Social :



@ถ้ำเอราวัณ หนองบัวลำภู

05 ม.ค. 61 17:01
@ถ้ำเอราวัณ หนองบัวลำภู

@ถ้ำเอราวัณ หนองบัวลำภู

ถ้ำเอราวัณ

      สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่ที่บ้านผาอินทร์แปลง เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีบันไดเรียงคดโค้งไปมา จากเชิงเขาเบื้องล่างขึ้นสู่ปากถ้ำกว่า 600 ขั้น มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ อยู่บริเวณปากถ้ำ มองเห็นได้เด่นชัดจากระยะไกล ภายในถ้ำเป็นห้องโถงขนาดใหญ่จุคนได้หลายร้อยคน มีทางทะลุออกสู่หน้าผามองเห็นทัศนียภาพท้องทุ่ง ถ้ำนี้ยังเป็นสถานที่แห่งตำนานนิยายพื้นบ้านเรื่อง นางผมหอม มีหินงอกหินย้อยสวยงาม การเดินทาง ถ้ำเอราวัณตั้งอยู่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 13 ตามทางหลวงหมายเลข 210 สายหนองบัวลำภู-เลย ประมาณ 45 กิโลเมตร มีทางแยกขวามือเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร

     ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ททท.สำนักงานเลย โทร. 0 4281 2812,0 4281 1405
http://www.tourismthailand.org/loei

ช้างเอราวัณ

     ช้างเอราวัณ การจะเข้าถ้ำเอราวัณ ต้องเข้ามาในวัดถ้ำเอราวัณก่อน พื้นที่รอบวัดกว้างขวางจะแวะไหว้พระทำบุญก่อนขึ้นก็ได้ จากนั้นค่อยมาที่ช้างเอราวัณตรงนี้ ด้านหลังของช้างเป็นบันไดขึ้นไปที่ปากถ้ำยาว 600 กว่าขั้น ใช้เวลาเดินไม่นาน ถ้ำเอราวัณ เป็นมรดกทางธรรมชาติ ไม่มีหลักฐานว่าผู้ใดเป็นผู้ค้นพบและค้นพบเมื่อไหร่ แต่ชาวบ้านเรียกถ้ำแห่งนี้ว่า "ถ้ำช้าง" ตามชื่อของภูเขา ภูผาถ้ำช้าง ต่อมา พระครูปลัดฝั่น ปาเรสโก ธุดงมาพักปฏิบัติธรรมที่เชิงเขา เห็นเป็นที่เหมาะสมต่อการบำเพ็ญเพียรภาวนา จึงได้ศรัทธาบริจาคทรัพย์ สร้างช้างปั้นเอราวัณ เอาไว้ตรงเชิงบันไดขึ้นถ้ำ จึงเรียกชื่อวัดใหม่ว่า วัดถ้ำเอราวัณ และเรียกชื่อถ้ำว่า ถ้ำเอราวัณ เพื่อให้สอดคล้องกัน จึงใช้ชื่อนี้มาจนทุกวันนี้ ถ้ำเอราวัณตั้งอยู่บนภูเขาทอดยาวสลับซับซ้อน กั้นเขตแดนระหว่าง 2 จังหวัดเอาไว้ คืออำเภอวังสะพุง จ.เลย (อำเภอเอราวัณในปัจจุบัน) กับอำเภอนาวัง จ.หนองบัวลำภู ปัจจุบัน ถ้ำเอราวัณอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ บ้านผาอินทร์แปลง ต.วังทอง อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู

บันไดสวรรค์

     บันไดสวรรค์ เอาละเมื่อพร้อมที่จะเดินทางกันแล้ว อ้อมมาหลังช้างเอราวัณจะมาเจอซุ้มประตูที่เขียนว่าบันไดสวรรค์ จุดเริ่มนับบันไดขั้นแรกจากทั้งหมด 600 กว่าขั้น ใครๆ มาที่ถ้ำนี้ก็จะพากันถ่ายรูปคู่กับบันไดเพราะราวบันไดทำดอกไม้พลาสติกติดไว้ตลอดจนถึงศาลาหลังแรก

