเวณส่วนปลายขรุขระเป็นคลื่น  ดอกไม่โตและไม่บานอีกด้วยซึ่งเกษตรกรเรียกว่า "ช่อหิน"  การป้องกันกำจัด ควรฉีดยาป้องกันตั้งแต่แรกคือใช้ยาพวกอะโซดริน  พาราไธออนหรือมาลาไธออน  สัปดาห์ละครั้ง

5. เพลี้ยไฟแป้ง  เป็นแมลงศัตรูอีกตัวหนึ่งที่เป็นปัญหาต่อการปลูกซ่อนกลิ่นในปัจจุบันค่อนข้างมาก  โดยการดูดน้ำเลี้ยง  ทำให้เกิดโรคโคนเน่าตามมา  การป้องกันกำจัด ควรฉีดพ่นด้วยยากำจัดแมลงทั่วๆ ไป  เช่น  มาลาไธออน พาราไธออน  หรือ อะโซดริน  สัปดาห์ละครั้ง


ซ่อนกลิ่นจะเริ่มให้ดอกหลังจากปลูกไปแล้วประมาณ  3  เดือน  จะเริ่มตัดช่อดอกเมื่อดอกที่อยู่ล่างสุดบานก่อนประมาณ  2-3  ดอก  แต่ถ้าจะตัดส่งตลาดควรมีดอกบานประมาณ  1-2  ดอก  วิธีการตัดดอกอาจจะตัดโดยการตัดให้ชิดโคนต้นหรือใช้มือถอนก็ได้  จากนั้นจึงนำมาริดใบล่างออก  2-3  ใบ  แล้วจึงคัดขนาด

ขนาดดอกแบ่งเป็น  3  ขนาด
ขนาดใหญ่  (เกรด A)  ความยาวของก้านและช่อดอกรวมกันยาว 120 ซม. ขึ้นไป
ขนาดกลาง  (เกรด B)  ความยาวของก้านดอกและช่อดอกรวมกันยาว 80-100 ซม.
ขนาดเล็ก  (เกรด C)  ความยาวของก้านดอกและช่อดอกรวมกันยาว  30-79  ซม.  จากนั้นจึงนำดอกมาเข้ากำๆ  ละ  50  ดอก  โดยวางให้ปลายช่อดอกเสมอกัน  แล้วใช้กระดาษหนังสือพิมพ์  หุ้มส่วนของดอกแล้วมัดด้วยเชือกฟาง  ส่วนโคนก้านดอกจะไม่มีการตัดแต่งจนกว่าจะถึงมือผู้ใช้

การตลาด
การตลาด  สำหรับตลาดสำคัญของซ่อนกลิ่นคือ ปากคลองตลาด  โดยส่วนใหญ่พ่อค้าคนกลางจะไปรับซื้อมาจากสวนเกษตรกรเอง  ซึ่งพ่อค้าจะเป็นผู้กำหนดราคาให้เอง ราคาจะขึ้นลงไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับความต้องการของท้องตลาดนั้นเองส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตลาดที่รับซื้อซ่อนกลิ่นก็คือตลาดดอกไม้ในตัวจังหวัด








ข้อมูลอ้างอิง  :   https://www.baanjomyut.com/

โพสต์โดย : POK@