“ พระบรมธาตุนาดูน ”
ใจกลางพระพุทธศาสนา...ท่ามกลางศรัทธาของผู้คน …
“ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ตกทอดมาสู่ยุคปัจจุบัน สามารถบ่งบอกถึงความเป็นมาในอดีตได้อย่างแจ่มชัด ” ไม่ผิดไปจากคำกล่าวนี้แน่นอน ! เพราะเรื่องราวต่างๆ ที่ถูกบ่มเพาะด้วยกาลเวลามักจะกลายเป็นสิ่งล้ำค่าของคนในยุคปัจจุบัน ที่ควรค่าแก่การศึกษา ดูแลรักษา ทะนุบำรุงให้คงอยู่สืบไปตราบนานเท่านาน...เลาะรั้ว อปท . ฉบับนี้เราเดินทางลัดเลาะสู่ภาคอีสาน ไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยความงดงามทางโบราณสถาน โบราณวัตถุ และความล้ำค่าทางพุทธศาสนา...
“ มหาสารคาม ” เมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตและความงดงามทางด้านศาสนา ที่ตกทอดจากอดีตสู่ปัจจุบันได้อย่างลงตัว...เมืองที่เต็มไปด้วย “ ศรัทธา ” ของผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ...ศรัทธาที่เกิดจากความเลื่อมใสในศาสนาและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของผู้คน...เรื่องราวของ “ พระบรมธาตุนาดูน ” หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ พุทธมณฑลอีสาน ” แสดงให้เห็นถึงเรื่องราวในปัจจุบันที่สานต่อพุทธศาสนาในอดีตได้อย่างลงตัว
เรามาลองหมุนเข็มนาฬิกานับถอยหลัง บอกเล่าถึงเรื่องราวของพระบรมธาตุนาดูนในอดีตกันสักนิดว่ามีความเป็นมาอย่างไร...
ย้อนกลับไปเมื่อปีพุทธศักราช 2522 เมื่อครั้งกรมศิลปากรและชาวบ้านในตำบลนาดูนได้ขุดพบพระบรมสารีริกธาตุจากเนินดินที่เป็นซากโบราณสถาน บริเวณหมู่ที่ 1 ต.นาดูน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุมีสัณฐานดังเกล็ดแก้วประดิษฐานในผอบ 3 ชั้น...ชั้นในเป็นทองคำ ชั้นกลางเป็นเงิน ชั้นนอกเป็นสำริด ซ้อนเรียงกันตามลำดับ และบรรจุอยู่ในสถูปจำลองอีกชั้นหนึ่ง เป็นสถูปโลหะทรงกลม สูง
และในราวพุทธศตวรรษที่ 13-16 นั้น ภายในตัวเมืองและนอกเมืองจำปาศรีมีเจดีย์สมัยทวารวดีอยู่ 25 องค์ (ขณะนี้ได้ขุดค้นพบแล้ว 10 องค์) เจ้าผู้ครองเมืองนครจำปาศรี นับตั้งแต่พระเจ้ายศวรราช ได้สร้างสถานที่สักการบูชาในพิธีทางศาสนาพราหมณ์และพุทธ เช่น เทวาลัย ปรางค์กู่ ซึ่งถือว่าเจริญรุ่งเรืองทั้งในด้านศาสนา วัฒนธรรม และการปกครองจนถึงขีดสุด จากนั้นก็ได้เสื่อมถอยลงมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงยุคอวสานในสมัยพระเจ้าฟ้างุ้มแหล่งหล้าธรณี
และการขุดพบพระบรมสารีริกธาตุครั้งนั้น ชาวบ้านถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีแก่ชาว จ.มหาสารคาม จึงสมควรยิ่งแก่การสร้างพระสถูปเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เป็นปูชนียสถาน เพื่อความเป็นสิริมงคล และสืบทอดพระบวรศาสนาตามแนวทางบรรพชนต่อไป จึงได้มีการจัดสร้างสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเรียกว่า “ พุทธมณฑลอีสาน ” ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา เจดีย์พระบรมธาตุนาดูนมีลักษณะประยุกต์จากสถูปจำลองที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ กับลักษณะแบบทวารวดี ออกแบบและดำเนินการสร้างโดยกรมศิลปากร มีความสูง
อีกทั้งบริเวณดังกล่าวยังมีการสร้าง
แน่นอน ! การได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางของศาสนามาตั้งแต่ยุคสมัยในอดีต สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน...เมื่อครั้งสมัยบรรพบุรุษได้สร้างไว้...คนสมัยปัจจุบันก็ต้องสานต่อ เพื่อดำรงไว้ให้อยู่คู่กับสังคมไปตราบนานแสนนาน...