บันไดสวรรค์ สู่ถ้ำเอราวัณ

     บันไดสวรรค์ สู่ถ้ำเอราวัณ ช่วงแรกเดินกันชิลๆ แต่ทุกคนก็รู้ว่ากว่าจะครบ 600 ขั้นคงต้องนั่งพักไปเรื่อยๆ คนที่ออกกำลังกายเป็นประจำก็เดินสบายรวดเดียวจบ ถ้ำเอราวัณเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่และลึก ถ้าจะเดินจริงๆ แนะนำให้พกน้ำขวดเล็กๆ มากินด้วย แต่ต้องเอาขวดลงมาทิ้งข้างล่าง เพราะอย่างน้อยถ้ำนี้ก็อยู่ในเขตวัด การทิ้งขยะในเขตวัดเป็นบาป เกิดชาติหน้าเดี๋ยวไม่หล่อไม่สวยนะ

ถ้ำเอราวัณ

     พอเดินขึ้นมาได้สักหน่อยก็เริ่มหายใจแรง ทำฟอร์มไม่เหนื่อยหันมาถ่ายรูปคนข้างหลัง แล้วค่อยไปต่อ คนข้างหลังก็ยังลังเลว่าจะขึ้นหรือไม่ขึ้น ดูตลกดี

บันไดสวรรค์ ช่วงสุดท้าย

     บันไดสวรรค์ ช่วงสุดท้าย บันไดขึ้นถ้ำเอราวัณ มี 600 กว่าขั้น ระหว่างทางมีศาลาให้นั่งพักกินลมชมวิว 3 หลัง แต่ละหลังก็เลยมีบันไดประมาณ 150 ขั้น สงสัยมั้ยว่าศาลา 3 หลังทำไมมีบันไดช่วงละ 150 ก็ 150x3 = 450 เอง เรื่องง่ายๆ ก็กางมือออกมามี 5 นิ้ว นิ้วโป้งเป็นจุดเริ่มต้น นิ้วก้อยเป็นปากถ้ำ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง เป็นศาลา 3 หลัง ทีนี้ดูช่องว่างระหว่างนิ้วของเรา มี 4 ช่อง คือบันไดแต่ละช่วงไงละ 4x150 = 600 แล้วใช่มั้ย

     ในบรรดาบันไดทั้ง 4 ช่วง มีช่วงแรกกับช่วงสุดท้ายที่ชันที่สุด แต่ก็ไม่ชันมากเดินไม่กี่นาทีถึงปากถ้ำเลย

ปากถ้ำเอราวัณ

     ปากถ้ำเอราวัณ ที่ปากถ้ำมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานนั่งหันออกจากถ้ำ น้องเมย์ไกด์ประจำถ้ำ น้องส้ม คนอายุน้อยที่สุดของกลุ่มเดินมาถึงก่อนในรูปซ้าย ส่วนน้องเหมยและน้องหวานวัยรุ่นตอนปลายเดินตามมาติดๆ ส่วนเราท่าทางจะเกินวัยรุ่นเดินมาถึงหลังจากนั้น แล้วทั้งหมดค่อยเดินเข้าถ้ำไปพร้อมๆ กัน น้องเมย์เสื้อยีนส์ อายุ 15 จะพาเราเข้าไปดูจุดสำคัญๆ ในถ้ำว่ามีอะไรบ้าง

ชมวิวปากถ้ำ

      ชมวิวปากถ้ำ ด้วยความสูงของภูเขาที่ตั้งของถ้ำเราเลยมองเห็นวิวได้กว้างไกล รอบๆ ภูเขาลูกนี้ก็ยังมีเขาเล็กๆ อยู่ประปรายหลายแห่ง พื้นที่ราบรอบเขาเป็นทุ่งนาทั้งหมด เสียดายว่าวันนี้ฟ้าไม่แจ่มใสไม่งั้นรูปวิวคงจะสวยกว่านี้

โถงแรกของเอราวัณ

     โถงแรกของเอราวัณ ในถ้ำแห่งนี้มีโถงขนาดใหญ่สูง กว้าง เดินสบายไม่อึดอัด ดูขนาดโถงเทียบกับตัวคน เป็นถ้ำที่คนมาเที่ยวกันมาก สำหรับภาคอีสาน ถ้ำเอราวัณเป็นถ้ำที่มีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ เดี๋ยวตามน้องเมย์เข้าไปเลยดีกว่า

