จังหวัดพัทลุง หรือเมืองลุง เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ สภาพเมืองเก่า-บ้านเก่า จึงค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา มาถึงวันนี้ ยังพอมีสถานที่ให้ย้อนรำลึกถึงอดีต ก็คือ ที่ วังเก่า-วังใหม่ ที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตร ด้านหนึ่งติดอภัยอภิรักษ์ ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง และอีกด้านติดคลองลำปำ ที่เรียกกันว่าวังเก่าและวังใหม่ ก็เพราะทั้ง 2 ส่วนนี้ ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน
ตัววังเก่าและวังใหม่ ที่เห็นทุกวันนี้ มีการบูรณะ ปรับปรุงสภาพจากของดั้งเดิมมาแล้ว ภายใต้การดูแลของกรมศิลปากร ในฐานะโบราณสถาน วังเก่า สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระยาพัทลุง หรือ พระยาอภัยบริรักษ์ (น้อย จันทโรจวงศ์) ซึ่งเป็นเจ้าเมือง มีลักษณะเป็นเรือนไทยแฝด 3 หลัง ยกใต้ถุนสูง จั่วขวางตะวัน เรือนหลังที่ 1 และ 2 ทำเป็นห้องนอน มีโถงขนาดเล็กขวางด้านหน้าเรือน และมีชานเชื่อมไปถึงเรือนหลังที่ 3 ซึ่งเป็นเรือนครัว วัสดุก่อสร้างใช้ไม้ทั้งหมด โดยวิธีเข้าลิ่ม แทนการตอกตะปู
ส่วนใต้ถุนวังเก่า มีเรือขุดโบราณ ซึ่งพบจมอยู่ก้นคลองลำปำ ฝั่งตรงข้ามวังเจ้าเมืองพัทลุง จึงได้มอบให้กรมศิลปากรเก็บรักษาไว้ที่นี่
ด้านหลังของวังเก่า เป็นที่ตั้งของวังใหม่ ซึ่งสร้างขึ้นติดคลองลำปำ หลังจากที่หลวงจักรานุชิต (เนตร จันทโรจวงศ์) บุตรชายของพระยาอภัยบริรักษ์ ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งขึ้นเป็นเจ้าเมืองพัทลุงต่อจากบิดา ที่ได้เลื่อนชั้นไปเป็นจางวาง ที่ปรึกษาเมืองพัทลุงในปี 2431 ด้วยความที่วังใหม่อยู่ติดชายคลอง เลยมีการเรียกขานกันว่า วังชายคลองบ้าง วังใหม่ชายคลองบ้าง
หลังวังเก่า มีประตูเปิดออกไปสู่ศาลาชายคลอง ซึ่งมีเรือพัทลุง เก็บรักษาอยู่ บนคานไม้ริมคลอง
เรือพัทลุง นี้มีประวัติไม่ธรรมดาเหมือนกัน โดยเป็น 1 ใน 3 เรือที่รัฐบาลกลางจัดส่งมาให้ใช้ในงานราชการ หลังจากมีการตั้งมณฑลนครศรีธรรมราช และตั้งศาลาว่าการมณฑล ณ เมืองสงขลา เมื่อปี พ.ศ.2439 โดยเรือพัทลุง เป็นเรือที่มีขนาดเล็กสุดใน 3 ลำ ตัวเรือยาว 13.5 เมตร กว้าง 3.5 เมตร เป็นเรือท้องแบบ ลักษณะชั้นครึ่ง ด้านบนเป็นดาดฟ้า หน้าที่หลักของเรือพัมลุง ก็คือ รับส่งเอกสาร และติดต่อทางราชการระหว่างเมืองสงขลา และเมืองพัทลุง รวมถึงเมืองอื่นๆ ที่อยู่ในทะเลสาบสงขลา อีกทั้งยังเคยเป็นเรือพระที่นั่งพระมหากษัตริย์ ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกสมัยรัชกาลที่ 7 และอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมราษฎร
ปัจจุบัน ทายาทตระกูล “จันทโรจวงศ์” ที่ได้รับวังเก่า และวังใหม่ เป็นมรดกตกทอด ก็ได้มอบวังนี้ให้เป็นสมบัติของชาติ และกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งวังใหม่ขึ้นทะเบียนไปก่อนหน้าตั้งแต่ 31 พฤษภาคม 2526 ก่อนที่ทายาทวังเก่าจะส่งมอบตามไปเมื่อ 16 กรกฎาคม 2535
วังเก่า-วังใหม่ เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันตามเวลาราชการ ยกเว้นวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์