การจัดงานนมัสการพระบรมธาตุนาดูน ก็เป็นอีกกิจกรรมทางศาสนาที่ช่วยส่งเสริมและทะนุบำรุงศาสนาให้คงอยู่ เพื่อส่งต่อให้กับคนรุ่นต่อไปได้ศึกษาและเรียนรู้ความเป็นมาของศาสนาในยุคสมัยทวารวดีที่สืบเนื่องมาจวบจนปัจจุบัน ซึ่งกิจกรรมในแต่ละปีนั้นจะจัดขึ้นในช่วงวันมาฆบูชา กำหนด 9 วัน 9 คืน โดยทางจังหวัดร่วมกับคณะสงฆ์ สำนักพระพุทธศาสนา รวมไปถึงข้าราชการ พนักงานของรัฐ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรม ณ ลานหน้าบริเวณโดยรอบองค์พระบรมธาตุนาดูน
ในวันแรกจะมีกิจกรรมขบวนแห่ประเพณี 12 เดือนของชาวอีสาน มีการแสดง แสง สี เสียง ประวัติเมืองนครจำปาศรี การขุดพบโบราณวัตถุ การขุดพบพระบรมสารีริกธาตุ พระพิมพ์ดินเผา และอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของพระบรมสารีริกธาตุ และในวันมาฆบูชาจะมีการตักบาตร ทำบุญ ประกอบพิธีทางศาสนา...
การได้อยู่ท่ามกลางเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางศาสนาและชาติพันธุ์ ห้อมล้อมไปด้วยศาสนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และมนต์เสน่ห์ที่อบอวลไปด้วยเรื่องราวต่างๆ ในอดีต ผสมผสานกับปัจจุบันอย่างลงตัว ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก...เป็นสิ่งที่พุทธศาสนิกชนทุกคนควรแสวงหาและเดินทางไปเยี่ยมชม กราบนมัสการขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และศึกษาถึงความเป็นมาของสถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นใจกลางของศาสนา “ พระบรมธาตุนาดูน ” … สักครั้งหนึ่งในชีวิต !
เล่าเรื่อง...นครจำปาศรี
“ นครจำปาศรี ” มีประวัติอันยาวนานนับเป็นพันปี และได้ถูกเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ เนื่องจากวิกฤตการณ์หรือเหตุผลใดก็ไม่อาจจะทราบได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีเค้าโครงพอที่จะสืบค้นถึงความเป็นมาได้บ้าง จากหลักฐานทางโบราณคดี เช่น โบราณสถาน โบราณวัตถุ โดยเฉพาะใน อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นที่ตั้งนครจำปาศรีเมื่อครั้งอดีต มีโบราณสถานหลายแห่ง และมีโบราณวัตถุหลากหลายชนิด สามารถสอบค้นและเปรียบเทียบอายุ สมัย ลักษณะเผ่าพันธุ์ ตลอดจนการดำรงชีพ ขนบธรรมเนียมประเพณีของบรรพชนในถิ่นแถบนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเป็นตำราเอกสารอื่นๆ พอที่จะอ้างอิงเทียบเคียงได้
และผลการศึกษาขุดค้นขุดแต่งทางโบราณคดี ยังพบข้อมูลที่สำคัญว่า เนินดินขนาดใหญ่เคยเป็นแหล่งฝังศพของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซากสถูปพระพิมพ์สมัยทวารวดี และศาสนสถานก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย สันนิษฐานว่าเป็นศาสนสถานในวัฒนธรรมขอมที่แพร่เข้ามาเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 16 ได้แก่ ศาลานางขาว กู่น้อย และกู่สันตรัตน์ และที่เป็นโบราณวัตถุได้แก่ รูปเคารพในศาสนาฮินดู เช่น ประติมากรรมรูปพระศิวะ รูปพระนารายณ์จากกู่น้อย ศิลาจารึกจากศาลานางขาว เนื้อความกล่าวถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และพระพุทธรูปในคติมหายานจากกู่สันตรัตน์
เมื่อประมวลเรื่องราวจากหลักฐานเหล่านี้ สันนิษฐานได้ว่าเมืองโบราณนครจำปาศรีเคยเป็นชุมชนที่มีผู้คนอาศัยสร้างบ้านเมืองสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงราวพุทธศตวรรษที่ 18 จึงร้างไป
การเดินทาง
การเดินทางไปยังพระบรมธาตุนาดูน ไปได้จากตัวเมืองมหาสารคาม โดยใช้เส้นทางหมายเลข 2040 ผ่าน อ.แกดำ อ.วาปีปทุม แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทาง 2045 ถึง อ.นาดูน ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ
เรียบเรียงโดย topicza.com