โถงหินปะการัง

     โถงหินปะการัง เป็นโถงแรกๆ ที่เราจะเข้าไปด้านใน ผนังด้านขวามีหินย้อยเรียงรายอยู่มากมายจะว่าไปก็คล้ายปะการังในทะเล ที่ดูแปลกตาไปกว่าหินงอกหินย้อยดูเหมือนจะเป็นป้ายบอกชื่อหิน ดูเหมือนป้ายบอกชื่อซอยในกรุงเทพฯ และตัวเมืองใหญ่ๆ เลย ตามทางเดินจะมีคนเอาหินมาซ้อนกันเหมือนเจดีย์เล็กๆ อยู่เต็มไปหมด บางจุดก็จะเห็นไม้ค้ำอยู่ตามก้อนหินใหญ่ บ่งบอกเลยว่าภาคอีสานนี่น่าจะเป็นจ้าวแห่งการซ้อนหินกว่าที่อื่นๆ

หินหัวช้าง

     หินหัวช้าง เดินต่อเข้ามาอีกนิดเราก็จะเห็นหินที่สูงขึ้นไปหน่อย หลายคนพอเห็นก็บอกว่าเหมือนหัวช้างสมชื่อถ้ำช้าง มีงวง มีตา มีหู ยื่นออกมาจากผนังถ้ำ

อ่างหิน

     อ่างหิน เป็นหินย้อยมีแอ่งตรงกลาง บางที่จะเห็นใหญ่เท่าอ่างอาบน้ำ แต่ที่นี่ขนาดพอๆ กับอ่างล้างหน้า ถึงแม้ว่าถ้ำเอราวัณจะเป็นถ้ำที่อยู่ในวัด มีขนาดใหญ่ และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในอีสาน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีคนดูแลจริงจัง หินอ่างจึงมีคนเอาหินไปใส่ไว้จนเต็มอ่าง โดยหารู้ไม่ว่าการทำแบบนี้จะทำให้หินงอกหินย้อยตายไป ลวดลายสวยๆ ก็จะค่อยๆ เลือนหายไป เหมือนกับการเอามือจับหรือลูบหินในถ้ำ

สิงโตหิน

      สิงโตหิน ต่อจากอ่างหินมีหินงอกหน้าตาแปลกๆ หลายคนเห็นแล้วก็ยังงงๆ

MulticollaC
พออ่านป้ายว่าเป็นสิงโตหิน ก็เลยค่อยๆ มองแล้วมันก็จะคล้ายกับสิงโตหินที่เห็นตามวัดจีน หรือสิงโตที่เชิดในงาน

พระพุทธรูปในถ้ำ

     พระพุทธรูปในถ้ำ จากสิงโตหินเดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ แสงที่ส่องเข้ามาจากปากถ้ำค่อยๆ น้อยลงๆ จนเกือบมืด ตรงนี้จะมีแท่นพระพุทธรูปเล็กๆ หลายองค์ น่าจะเป็นที่ประกอบพิธีของพระสงฆ์ที่มาจำศิลบำเพ็ญภาวนาในถ้ำ ฐานมีลายสวยวางบนแท่นหิน ทำหินย้อยจำลองย้อยลงจากฐานพระดูกลมกลืนลงตัวมาก

จุดชมดาว ถ้ำเอราวัณ

    จุดชมดาว ถ้ำเอราวัณ จากฐานพระ เดินตรงมาไม่กี่ก้าวจะถึงบันไดลงไปด้านล่าง บันไดนี้ดูเหมือนไม่สูงแต่ความจริงสูงใช่เล่นอยู่ ด้านในแสงเข้ามาไม่ถึง ทางวัดติดไฟฟ้าส่องสว่างไว้ให้ ไม่ต้องเอาไฟฉายมาก็เดินได้ ดวงไฟเล็กๆ เรียงไปตามทาง มองในมืดสนิทเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว เลยเรียกว่าจุดชมดาว

เสาหินงอก

     เสาหินงอก เป็นหินงอกขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางโถงที่สูงกว้าง ขนาดของถ้ำแถวๆ นี้ใหญ่ยิ่งกว่าโถงแรกที่ปากถ้ำซะอีก หินงอกต้นใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่ในรูปดูเหมือนเล็กๆ แต่ถ้าเทียบกับบันไดที่เราเดินลงมาจะเห็นว่ามันใหญ่มากเลย

หินช้าง

     หินช้าง อยู่ในโถงเดียวกันกับเสาหินงอกแต่อยู่ห่างเหมือนกัน ป้ายสีน้ำเงินตั้งอยู่ใกล้ๆ กับหินก้อนนี้ เขียนว่าหินช้าง คนคงมองว่าเหมือนช้าง แต่ปัญหาคือไม่ว่าเราจะเดินหามุมไหนๆ ที่จะถ่ายรูปให้เหมือนช้างก็หาไม่เจอสักที ชาวบ้านเชื่อว่าหินช้างนี้เป็นหินศักดิ์สิทธิ์ ดูจากเครื่องสักการะที่ตั้งอยู่ก็รู้

ไฮไลท์ ถ้ำเอราวัณ

     ไฮไลท์ ถ้ำเอราวัณ ถึงจะไม่รู้ว่ามองยังไงจะเห็นหินเป็นรูปช้าง แต่ห้องโถงนี้ก็เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่ ในหมู่คนถ่ายรูปรู้กันว่าเพดานถ้ำเอราวัณจะมีแสงลอดลงมาทำให้ภาพเกิดมีมิติมากกว่าตอนไม่มีแสง ลำแสงจะลอดช่องลงมาจนถึงพื้นถ้ำช่วงเวลาประมาณ 11 โมง ถึง เที่ยง ตอนนี้ยังไม่ได้เวลาแต่ก็พอเห็นลำแสงลางๆ ส่องลงมาบ้างแล้ว

ถ้ำธุดงค์

     ถ้ำธุดงค์ เป็นคูหาเล็กๆ มองจากด้านนอกไม่ค่อยเห็นอะไร ต้องเดินเข้าไปลึกหน่อย แสงไฟสีเหลืองๆ ส่องออกมาเดินตามแสงเข้าไปถึงจะมาที่จุดนี้ น่าจะเป็นคูหาที่พระมาปฏิบัติภาวนาใช้จำวัด หรือนั่งบำเพ็ญภาวนา เพราะมองจากด้านนอกไม่เห็น

ถ้ำนางผมหอม

     ถ้ำนางผมหอม เป็นไฮไลท์ในตำนานเรื่องนางผมหอม ที่มาเกี่ยวโยงกับถ้ำเอราวัณแห่งนี้ ชาวอีสานกับตำนานนางผมหอม อยู่คู่กันมานาน ในคูหานี้แม้ว่าจะเล็กแต่หินงอกหินย้อยก็สวยงามไม่แพ้จุดอื่นๆ ในถ้ำ มองดูคล้ายห้องนอน มีม่านกั้นรอบๆ ที่นอน ด้านขวามีอ่างเล็กๆ ส่องไฟสีม่วง เหมือนเป็นอ่างล้างหน้าของนางผมหอม

ถ้ำหินย้อย

     ถ้ำหินย้อย ออกจากถ้ำนางผมหอมเดินตามทางเดินที่มีไฟส่องให้ ทางซ้ายมือของทางเดินจะมีผนังถ้ำสูงใหญ่ เป็นหินย้อยสลับไปมาตรงนี้สวยไม่เบา แต่ถ้าอยากให้มันสวยนานๆ อย่าไปจับมันแล้วกัน ไม่งั้นลายมันจะหายหมดเหลือแต่หินโล้นๆ เกลี้ยงๆ

หินปะการัง

     หินปะการัง อยู่ระหว่างทางเดินไปโถงต่อไป จากตรงนี้มองเห็นช่องสำหรับเดินทะลุออกไปอีกโถง เป็นช่องไม่ใหญ่มากแต่พอจะเดินลอดได้ ก้มๆ หน่อยแล้วกัน ส่วนทางเดินก็เดินระวังๆ เพราะหินที่พื้นเป็นหินกลมเกลี้ยงมันวาวเลย 

รอยเท้าเด็ก

     รอยเท้าเด็ก หินก้อนหนึ่งที่อยู่ตรงพื้นลองก้มดูให้ดี จะเห็นเหมือนรอยเท้าเด็ก 2 ข้าง ไกด์น้องเมย์เล่าด้วยว่ามีรอยนิ้วเท้า 8 นิ้ว แต่เราไม่ได้เพ่งดูขนาดนั้น มองเผินๆ ก็เหมือนรอยเท้าจริงๆ แหละ ในตำนานเล่าว่า ในถ้ำนี้เป็นทะเล มีปะการังอยู่มากมาย เด็กๆ มากระโดดน้ำเล่นที่ตรงนี้ เลยเหลือรอยเท้าเอาไว้ พร้อมกับหินปะการังที่เราเดินผ่านมาใกล้ๆ กับถ้ำนางผมหอม

ห้องเย็น

     ห้องเย็น เป็นโถงสุดท้ายของถ้ำเอราวัณ ลอดช่องเล็กๆ ที่กั้นอยู่ตรงหินรอยเท้าเด็กมาหน่อยเดียวแสงไฟจะหมดลงไปเพราะไม่จำเป็นต้องใช้ ด้านหลังของถ้ำเอราวัณมีปากถ้ำอีกด้านใหญ่ไม่แพ้ด้านหน้า มีบันไดสร้างไว้ให้เดินขึ้นไปชมด้านบนได้ ที่เรียกว่าห้องเย็นเพราะมีลมพัดเข้ามาตลอดเวลา สายลมมาโดนตัวเราที่อยู่ในถ้ำนานๆ ก็เลยรู้สึกเย็นเป็นพิเศษ

บันไดขึ้นปากถ้ำด้านหลัง

     บันไดขึ้นปากถ้ำด้านหลัง พอเข้ามาในห้องเย็นเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ มองย้อนกลับลงไปสูงเหมือนกันนะ แทบมองไม่เห็นพื้นถ้ำเลย

ถ้ำเอราวัณ

     ออกมายืนที่ปากถ้ำด้านหลัง วิวดูสวยกว่าด้านหน้า เพราะไม่มีต้นไม้บัง ข้างล่างเป็นทุ่งนา จากตรงนี้ไม่มีทางเดินลงจากเขา เป็นอันว่าต้องย้อนไปออกปากถ้ำทางที่ขึ้นมา

ถ้ำเอราวัณ

     พอเดินกลับมาจากปากถ้ำด้านหลัง มาถึงโถงที่ 2 ที่เป็นโถงกลางถ้ำ ตรงจุดที่แสงจะลอดปล่องบนเพดานลงมาในตอนแรก ตอนนี้แสงสว่างเข้มเป็นลำสวยแล้ว เลยต้องถ่ายรูปต่ออีกหน่อย ในบางฤดูกาลทิศทางของแสงเปลี่ยน ลำแสงจะลอดลงมาตรงหินที่ผูกผ้า จะสวยงามยิ่งกว่านี้

ถ้ำเอราวัณ

     ก่อนที่จะเดินกลับออกไป ลองเดินหามุมถ่ายรูปลำแสงที่ส่องลงมาพอดีมาอยู่มุมนี้เห็นว่าหินที่ไฟส่องสีเขียวๆ มีรูปร่างเหมือนช้างตัวเล็กๆ นอนหมอบหันหน้าไปทางลำแสง เลยคิดว่าที่เรียกกันว่าหินช้างน่าจะเป็นมุมนี้แหละเหมือนที่สุด

ถ้ำเอราวัณ

     ขากลับของการเดินมาออกหน้าถ้ำ ภาพที่เห็นเป็นทางเดินไปสู่แสงสว่าง มีพระพุทธรูปนั่งอยู่หน้าปากถ้ำพอดี รู้สึกว่าคนสร้างเข้าใจคิด เหมือนหลักธรรมคำสอน ว่าธรรมะคือแสงสว่างของชีวิต

ร้านอาหาร วัดถ้ำเอราวัณ

     ร้านอาหาร วัดถ้ำเอราวัณ ปิดท้ายของการเดินทางชมถ้ำที่ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน ลงมาได้เวลาเที่ยงแบบพอดิบพอดี คงไปไหนไม่ไหวต้องจัดการอาหารสักมื้อที่วัดนี้ ร้านค้าเรียงรายมากมายหลายร้าน แต่ละร้านขายของเหมือนๆ กัน คือส้มตำ ไก่ย่าง ปลาเผา ลาบ น้ำตก ตับหวาน ไม่รู้จะเลือกร้านไหนดี แถมมากันเยอะเกือบ 20 คน เลยใช้วิธีกระจายรายได้สู่ชุมชน ซื้อหลายๆ ร้านมารวมกัน เวลาตำส้มตำจะได้เร็วด้วย เร็วกว่าสั่งร้านเดียวแน่ๆ ฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกันทุกร้าน อร่อยเหมือนกันหมดเลย ถ้ามาไม่ต้องกังวลเรื่องจะเลือกร้านไหนเพราะผ่านเกณฑ์การชิมของเราเรียบร้อยแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก

touronthai.com

โพสต์โดย : ต้นน้ำ